สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 132 กลับทำเนียบประธานาธิบดี อีกครั้ง (1)



ตอนที่ 132 กลับทำเนียบประธานาธิบดี อีกครั้ง (1)

แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไป เมื่อพ้นประตูโรงพยาบาล ก็ได้ยิน เสียงอึกทึกครึกโครม

“ท่านประธานาธิบดี อีก 15 วันก็จะมีงานหมั้นของท่านกับ คุณส่งแล้ว ไม่ทราบว่าการแต่งงานระหว่างสองตระกูลครั้งนี้จะ ส่งผลอะไรต่อการเมืองบ้างครับ

“ท่านกับคุณซึ่งจะจัดงานหมั้นที่ไหนคะ ถึงตอนนั้นจะสั่ง หยุดให้ทั้งประเทศร่วมฉลองหรือเปล่าคะ

“ในเมื่อกำหนดวันหมั้นแล้ว ตกลงพวกคุณจะแต่งงานกัน เมื่อไรคะ ได้ยินมาว่านี่เป็นการแต่งงานทางการเมือง ระหว่าง คุณทั้งสองไม่มีความรักเลยจริงๆ เหรอ”

บนขั้นบันไดของโรงพยาบาล สื่อมวลชนรุมล้อมอัดแน่น ไปหมด คำถามของทุกคนที่พ่นออกมา แต่ละคำถามร้อนแรง ไม่แพ้กัน

เซียซิงเฉินได้ยิน เธอไม่ได้เงยหน้า ทำเพียงแค่ถือสัมภาระ เดินก้าวเท้าออกไปอย่างไว ทว่าหนทางข้างหน้ากลับถูกนักข่าว กับกล้องอันใหญ่โตบดบังจนมองไม่เห็นทาง คนขับรถได้มาช่วยหญิงสูงวัยและเซียกั่วเผิงแล้ว มือของเธอถือสัมภาระแถม ยังมีเรือนร่างผอมบางกว่าชายเหล่านั้นนัก เธออยากจะมุดออก จากฝูงชนแต่มันยากเสียจริง

ฝันเดินไปสองสามก้าว จู่ๆ เหล่านักข่าวก็รุมเข้ามาอีก เธอ เห็นเช่นนั้นจึงรีบก้าวถอยหลัง ส้นเท้าชนเข้ากับขอบบันได ไม่ทันระวังทั้งตัวก็ล้มกองกับพื้นทางเดินอย่างแรง เห็นกลุ่มชน กำลังจะเหยียบผ่าน เธอตกใจจะรีบลุกขึ้นยืน ข้อศอกก็พลันถูก มือใหญ่จับไว้ แรงฉุดจากใครคนหนึ่ง ส่งผลให้เธอลุกขึ้นได้ อย่างง่ายดาย

เซี่ยซิงเฉินยังไม่ได้สตินัก ได้ยินเพียงเสียงชัตเตอร์ดัง แชะๆ ไม่หยุดหย่อน แสงชัตเตอร์กะพริบถี่จนเธอแทบลืมตา ไม่ขึ้น เธอยกแขนขึ้นบดบังแสง หันกลับไปมองถึงเห็นว่าคนที่ ดึงแขนตนไว้อยู่ก็คือไปเฉิง ทั้งสองคนสบตา แสงไฟสว่างจ้า กะพริบจนเธอตาลายไปหมด เรือนร่างสูงใหญ่ของเขาบังเธอไว้ ทั้งตัว ทอดสายตามาที่เธอ ลึกซึ้งและสับสน

เซี่ยซิงเฉินยืนอึ้งไปสักพัก ใจเต้นรัวหลังสบตากับเขา ทั้ง ร่างเหมือนถูกสูบวิญญาณไป หลุดเข้าภวังค์ไปนานพอสมควร จนกระทั่งคำถามของนักข่าวถูกส่งมาใหม่

“ท่านประธานาธิบดี รู้จักคุณคนนี้เหรอครับ”

“ไม่ทราบว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์กันยังไงคะ

“ดูเหมือนพวกคุณจะสนิทสนมกันมาก เป็นคนรู้จักหรือ เปล่า”
ตอนนี้ คำถามทุกคำถามล้วนพุ่งเป้ามาที่เซี่ยซิงเฉิน เธอ นับถือความมีไหวพริบของเหล่าสื่อมวลชนจริงๆ แค่อุบัติเหตุ แบบนี้พวกเขายังสามารถพูดคำว่า “คนรู้จัก” กับ “สนิทสนม ออกมาได้ หลังได้สติก็ส่งยิ้มเบาบางให้เขาไปที ถ่อมตัวแล้วขึ้นตัว

ออกห่าง “ขอบคุณค่ะท่านประธานาธิบดี

นี่เป็นท่าทีของสามัญชนธรรมดาต่อประธานาธิบดีอย่าง แน่นอน

เธอดึงแขนออกจากฝ่ามือของเขาเงียบๆ เขาไม่เอ่ยอะไร แต่กลับขบกรามแน่น ปากเม้มเป็นเส้นตรง ทำเพียงมองเธอที่ ขยับตัวออกห่างจากเขาไปอีกฟากด้วยสายตาเย็นชา พอเธอ ถอยไปจนถึงบริเวณที่ปลอดภัย แววตาของเขาเรียบนิ่งกว่าเดิม

ไมค์และกล้อง ถูกยื่นไปตรงหน้าเซียซิงเฉิน พอดีกับรอย ยิ้มบนใบหน้าเธอ “ฉันเป็นแค่ญาติผู้ป่วย ครั้งนี้ได้เจอกับท่าน ประธานาธิบดีรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ที่คุณพ่อของฉันหายดี เพราะท่านประธานาธิบดี

ที่แท้ก็เป็นแค่ญาติผู้ป่วย

ทุกคนลอบถอนหายใจ เดิมที่ยังคิดว่าจะได้ข่าวซุบซิบ อย่างดีแล้วเชียว

ไปเฉิงสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่เอ่ยอะไร ทำเพียงแค่หันหน้าเหลือบมองเซี่ยซิงเฉินแวบหนึ่ง แล้วหันมองเหลิงเฟยแวบหนึ่ง

เซียซิงเฉินใจเต้นระรัว เธอไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปนาน กว่านี้ก็เดินฝ่าฝูงชนออกมาทันที เหลิงเฟยที่ได้รับสายตาจาก ท่านประธานาธิบดี เดินไปช่วยเซียซิงเฉินถือสัมภาระเงียบๆ คุ้มกันเธอให้เดินออกไปอย่างง่ายดาย

พอเธอไป จุดสนใจของสื่อมวลชนจึงตกอยู่ที่เขาทั้งหมด ดู เหมือนอารมณ์เขาจะไม่ดีนัก แย่กว่าเมื่อครู่มากทีเดียว ไม่เอ่ย สักประโยคต่อหน้าสื่อมวลชน ได้แต่เดินลงไปตามบันไดด้วย สีหน้าเรียบตึง เซี่ยซิงเฉินไม่หันกลับมามองอีก เมื่อเดินถึงสุด บันไดแล้ว เธอก็พูดกับเหลิงเฟยว่า “ขอบคุณมากค่ะ ส่ง สัมภาระให้ฉันเถอะ”

“คุณขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมถือสัมภาระให้คุณเอง

“อย่าเลย” เซี่ยซิงเฉินชิงสัมภาระมาถือไว้เอง “ทุกคนรู้ว่า คุณเป็นเลขาและคนสนิทของเขา พวกสื่อมวลชนจับผิดเก่งมาก ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้เขา คุณรีบกลับไปอยู่ข้างเขาเถอะ

เหลิงเฟยตื้นตันใจ “หากท่านรู้ว่าคุณเซียยังเป็นห่วงขนาด นี้ ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ

เซียซิงเฉินหลุบตามอง แพขนตาสั่นไหว สักพักจึงเงย หน้าแล้วเปิดปากพูด “ฉันยังไม่มีโอกาสได้แสดงความยินดีกับ เขาสักที มีโอกาสก็อยากรบกวนคุณช่วยบอกเขาทีนะคะ

เหลิงเฟยเบ้หน้า “คำพูดนี้ ผมว่าคุณเซียต้องบอกเองถึงจะ จริงใจนะครับ”
ถ้าเขากล้าพูดไป คงถูกสายตาเขาฟัน

“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณย่ากับคุณพ่อฉันรออยู่” เซียซิงเฉินหัน หลังจอดอยู่ข้างทางแวบหนึ่ง ฉันก่อนนะ

“ครับ ยังไงก็ยินดีกับเซียมาได้ด้วยนะครับ

“ขอขอบคุณแทนพ่อของฉันค่ะ

เหลิงเฟยยืนส่งจนเซียซิงเฉินจากไป ถึงได้กลับเข้าไปใน ชนอีกครั้ง กันนักข่าวไปเยถึงขึ้นรถ เหลิงเฟยขึ้นตาม สองนั่ง

อีเมล์อยู่ สักพักถึงได้

เอ่ยปากอย่างเรื่อยเปื่อย คุยอะไรกันบ้าง

“หึมเหลิ่งเฟยเงยหน้ามองเขา เหมือนไม่เข้าใจ

ไปขมวดคิ้ว เหมือนไม่พอใจกับท่าทางชักช้าอีก ฝ่าย เหลิงเฟยนิ่งไปชั่วครู่นี่

ไป๋เย่นิ่งไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ทำเพียงแค่ขยับนั่ง หลังตรง สายตายังคงจดจ้องอีเมล์ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ทว่าจะสนใจหรือไม่สนใจจริงๆ นั้น มีแต่ เขาเท่านั้นรู้ดีที่สุด
“เอ่อ…คุณเซียคุยบางเรื่องกับผมจริงๆ แต่ว่า…ผมไม่กล้า บอกท่าน”

สายตาเขาหยุดนิ่ง เบนสายตาขึ้นมอง หน้าผากเหลิงเฟย ขึ้นไปด้วยเหงื่อ “ท่านอยากฟังจริงๆ เหรอครับ”

“บอกมา”

“อ่ะแฮ่มๆ!” เหลิ่งเฟยวอร์มเสียง ตั้งใจจะบอกออกไป จึง นั่งหลังตรงเอ่ย “คุณเซียฝากให้ผมบอกกับท่านว่า “ยินดีด้วย

“อะไรนะ” ไปเย่นิ่งเหมือนไม่ได้ยินสามคำสุดท้าย สายตา

เย็นเฉียบจ้องเหลิงเฟย น้ำเสียงก็เย็นชา “พูดอีกที”

เหลิงเฟยใจเต้นรัว รู้เลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร เขา เรียกความกล้าออกมา แล้วเอ่ยอย่างช้าๆ อีกครั้ง “คุณเชีย บอกว่า… ยินดีด้วยสำหรับงานหมั้นของท่านกับคุณซึ่ง

สิ้นประโยคเขา เสียงของไอแพดที่ถูกโยนใส่ข้างๆ ก็ดัง ขึ้น ไปเย่นิ่งเอนตัวจึงเข้ากับเบาะรถ ส่งเสียงครางออกมาที หนึ่ง สีหน้าของเขาหม่นลงเหมือนมีเมฆฝนมาปกคลุมอย่างไร อย่างนั้น บรรยากาศภายในรถดึงเสียยิ่งกว่าถึง

ตอนก่อนหน้า

ตอนต่อไป

กลับไปหน้าเรื่อง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ