สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 320 เข้าใจผิด (2)



ตอนที่ 320 เข้าใจผิด (2)

นี่ถือว่ากำลังเป็นห่วงสินะ?

แต่ว่าความเป็นห่วงนี้ก็ช่างพิเศษ เกรี้ยวกราดจนตอนนี้ เธอก็รู้แล้วนิสัยไปเย่นิ่งได้จากใครมา

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าคุณท่านจะอยู่ร่วมกันได้ยากกว่าเขา เสียอีก

“เปล่าค่ะ คนที่ท้องไม่ใช่…

คำว่า “ฉัน ยังไม่ทันพ่นออกจากปาก จู่ๆ คุณท่านก็เห็น ใบทำแท้งที่อยู่ด้านล่าง อารมณ์จึงปะทุขึ้นมาทันที

“ผู้หญิงใจเหี้ยม เธอจะเอาลูกออกได้ยังไง! เด็กมัน

บริสุทธิ์นะ!”

พระเจ้า!

เซียซิงเฉินรู้สึกว่านี่มันเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว!

คุณท่านกลับไม่ยอมฟังคำอธิบายจากเธอรีบล้วง โทรศัพท์ ออกมาแล้วถลึงตามองเธออย่างดุดัน “ฉันล่ะจะดูว่าในโรง พยาบาลนี้ใครจะกล้าทำแท้งให้เธอ

“ท่านไม่สิ คุณลุง ฟังฉันนะ…”
“พูดๆๆ! มีอะไรให้พูดอีก! ฉันเตือนเธอเลยนะ เธอลอง กล้าเอาลูกออกดูสิ!” คุณท่านส่งสายตาเยือกเย็นมาให้ เซียซึ่ง เฉินเสียวสันหลังวาบ นั่นไม่ได้พูดเล่น

ไปชิงสั่งที่อยู่ข้างๆ ตบมือเธอเบาๆ แล้วพูดปลอบ “หนู ปล่อยเขาไปเถอะ เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็รู้เองว่าเข้าใจ ผิด”

เซี่ยซิงเฉินเงียบไปชั่วครู่ไม่ได้พูดอะไร

คุณท่านไปคุยโทรศัพท์อยู่มุมข้าง น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดัง ลั่น เซียซิงเฉินถึงได้สบสายตาเข้ากับไปชิงรั่งอย่างจัง “เมื่อกี้ ฉันชนคุณอาไป คุณอาเป็นอะไรไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร อาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

“ค่อยยังชั่ว” เซียซิงเฉินยิ้มบางเบา “ได้ยินเฉิงพูดถึงคุณ อาตลอด เดิมที่อยากเจอคุณอาเองกับตา แต่คราวก่อนยุ่งเกิน ไปเลยไม่มีโอกาสได้ไปพบ

“เฉิงบอกว่าถ้าอาเห็นหนูต้องชอบแน่ๆ พอมาดูแล้วเขา

ไม่ได้โกหกอาเลย เห็นแล้วถูกชะตาจริงๆ

เซียซิงเฉินหัวเราะ โชคดีที่คุณอาท่านนี้ไม่ได้โหดเหี้ยม เหมือนคุณท่านไป

“อ้อ คิดไว้หรือยังว่าจะแต่งงานเมื่อไร?

เซี่ยซิงเฉินคิดชั่วครู่ก็พูดตามตรงอย่างไม่คิดปิดบังผู้ อาวุโสกว่า “ความจริงเราคุยกันไว้แล้วว่าจะไปจดทะเบียนกันวันเสาร์ ส่วนงานแต่งงานคงรออีกสักระยะค่ะ

“วันเสาร์ก็จะจดทะเบียน?

เมื่อวานไม่ได้ยินเฉิงบอกเลย

“เขากลัวว่าคุณท่านจะคัดค้านเลยอยากรอให้ได้ใบ ทะเบียนสมรสก่อนค่อยบอกน่ะค่ะ”

“เจ้าเด็ก ตั้งหลายปีแล้วยังเอาใจพ่อเขาไม่ถูกอีก? ก็ได้ ในเมื่อเรื่องนี้พวกหนูไม่คิดบอกอาเองก็จะไม่ปากโพล่งออกไป แต่ว่าพวกหนูวางใจได้ พี่ชายอาอาเข้าใจดี เขาก็แค่เห็นแก่ หน้าเลยเข้มงวดกับหนูไปหน่อย

เซียซิงเฉินพยักหน้า เธอก็รู้สึกเช่นนั้นและเหมือนจะเป็น อย่างนั้นจริงๆ ต่อให้คุณท่านจะอยู่ร่วมด้วยยากแต่ก็ยอมให้ เธอเรียก “คุณลุง ไม่ใช่เหรอ?

แค่เธอคุยกับไปชิงรั่งไปครู่เดียว คุณท่านก็วางสายแล้ว

ย้อนกลับมา

ดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องมองเซียซิงเฉินอย่างดุดันเช่นเดิม จ้องจนเธอขนลุกวาบไปทั้งตัวพลางได้ยินเสียงแค่นในลำคอ ของคุณท่าน “เดี๋ยวคุณหมอพู่กับทีมของเขาก็จะมาตรวจ ร่างกายให้เธอ! ไปนั่งรออยู่ชั้นบนไป

เซียซึ่งเป็นหนังหัวกระตุก “ท่านบอกคุณหมอฟูไปแล้วเห รอคะ?”

“บอกเขาแล้วทำไม?” คุณท่านแผ่นเสียง “ฉันยังไม่บอกคุณหญิงกับเฉิงเลย! ถ้าให้พวกเขารู้ว่าเธอคิดจะเอาเด็กออก ต้องถลกหนังเธอแน่!

เซี่ยซิงเฉินปวดหัวจะตายแล้ว

“ท่านรีบบอกให้คุณหมอไม่ต้องมาแล้ว คนที่ท้องไม่ใช่ ฉัน คนที่จะเอาลูกออกก็ไม่ใช่ฉัน

เห็นว่าเริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแล้วเธอก็รีบอธิบาย

คุณท่านยังคงดื้อรั้น “เธออย่าคิดโกหกฉัน ฉันไม่ได้โง่!

“จริงๆ นะคะ” เซียซึ่งเป็นเอกสารไว้ในมือ “ท่านดูสิ ฉือเว่ยยัง ไม่ใช่ฉันจริงๆ

คุณท่านถึงเห็นชื่อนั้นชัดเจน ทำสีหน้าไม่ถูก หลายปีมานี้ แทบไม่เคยมีใครความผิดของเขาออกมาซึ่งๆ หน้า แต่ตอน นี้กลับถูกเด็กนี่ชี้ความผิดออกมาต่อหน้าน้องชายรวมถึงกลุ่ม คนที่คอยติดตามอยู่ด้านหลัง จึงหาทางแก้หน้าได้ยาก

จากนั้นก็อารมณ์เดือดพล่านเข้าจริงๆ แถมยังพุ่งเป้าไปที่ เซี่ยซิงเฉิน

“ไม่ใช่เธอทำไมเธอไม่รีบบอก! จงใจให้คนแก่อย่างฉัน ใจร้อนใช่ไหม?”

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกว่าตนถูกเข้าใจผิดไปมากแล้ว

เพียงแต่ยังดีที่คุณท่านไม่ได้ตำหนิเธออยู่นั่นแต่โทรไปที่ อี้เฉินอีกครั้ง เซี่ยซิงเฉินเงี่ยหูคอยฟัง
ย่อมไม่ได้ยินเสียงของคุณหมออยู่แล้ว ได้ยินแต่เสียง ของคุณท่านจากทางนี้ “อืม ใช่ เธอไม่ต้องมาแล้ว ทีมของเธอ ก็ไม่ต้องมาแล้ว….อืม เธอไม่ได้ท้อง ใช่ คนที่จะเอาเด็กออกก็ ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเพื่อนของเธอ…ชื่อของเพื่อนเหรอ?

เซียซิงเฉินที่ได้ยินจึงรีบโบกมือตรงหน้าคุณท่านอย่างเสีย มารยาทเป็นเชิงห้าม

คุณท่านที่ยังอารมณ์คุกรุ่นอยู่ ยิ่งเธอห้ามตนพูด เขาก็จะ ยิ่งพูด แค่นเสียงก่อนจะกล่าวออกไป “เหมือนจะเป็นผู้หญิงที่ นามสกุลฉือนะ ชื่ออะไรนะ? ใช่ คือเว่ยยัง

“…” เซี่ยซิงเฉินพูดไม่ออกแล้ว

คุณท่านนิสัยเด็กเสียจริง

เรื่องนี้คุณหมอรู้เข้าแล้ว ความจริงก็ไม่ถือเป็นเรื่องเลว

ร้ายหรอกใช่ไหม?

คุณท่านที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็พูดออกมาว่า “เจ้าอี้เฉิน ยิ่ง อยู่ก็ยิ่งเสียมารยาท นี่ฉันยังพูดไม่จบเลยเขาก็รีบวางสายไป แล้ว อย่างกับรีบไปช่วยดับไฟอย่างนั้นแหละ

เซียซิงเฉิน โอดครวญในใจ

เรื่องตรงหน้ารีบร้อนยิ่งกว่าช่วยดับไฟอีก

ในเมื่ออธิบายทุกอย่างไปแล้วทั้งสองก็ไม่อยู่นานไปกว่านี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลงมารับด้วยตัวเอง จากนั้นก็ขึ้นไป ชั้นบน เซี่ยซิงเฉินที่คอยตามอยู่ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เดินไปส่งพวกเขาที่หน้าลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงถึงถอนหายใจ ออกมา หมุนตัวเดินไปทันที

รีบไปชาระเงิน

แต่เมื่อเดินไปถึงตรงช่องคุณหมอก็ลุกขึ้นยืนแล้ว “คุณหมอ ดิฉันกำลังจะจ่ายเงินค่ะ

“คุณมาช้าไป คอมพิวเตอร์ปิดเครื่องหมดแล้ว ตอนบ่าย คอยมานะ!”

“เกิดเรื่องกับคุณท่านแบบนี้ไม่สายสิแปลก

เซียซิงเฉินบ่นอุบ แต่ตอนนี้ฟู่เฉินที่รู้ว่าเธออยู่โรง พยาบาลก็ไม่รู้ว่าจะตามมาหรือเปล่า

ถ้าเขายังมีเยื่อใยต่อเว่ยยังอีกสักนิด แค่เพียงนิดเดียวก็

น่าจะมาอยู่แล้วสินะ!

เธอจำต้องยอมแพ้ หมุนตัวกลับไปหาคือเว่ยยัง

“เธอบอกว่าฟู่เฉินรู้ว่าฉันอยู่โรงพยาบาลแล้วเหรอ?”

ฉือเว่ยยังผุดลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตกใจ เธอไม่ได้คาดว่าเรื่องจะ กลายเป็นเช่นนี้

“เธอใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เซี่ยซิงเฉินรีบเล่า เรื่องคุณท่านไปหมดเปลือก คือเว่ยยังจึงไม่เหลือท่าที่กล่าว โทษเธอแต่อย่างใด ต่อให้เธอบอกเฉินไปเธอก็รู้ว่าเป็นเพราะหวังดีต่อตน

“ในเมื่อเขารู้แล้วก็ต้องมาหาเธอที่โรงพยาบาลแน่ๆ จะทำยังไงต่อ?”

เธอ

ฉือเว่ยยังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวอันเยือกเย็นบนทางเดิน ใน หัวพร่ามัวไปครู่หนึ่งก่อนเธอจะกล่าวออกมาเสียงเน้อย “มาก

มาสิ ในเมื่อ…ฉันแค่ไม่บอก เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นลูกของเขา

“เธอไม่คิดจะบอกเขาเหรอ?”

“บอกเขาทำไม? ทั้งที่เป็นสองคนที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะให้มีสิ่งเชื่อมโยงกันและกันอีก…อีก อย่างเขามาก็ดี เราสองคนจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักที…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ