สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 165 แอบคบกัน (1)



ตอนที่ 165 แอบคบกัน (1)

“ช่ว!” เซี่ยซิงเฉินเดือนด้วยความระมัดระวัง

ฉือเว่ยยังรีบเอามืออุดปาก “ใช่ๆๆ กำแพงมีหู ประตูมีช่อง เวลาแบบนี้พูดมั่วไม่ได้

เธอลดเสียงลงจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบอย่างไรอย่าง นั้น “ลูกชายเธอบอกว่าเธอออกไปกับเหลิงเฟย ตอนนี้เธอยัง อยู่ที่นั่นใช่ไหม”

“อืม!” เซี่ยซิงเฉินทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ พร้อมกับพูด ว่า “เธอช่วยเอาโน้ตบุ๊กฉันมาด้วยล่ะ ฉันคงไม่ได้กลับไปบ้าน อ้อ ต้าไปไปเรียนหรือยัง

“ไปแล้ว เธอวางใจเถอะ

“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกัน”

มาถึงตึกทำงาน เชียซิงเฉินก็ถูกฉือเว่ยยังลากไปนอก ระเบียงถามไถ่ถึงเหตุที่ไม่กลับห้องเมื่อคืน เซี่ยซิงเฉินเล่าเรื่อง ทั้งหมดด้วยเสียงเบา คือเว่ยยังเบิกตากว้างแล้วพูด “พวกเธอ สองคนนี่มัน…ช่วงเวลาอ่อนไหวแบบนี้ยังแอบคบกันอีก ช่าง กล้าดีจริงๆ เลยนะ!”

เซี่ยซิงเฉินมุมปากกระตุกไปที่ “แอบคบกันอะไร พูดจาน่า เกลียด!”
“คบกันอย่างหลบซ่อนยังไงก็ถือเป็นแอบคบหมดแหละ อีกอย่างพวกเธอสองคนปิดบังคนทั้งประเทศอยู่นะ!”

“…เราสองคนไม่ได้แอบคบกันสักหน่อย” เซียซิงเฉินพิม

ฟ้า ทอดสายตาลงบนถนน ใต้ตึก

ระหว่างเธอกับไปเยถึง…เหมือนจะยังไม่ใช่แอบคบกันนะ

แม้ว่าระหว่างพวกเขาจะทำทุกอย่างที่ควรทำไปแล้ว หรือ ที่ไม่ควรทำเมื่อห้าปีก่อนไปแล้ว แต่ว่า…กระดาษแผ่นบาง ระหว่างพวกเขา เหมือนไม่มีใครตั้งใจทำลายมันทิ้ง แล้วตอนนี้ เขากับซึ่งเหวย บางทีอาจจะต้องแต่งงานกัน…

สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าถามเขาว่ามีความคิดจะทำอย่างนี้ หรือเปล่า แต่ตัวเองก็เหมือนจะหาสถานะที่จะถามไม่เจอ

“ทำไมน้ำเสียงเธอเหมือนปวดใจแล้วก็หดหูขนาดนี้ล่ะ!?

ฉือเว่ยยังหรี่ตามองเธอ “ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนที่พวกเธอสองคนนอน

ด้วยกัน แต่ว่า…คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้งไหม

เซี่ยซิงเฉินทำที่เป็นโมโหแล้วทุบเธอไปที่ “เธอก็คิดได้แต่ เรื่องแบนี้”

“ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้วนี่นา แค่คิดไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย อีกอย่างพวกเธอนอนด้วยกันมาตั้งหลายครั้งแล้วเขายังทนได้ สุดยอดจริงๆ!”

เซี่ยซิงเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่นึกอะไรบางอย่างขึ้น ได้พอดีจึงเอ่ย “คืนนี้ฉันไปกินข้าวกับเธอและต้าไปไม่ได้แล้วเธอช่วยบอกลูกแทนฉันหน่อยนะ

“ไปไหน” ถือเว่ยยังมองเธอแวบหนึ่งจากนั้นจึงกระจ่าง พยักหน้า “ได้ ฉันรู้ว่า จะไม่ล็อคประตูนะ กลับมาหน่อยก็ไม่ เป็นไร”

ตกเย็นเซียซิงเฉินไปซื้อผักในซุปเปอร์มาเก็ต ขณะที่กำลัง เดินอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตในหัวก็พลันนึกถึงภาพเมื่อครั้งที่พวก เธอสามคนพ่อแม่ลูกมาเดินด้วยกัน ตอนนั้นสองพ่อลูกไม่ค่อย ลงรอยกัน ไม่ใช่คนเป็นพ่อโกรธก็คนลูกโกรธ แต่พอมาคิดดู แล้ว ช่างเป็นความอบอุ่นที่บอกไม่ถูก

ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม ไม่แน่นั่นอาจจะ เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ความเจ็บปวดแล่นผ่านใจเซียซิงเฉิน เธอส่ายหัวไปมา

เพื่อหยุดคิด มือหยิบผักสดออกจากตู้แช่

เธอกลับมาที่โรงแรม King อีกครั้ง ห้องที่กว้างใหญ่นั้น ว่างเปล่า ไร้เงาผู้คน เซี่ยซิงเฉินหมุนตัวเข้าห้องครัวตระเตรียม อาหารเย็นอย่างคล่องแคล่ว

ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไร

เกรงว่าเขาจะกลับมาเกินแล้วกับข้าวที่ทำไว้จะไม่อร่อย เธอจึงวางผักแต่ละอย่างไว้อย่างนั้น รอคอยให้เขากลับมาแล้ว ค่อยทำ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
เซี่ยซิงเฉินคิดแล้วจึงถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินออกจาก ห้องครัว แกะผมที่มัดไว้ นั่งตัวอยู่บนโซฟาพลางดูโทรทัศน์ อย่างเบื่อหน่ายต่อไป

บ้านใหญ่

ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ไปเย่นิ่งได้รับสายจากบิดา หลายสายให้เขากลับไปบ้านสักครั้ง จนถึงตอนนี้เขาก็มีเวลา ว่างพอดี

เดินเข้าประตู มารดากับไปเย่ต่างก็นั่งอยู่ในห้องโถง ทั้ง สองกำลังพูดคุยกันเสียงเบา

พอเห็นเขาเดินเข้ามา ไปเยก็ลุกขึ้นยืน “กลับมาแล้วเห

รอ”

ไปเฉิงตอบเพียง “อืม อย่างเรียบๆ แล้วทักทายมารดา มารดามองเขาด้วยท่าทางหนักใจ แล้วมองขึ้นไปชั้นบน “พ่อ ของลูกอารมณ์เสียมาหลายวันแล้ว รีบขึ้นไปเถอะ

เขาพยักหน้า มารดาเหมือนยังไม่วางใจเลยเดินตามไป สักพัก ไม่วายเอ่ยเดือน “ลูกต้องระวังท่าทีการพูดการจานะ พ่อ ของลูกอาจจะยังโกรธอยู่

ไปเย่นิ่งพยักหน้า เดินขึ้นไปชั้นบนช้าๆ

บิดา ในตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องหนังสือ ไป เย่นิ่งผลักประตูเข้าไป เขาหันมามองพร้อมกับส่งสายตาแหลมคมมา ให้ไปเยฉงชินกับท่าทางแบบนี้ของบิดาแล้ว จึงทำ เพียงแค่เปิดหนังสือที่หยิบติดมือมา ปล่อยให้เขาจ้องเขม็ง สัก พักบิดาก็เอ่ย “ได้ วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันรู้ดีต้องทำยังไง ฉันจะ คุยกับเขาเอง”

หลังวางสาย ผู้เป็นบิดาจึงตบมือลง โต๊ะหนังสือเสียงดัง ซึ่ง เสียงดังลั่นทั่วห้องหนังสือ หากไม่ใช่เพราะโต๊ะหนังสือนั่น แข็งแรง เห็นทีคงเละคามือของเขาแล้ว

“แกเป็นประธานาธิบดียังไง!” เขาตะคอกอย่างดุดันและ เย็นเยือก หยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะแล้วขว้างมาทางไปเย่นิ่ง “แกดูรูปพวกนี้ รูปไหนบ้างที่พอจะดูได้?!”

บิดาอารมณ์เดือดพล่าน แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก้ม ตัวลงเก็บหนังสือพิมพ์บนพื้นอย่างช้าๆ แล้ววางไว้ใต้แท่นฝน หมึกพู่กันแสนแพงก่อนตอบ “ท่านก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อน ผู้ชาย ก็ต้องมีอารมณ์เป็นธรรมดา ผมผิดยังไง

“เคยหนุ่ม! แกยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ!” บิดาเดือด พล่านถึงขีดสุด นิ้วชี้ไปหาจนปลายนิ้วแทบจะเจาะทะลุกลาง หน้าผากเขา “ใครจะเหมือนแก ที่หิวโหยจนทำทุเรศแบบนี้ มีอารมณ์งั้นเหรอ แล้วทำไมต้องอยู่บนรถ นี่มัน…น่าเสื่อมเสีย ที่สุด!”

ไป๋เย่นิ่งนั่งลงตรงเก้าอี้หวายข้างๆ มองบิดาอย่างเฉยชา แวบหนึ่ง “ท่านสอนผมมาตั้งแต่เด็กว่าต้องกล้าเสี่ยงอันตราย เพราะงั้นบางเรื่องก็เลยออกนอกหน้าไปหน่อย”
บิดารู้นิสัยของลูกชายตนดี แค่เพียงประโยคสองประโยค

ก็แทบทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาจนปัญญาแล้ว มือหยิบ

กล่องพู่กันขว้างไปทันที ไปเย่นิ่งไม่ได้หลบจนมุมกล่องนั่นเฉียด

ผ่านใบหน้าเขา ยังดีที่เป็นแค่แผลถลอกที่มีเลือดซึมเพียงเล็ก

น้อย เขาไม่หลุดเสียงอะไรออกมา ทำเพียงมองผู้เป็นบิดาด้วย

สีหน้าจริงจัง เรื่องนี้ท่านวางใจเถอะ ผมรู้เรื่องไหนสำคัญไม่

สําคัญ”

“แกรู้ด้วยเหรอ! ฉันว่าแกไม่รู้ว่าอะไรสำคัญเลยต่างหาก! บิดาสีหน้าดุดันกว่าเดิม “จะหมั้นกับคุณหนูตระกูลซึ่งอยู่แล้ว แกยังไม่ตัดขาดกับผู้หญิงคนอื่นอีก นี่น่ะเหรอที่รู้เรื่องไหน สำคัญไม่สำคัญของแก!”

“เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น เธอเป็นแม่แท้ๆ ของหลานท่าน เองนะ”

บิดาตะลึงไปเพียงครู่ เหมือนคาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงคน นั้น ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเด็กที่น่ารักและเป็นเด็กดีอย่างต้าไป แถมยังเป็นผู้หญิงที่สอนเขาได้ดี ที่จริงเขาก็อยากจะพบเสีย หน่อย อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความขอบคุณ

แต่ตอนนี้พอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ ในใจเขาก็เปลี่ยน ความคิดทันที

เขาแค่นหัวเราะ “ฉันไม่สนว่าเธอเป็นใคร เป็นคนยังไง แต่แกต้องห่างจากเธอให้มากที่สุด!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ