สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 308 หยุดพักมารักกันสักหน่อย(4)



ตอนที่ 308 หยุดพักมารักกันสักหน่อย(4)

เขาออกแรงกอดรัดอย่างมาก แรงจนทำให้เธอเจ็บ ซึ่งเธอก็ไม่ อยากจะผละออกจึงพิงอกเขาไว้อย่างออดอ้อน สูดดมกลิ่นอาย ของเขา

คนรอบข้างต่างส่งสายตามาทางพวกเขาอยู่พักใหญ่ กอด แบบนี้ในหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ถือเป็นภาพหายาก เซียซิงเฉิน ได้สติกลับมาก็หน้าแดง รีบขยับตัวให้หลุดออกจากอ้อมกอด ของเขา

“ไปกันเถอะ รีบไปหาคุณแม่ฉันกัน” เธอกระแอมไอไปที แล้วเดินนำหน้า เมื่อเดินได้ก้าวเดียวก็ถอยกลับมา จากนั้นก็ สอดมือเข้ากับฝ่ามือของเขาเบาๆ

เขาหันหน้ามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง กระชับนิ้วประสาน กับเธอไว้แน่น ราวกับว่าถ้าผ่อนแรงลงกว่านี้เธอก็จะหนีหายไป จากเขาอย่างไรอย่างนั้น

ท่ามกลางฤดูหนาวที่มีลมหนาวพัดผ่าน ทั้งสองคนที่กำลัง เดินจับมือกันอยู่กลับไม่รู้สึกถึงความเหน็บหนาวเลยเพียงสัก
กลางคืน

เขายังคงอยู่ที่เมืองเหลียง

ช่วงเวลามื้อค่ำทั้งสี่คนนั่งทานอาหารร่วมกัน ไปเยถึงจะ ตักอาหารให้เงินหมิ่นและเชี่ยต้าไป ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้เป็น หมิ่นจะมีสีหน้าปลื้มปริ่ม

ดูออกได้ว่าเธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก

เซียซิงเฉินคอยมองทางนี้ ทางนั้นที

อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

รู้สึกว่าเป็นภาพที่

เหมือนครอบครัวเดียวกันมากจริงๆ…

ถ้าสามารถมีชีวิตเช่นนี้ตลอดไปได้คงจะดีมาก

ทันใดนั้นเธอก็เผลอนึกถึงคำพูดของหลี่หมิง แต่แค่ชั่ว พริบตาก็สะบัดความคิดนั้นออกจากหัวไป คิดอะไรล่ะ? ก็แค่ คงมงาย ตอนนี้พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขดีและนั่งอยู่ตรงนี้ อย่างสบายใจ จะเกิดเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร?

“คิดอะไรอยู่?”

จู่ๆ ไปเฉิงก็หันหน้ามาถาม สีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป

เมื่อครู่ เขาแค่เหลือบมองก็รู้สึกถึงได้

เซี่ยซิงเฉินหลุดจากภวังค์ความคิด “กำลังคิดเรื่องล้าง จาน พวกคุณก็รีบทาน ฉันจะไปต้มน้ำเตรียมล้างจานแล้ว

เธอพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน เก็บถ้วยเปล่าในมือเดินเข้าไปในห้องครัว เธอไม่กล้าบอกว่าตนนึกถึงคำพูดของหลี่หมิง เพราะ ท่าทาง โมโหของเขาในคืนนั้นเธอยังจดจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ เลย!

เซียซิงเฉินล้างจานอยู่ในห้องครัว ไปเย่นิ่งอยู่เป็นเพื่อน เธอในห้องครัว

ความจริงเขาช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องในครัวเขาไม่เคยทำมา ก่อนและเขาเองก็ไม่ยอมลงมือทำ จึงยืนอยู่ในห้องครัวทั้งอย่าง นั้นพร้อมกับทอดมองไปที่เธอด้วยแววตาลึกซึ้ง

เซี่ยซิงเฉินถูกเขาจ้องมองจนอึดอัด หลายครั้งที่จานในมือ แทบจะหลุดเพราะสายตาของเขา จนในที่สุดเธอก็พูดขอร้อง เขา “ท่านประธานาธิบดี ท่านออกไปยืนข้างนอกหน่อยได้ไหม คะ?”

“ผมยืนห่างคุณสองเมตร ไม่ได้เกะกะคุณเลย

ความจริงก็ยืนห่างอยู่พอสมควรแต่มีคำกล่าวอยู่ประโยค หนึ่งไม่ใช่เหรอว่ามีคนจำพวกหนึ่งที่ต่อให้ไม่ทำอะไร ไม่พูด อะไร แค่อยู่ในสถานที่เดียวกันก็สามารถทำให้หัวใจของเธอ ว้าวุ่นได้ ตรงหน้านี้เซียซิงเฉินก็รู้สึกว่าตนถูกเขากวนใจเข้า อย่างจัง

“ในนี้กลิ่นควันและกลิ่นน้ำมันมันแรง คุณรักสะอาดไม่ใช่ เหรอคะ?”

“ตอนนี้ผมชอบกลิ่นควันกลิ่นน้ำมันนี่แหละ ไม่ได้เหรอ?
“” เซียซิงเฉินเสียงเขาไม่ไหว จนท้ายที่สุดก็ยอมแพ้ แต่ ทันใดนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น

เขาหยิบออกมาดูแวบหนึ่ง บนหน้าจอแสดงชื่อเหลิงเฟย เขามองเชียซิงเฉินแวบหนึ่ง เซี่ยซิงเฉินโบกมือเป็นเชิงไล่ให้ เขารีบออกไป เขาเขม่นมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะยอมออกจาก ห้องครัว

“ท่านครับ เพิ่งรับสายเสียงของเหลิงเฟยก็ดังแว่วมาจาก

อีกฝั่ง

ไปเฉิงตอบรับเสียง “อืม จากนั้นก็ไม่ส่งเสียงพูดอะไรอีก เหลิงเฟยที่อยู่ทางนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ฝ่ายข้อมูล ส่งข่าวมาอีกแล้วครับ

เขายังคงนิ่งเงียบ

เขาไม่จําเป็นต้องยืนฟังคำตอบนั่นเลยสักนิด แค่จากน้ำ เสียงของเหลิ่งเฟยก็ฟังออกแล้ว

เขาไม่ถาม เหลิงเฟยก็ย่อมไม่พูดซ้ำ เขารู้ว่าบางคำตอบ ท่านประธานาธิบดีไม่อยากได้ยินซ้ำๆ

เดิมที่กำลังคิดว่าท่านประธานาธิบดีคงไม่พูดอะไรอีกแล้ว นั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยขึ้น ให้พวกเขาทำลายหลักฐานให้หมด เหลิ่งเฟยตกใจอึ้ง “ทำลายหมดเลยเหรอครับ?
คล้ายว่าไปเย่นิ่งไม่อยากพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองพร้อม หายใจอึดอัด แสดงให้รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิด

เหล่งเฟยรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีมากแต่ก็อดพูดเตือนไม่ได้ว่า “ท่าน ทางคุณไปสักวันก็จะต้องหาคำตอบ ถ้าคุณเซียเป็น ลูกสาวของคุณไปจริงๆ คุณไปจะต้องดี…

คำว่า “ดีใจ ยังไม่ทันหลุดจากปาก ไปเฉิงก็พูดแทรกขึ้น มาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมรู้ดี ไม่ต้องให้คุณมาสอนว่าต้อง ทำยังไง!

“ เหลิงเฟยได้แต่เงียบปากแต่โดยดี หลายปีมานี้น้อย ครั้งที่ท่านประธานาธิบดีจะใช้น้ำเสียงฉุนเฉียวเช่นนี้

“ทุกหลักฐานห้ามมีเหลือแม้แต่นิดเดียว!” สุดท้ายไปเย งก็ตอบกลับแค่นั้น จากนั้นก็กดตัดสายทิ้ง เขายืนอยู่ลานบ้าน พักใหญ่ไม่ขยับตัว จุดบุหรี่หนึ่งมวนแต่ไม่ได้สูบ แค่คีบไว้ใน มือ

แสงจันทร์คืนนี้ช่างดูโดดเดี่ยว

จากบนสู่ล่างที่ครอบคลุมลงมา เขายืนอยู่ตรงลานบ้าน เพียงลำพังจนเจ้าตัวดูเงียบเหงาปนอ้างว้าง

เซี่ยซิงเฉินมองออกไปจากห้องครัวอย่างสงสัย เมื่อเห็น แผ่นหลังนั่นก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

เงินหมิ่นเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมา เดินไปต้มน้ำในห้องครัว ก็เผลอมองเห็นแผ่นหลังที่กำลังยืนอยู่ตรงลานบ้าน ถามลูกสาวอย่างเป็นห่วง “พวกลูกทะเลาะกันเหรอ?

“เปล่านี่นา” เซียซิงเฉินสายศีรษะ

“แม่เห็นเฉิงทำหน้ามีเรื่องหนักใจตลอดเวลาเลย เหมือน อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ลูกเคยถามหรือยัง?

หมายความว่า…

ที่แท้ตนก็ไม่ได้คิดไปเอง ทุกคนล้วนดูออกว่าเขาดูแปลกๆ

ไปสินะ?

“เคยถามแล้วแต่เขาไม่ได้บอกลูก ไปเยือนประเทศ M ใน ครั้งนี้คงไม่ราบรื่นเท่าไรมั้งคะ!”

“แต่ในข่าวบอกเป็นเรื่องน่ายินดีนะ

เซียซิงเฉินถอนหายใจ “แม่ก็รู้ว่าเรื่องการเมืองไม่ใช่สิ่งที่ คนนอกอย่างเราจะดูออกหรอก

เงินหมิ่นรู้สึกว่าที่เธอพูดมีเหตุผลจึงไม่ได้ถามต่อ แต่เทซา ร้อนหนึ่งแก้วแล้วเดินออกไป

“ยืนอยู่ตรงนี้หนาวนะ ดื่มชาไล่ความหนาวหน่อย” เป็น หมิ่นยื่นแก้วน้ำชาให้ไปเย่นิ่ง

“ขอบคุณครับ” เขารับไว้แล้วดับไฟบุหรี่ในมือจากนั้นก็ โยนทิ้งลงถังขยะข้างๆ มองไปยังเสินหมิ่นด้วยสีหน้าจริงจัง “น้าเงิน ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ

เหนือความคาดหมายของเงินหมื่น เพราะเห็นเขาทำหน้าจริงจังก็เดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ที่ว่าขอคุยด้วยเห็นได้ชัดว่า อยากเลี่ยงซิงเฉิน

เธอพยักหน้า กระชับเสื้อบนตัว “เราไปคุยที่ห้องนั่งเล่นเถอะ”

ไปเย่นิ่งพยักหน้าแล้วเดินตามหลังเงินหมิ่นไปที่ห้องนั่งเล่น

ภายในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเพราะจุด เตาผิงไว้ เงินหมิ่นลากเก้าอี้มาข้างเตาผิง เป็นเชิงให้ไปเฉิง นั่งลงเช่นกัน จากนั้นเป็นหมื่นก็นั่งลงตาม

ในเตาผิงมีเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างดุเดือดส่งไอร้อน ปะทะทั้งคู่ เงินหมิ่นหันมองเขาแวบหนึ่งอย่างสงสัย เขาที่ยก แก้วน้ำชาอยู่เม้มปากบางไว้แน่นจนเส้นกรามบนใบหน้าขึ้น รอยชัด สายตาทอดมองเปลวไฟตรงหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด บางอย่าง

แต่คนรอบข้างเอาใจเขาไม่ออก

เงินหมิ่นมีความใจเย็นพอจึงไม่เอ่ยเร่ง เพียงแต่นั่งรอให้ เขาเรียบเรียงความคิดเงียบๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ