สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 57 มีนัดกับเธอตอนค่ำ



ตอนที่ 57 มีนัดกับเธอตอนค่ำ

เธอฟังอย่างสงบนิ่ง ปลายจมูกพลันรู้สึกแสบร้อนยิ่งขึ้น โดย ไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เป็นอะไร?”

ในที่สุดเขาก็ชิงเอ่ยปากขึ้นมา คนรอบคอบอย่างเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอที่หนักหน่วงจนผิดปกติอยู่ หน่อยๆ

“ไม่มีอะไรค่ะ…” เธอก็แค่นึกอยากได้ยินเสียงของเขาขึ้น มา ขอเพียงได้รู้ว่าเขายังสบายดีก็เพียงพอแล้ว

“ไม่มีอะไร?” เขาสงสัย

“คือ…ฉันแค่อยากถามคุณว่า คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เซี่ยซิงเฉินพูด “มีไข้หรือเป็นอะไรไหม? มึนหัวไหม?”

เขาเข้าใจขึ้นมาทันที

เขากำลังยืนมองประเทศของเขาจากชั้นบนสุดของวังไปย วี่ พลางฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วงของ เธอ เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างดูสวยงามไปหมด “เป็นห่วงผมเห รอ?”

“ใช่ค่ะ เป็นห่วงคุณ” ไม่คิดเลยว่าเธอจะตอบกลับทันควัน แถมยังพูดเสริมอย่างจริงจังอีกประโยคว่า “เป็นห่วงอยู่เสมอค่ะ”

เขารู้สึกว่าทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ร่วงนอกหน้าต่างที่แสน เปล่าเปลี่ยวพลันสวยงามขึ้นมาทันตา

ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เป็นอะไร” เขาตอบกลับเธอ น้ำเสียงของเขาฟังดูอบอุ่นกว่าปกติ “คุณเองก็ต้องไม่เป็นอะไร เข้าใจไหม?”

เซียซิงเฉินยิ้ม น้ำตาไหลซึมออกมาตรงหางตา

“อืม พวกเราจะต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”

เขางานยุ่งตัวเป็นเกลียวจริงๆ เหลิงเฟยเคาะประตูเรียก เพื่อแจ้งกำหนดการเดินทางถัดไปให้เขาทราบ

เมื่อเซี่ยซิงเฉินได้ยินเข้าจึงพูดตอบกลับไปอย่างรู้ประสา

ว่า “งั้น…ฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ คุณทำงานต่อเถอะ

เธออยากให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูสบายๆ แต่เสียงที่ ลากยาวโดยไม่รู้ตัวกลับเปิดเผยความอาลัยอาวรณ์ในจิตใจ ของเธอออกมาอย่างชัดเจน

ถ้าเกิดเธอติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะได้ยิน เสียงของเขาอีก? หรือถ้า… โชคไม่ดี เธอก็คงไม่มีโอกาสได้ยิน เสียงของเขาอีกเลย…

“อืม” เขาพูด “คุณวางสายก่อน

“…ค่ะ” เสียงของเธอเบาและยิ่งเศร้าหมอง
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง และตัดสินใจจะกดปุ่มวางสาย

“เดี๋ยว!” เสียงของเขาดังมาจากมือถืออีกครั้ง เธอหายใจ รัวจนแทบจะรีบยก โทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูในเดี่ยวนั้น “มีอะไร คะ?”

“คราวก่อนที่ตกลงกันว่าจะคุณจะลงมือทำอาหารให้ผม ทาน คุณยังจำได้ไหม?

“…” เธอจำได้แม่น แต่เขาปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้วไม่ใช่ เหรอ?

“เอาเป็นคืนนี้แล้วกัน ผมจะพยายามกลับให้เร็วหน่อย ไป๋เย่นิ่งมัดมือชกไม่ให้เธอมีโอกาสปฏิเสธ น้ำเสียงเผด็จการ เหมือนเช่นเคย “เซียซิงเฉิน ถ้าขืนคุณกล้าปล่อยให้ผมรอเก้อ อีกนะ!”

“แต่ว่า…”

เธอคิดจะพูดบางอย่างออกไป แต่เขากลับชิงกดวางสาย

ไปดื้อๆ

เธอจ้องหน้าจอพลางครุ่นคิด เธอไปปล่อยให้เขารอเก้อ เมื่อไหร่กัน? คราวก่อนตัวเธอก็ไม่ได้ต้องการจะทำอาหารให้ เขาสักหน่อย!

เดี๋ยวก่อน!

เรื่องนั้นไม่สำคัญ

ที่สําคัญก็คือคืนนี้เธอกลับไปไม่ได้จริงๆ …
เซี่ยซิงเฉินโทรศัพท์กลับไปหาเขาอีกครั้งเพื่อจะขอเลื่อน เวลา แต่กลับไม่มีคนรับสายอีกเลย

เธอกโทรศัพท์พลางยืนพิงกำแพง ในใจรู้สึก

กระอักกระอ่วน

ตอนนี้เอง เธอก็จินตนาการท่าทางฉุนจัดของเขาขึ้นมาได้

“ซิงเฉิน”

สวี่เหยียนเดินเข้ามาหา ในมือหิ้วถุงยาทั้งใบใหญ่ใบเล็ก

เธอเก็บมือถือ

“หมอบอกว่าเรากลับกันได้แล้ว” สวี่เหยียนส่งยาให้เธอ “คุณรับไปสิ”

เธอรับยาไปถืออย่างว่าง่าย เตรียมเอ่ยขอบคุณเขา เขาก็ อุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง

“สวี่เหยียน!”

“เธออ่อนแอถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องถิ่น เก็บแรงไว้เถอะ สวี่เหยียนเอ่ย “หมอบอกว่ากินยาพวกนี้แล้ว อีกเดี๋ยวไข้อาจจะ ลดลง ถ้าไข้ลดก็แสดงว่าไม่ได้ติดเชื้อ WIS เธอไม่ต้องห่วง จะ ต้องไม่เป็นอะไร”

เซี่ยซิงเฉินรู้ว่าเขากำลังปลอบใจเธอ ไม่อยากให้เขาเป็น กังวลมากนัก เธอจึงฝืนยิ้มออกมา “อืม ไม่เป็นอะไรแน่นอน”
อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจริงๆ ตอนที่สวีเหยียนอุ้มเธอ ขึ้นไปบนรถเขา เธอก็เผลอหลับไปเสียแล้ว

เธอหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสงบ แก้มแดงระเรื่อ เพราะพิษไข้ดูราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง… สวี่เหยียนยืนอยู่ตรงนั้น โน้มตัวลงเพ่งมองเธอที่อยู่ใน

อ้อมกอดของเขา นึกถึงอดีตที่ผ่านมาของพวกเขา ไม่นึกฝันเลย

ว่ายังมีวันนี้ วันที่เธออยู่ใกล้ตัวเองขนาดนี้

อยู่ดีๆ ก็เกิดความหวังขึ้นมาว่า เวลาจะหยุดไว้ตรงนี้ ตลอดกาล…และเธอจะอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองชั่วนิรันดร์…

แม้ว่าจะป่วยขึ้นมาจริงๆ เขาก็จะยอมดูแลเธอเช่นนี้ชั่ว ชีวิต…

ตอนที่เซี่ยซิงเฉินตื่นขึ้นมา มองเห็นห้องที่ไม่คุ้นเคย และ ตอนนี้เธอเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย…

ตัวเองอยู่ที่ไหนกัน?

เธอสะลึมสะลือ กึ่งยันตัวเองฝืนลุกขึ้นนั่ง ร่างกายรู้สึก ร้อนๆ หนาวๆ

เธอพยายามนึกย้อนกลับไป นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปตรวจที่ โรงพยาบาล และก็นึกได้ว่าต่อมาได้เจอกับสเหยียน หลังจาก นั้น ก็ไม่เหลือความทรงจำใดๆ เลย

“คุณตื่นแล้วเหรอ?”
ประตูห้องถูกผลักจากด้านนอก สวี่เหยียนยกน้ำอุ่นเข้ามา แก้วหนึ่งแล้วนั่งลงข้างเตียง “กินยาแล้วค่อยนอนต่ออีกสัก หน่อยเถอะ”

เสียงของเขาอ่อนโยนมาก

ในที่สุดเธอก็ได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่

“คุณหลับไป ผมไม่รู้ว่าควรจะไปส่งคุณที่ไหน ก็เลยพามา ที่บ้านผมชั่วคราว”

พอเขาพูดเช่นนี้ เธอถึงได้นึกออก ตอนนี้ตัว แล้วจริงๆ ตอนนี้ตัวเองไม่มีที่ไป

ทำเนียบประธานาธิบดีนั้น ก่อนที่ผลตรวจจะออกมาแน่ชัด ก็ยังกลับไปไม่ได้ชั่วคราว ส่วนห้องที่เคยอยู่เธอก็คืนไปตั้งนาน แล้ว

“ฉันจะไปพักที่โรงแรม…” นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่เธอคิด ออก เธอดึงผ้าห่มออกเพื่อจะลุกจากเตียง

ทว่าพอขาทั้งสองข้างแตะพื้น ทั้งร่างก็อ่อนยวบไถลลงไป กองกับพื้น ยืนไหวที่ไหนกัน

สวี่เหยียนอุ้มเธอขึ้นจากพื้นแล้ววางกลับลงบนเตียงอีก ครั้งด้วยความสงสาร

“สภาพเธอแบบนี้ ตัวคนเดียวดูแลตัวเองยังไม่ไหว ช่วงนี้ อย่าเพิ่งไปไหนเลยนะ พักอยู่ที่นี่ไปก่อน
เซี่ยซิงเฉินกำลังจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาในตอนนี้ ทั้ง คู่ควรจะอยู่ห่างกันยิ่งไกลยิ่งดีจะดีที่สุด

“ฉันไม่อยากทำให้คุณต้องเดือดร้อน” เธอกล่าว ไข้ขึ้นสูง มากจนกระทั่งเสียงพูดยังแหบพร่าไปหมด

“ถ้าแพร่เชื้อมาให้ได้ผมจริงๆ เมื่อครู่ตอนที่อยู่โรง พยาบาลก็คงติดไปแล้ว ตอนนี้คุณออกมาแล้ว ถ้าไปอยู่ โรงแรมอีกก็อาจยิ่งต้องสัมผัสคนเยอะขึ้น ผมคิดว่าคุณเองก็ไม่ อยากทําให้คนอื่นเดือดร้อน ใช่หรือเปล่า?”

เป็นเช่นนี้จริงๆ

สวี่เหยียนหยิบยาให้เธอ “ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คืออยู่ กับผมที่นี่ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวคุณกิน ยาเสร็จแล้วรอให้ดีขึ้นอีกหน่อย ถ้าคุณยังอยากไปผมก็ไม่ห้าม คุณ”

เซียซิงเฉินมองเขา แล้วก็มองยาในมือของเขา แล้วกินยา เข้าไปโดยไม่เอ่ยอะไรอีก

ตัวยาฤทธิ์แรงมาก เพิ่งกินเข้าไปไม่ทันไรยาก็ออกฤทธิ์ เธอที่ยังสะลึมสะลือกผล็อยหลับไป ครั้งนี้ยิ่งหลับลึกหนักกว่า เมื่อครู่เสียอีก

อีกด้านหนึ่ง
สำนักงานประธานาธิบดี หลังจากที่ไปเย่งขึ้นรถ เหลิงเฟ ยก็ถามว่า “กลับทำเนียบตอนนี้เลยไหมครับ?”

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น ” ไปกระทรวงการต่าง

ประเทศ”

วันนี้ไม่มีโปรแกรมต้องไปกระทรวงการต่างประเทศ แต่ ในใจเหลิงเฟยรู้ดีว่าเขาไปเพื่อใคร เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ความเพียงแค่ขึ้นรถแล้วสั่งคนขับรถ “บอกรถติดตามกลับไป เถอะ ไม่ต้องตามมาแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ