สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 359 ภรรยาอยู่ไหนผมอยู่นั่น(3)



ตอนที่ 359 ภรรยาอยู่ไหนผมอยู่นั่น(3)

ไปเย่นิ่งเข้าใจความหมายเธอได้จากคำเพียงคำเดียว นัยน์ตา ฉายแวว ลึกเล็กน้อย

เธอมองไม่เห็นอีกฝั่งที่ชายหนุ่มมีสีหน้าอ่อนโยน “คุณท่าน เฝ้ามองอยู่ข้างล่างแล้วบอกว่าถ้าคืนนี้ผมก้าวออกจากประตูนี้ จะฟาดให้ขาหัก

หยุดชะงักไปครู่ก่อนที่ไปเย่นิ่งจะพูดแนะ “ในเมื่อคิดถึงผม ขนาดนี้ คุณขึ้นมาแทนไหมล่ะ?”

เห็นได้ชัดว่ากำลังหยอกล้อ

เซี่ยซิงเฉินลำบากใจถึงขั้นสุดพลางปาก “ใครคิดถึงคุณ

กัน? ฉันไม่ขึ้นไปหรอก วางสายล่ะนะคะ ฝันดี” พูดเสียงแข็งคล้ายต้องการดูเขาแต่กลับฟังดูนุ่มนวล

ราวกับกําลังอ้อนเสียมากกว่า

ต่อให้พูดผ่านโทรศัพท์ ไปเยถึงยังรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ

ทําให้เขายากจะสงบ

ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จงใจให้เขานอนไม่หลับทั้งคืนสินะ เซี่ยซิงเฉินไม่พูดอะไรก็วางสายเสียแล้ว เธอไม่หลงกลเขาหรอก หากเธอขึ้นไปจริงๆ แล้วเจอคุณท่านเข้าล่ะก็คุณท่าน ต้องโมโหมากแน่ๆ แม้จะไม่ถึงกับลงมือกับเธอแต่ก็ต้องคิดว่า เธอเกินควบคุมแล้ว

ความรู้สึกไม่สงบภายในใจมลายหายไปเพราะได้ยินเสียง เขาแล้ว

กระตุกยิ้มพลางเก็บโทรศัพท์พร้อมหน้าต่างตรงระเบียง

ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง

อีกฟากหนึ่ง

ภายในห้องกักขัง

เซียซิงคงที่โทรเท่าไรก็ไม่ติดได้แต่รู้สึกคุกรุ่นในใจยากจะ

ดับลง

“เฮ้! เร็วหน่อย!” ตำรวจเข้ามาตบโต๊ะ ดูเวลาแวบหนึ่ง

“อีกหนึ่งนาที”

เซี่ยงคงสีหน้าเคียดแค้น “เซียซิงเฉิน ในเมื่อให้โอกาส แล้วเธอไม่คว้าไว้ก็อย่าหาว่าฉันไม่ปรานี้แล้วกัน!

เธอกัดฟันกรอดก่อนจะโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง

“ฮัลโหล ใครนะที่โทรมาดึกขนาดนี้?” น้ำเสียงฉายแวว รำคาญของหญิงสาวดังแว่วมาจากอีกฝั่งของสาย

“ฉันเอง ฉันซิงคง
“เซียซิงคง?” ซึ่งเหวยน้ำเสียงรำคาญเต็มที่ “เกิดเรื่อง กับเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงโทรมาหาฉันดึกขนาดนี้?

เซี่ยชิงคงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ โทรศัพท์แน่น

พยายามเพิกเฉยประโยคเย้ยหยันของซ่งเหวย กล่าวเพียง “เธอหาวิธีช่วยฉันออกไป ฉันช่วยแก้แค้นให้เธอได้

“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ ฉันวางนะ!” ซึ่งเหวย

รู้สึกว่าคำพูดของเธอช่างไม่มีเหตุผล ไม่อยากสนทนากับเธอ ไปมากกว่านี้

“เหวย!” เซี่ยงคงตะโกนเรียกดังลั่นคล้ายกำลังดึงเส้น ช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายไว้ รีบเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างร้อนใจ “งาน แต่งงานของเธอต่อหน้าคนทั้งโลกคราวก่อนถูกก่อกวนขนาด นั้น ทำให้ตอนนี้เธอไม่กล้าจะเงยหน้าต่อหน้าเพื่อนเธอ เธอไม่ คิดจะแก้แค้นพวกเขาสองคนบ้างเหรอ?”

เธอตอบอย่างไวราวกับกลัวว่าซึ่งเหวยจะกดตัดสายทิ้ง

ซึ่งเหวยได้ยินแล้วก็ชะงัก จากนั้นแค่นหัวเราะก่อนจะพูด เย้ยตัวเอง “สภาพฉันตอนนี้เป็นยังไงเธอจะไม่รู้เหรอ เธอนึกว่า แค้นนี้แก้แค้นได้ง่ายขนาดนั้นเชียว

บิดาซ่งกั๋วเหยาถูกถอดออกจากตำแหน่งรอง ประธานาธิบดีรวมถึงประธานวุฒิสภาจนยามนี้ไม่เหลือตำแหน่ งใดๆ ไว้อีกแล้ว ว่างเปล่าทุกอย่าง อดีตหน้าบ้านเป็นเยี่ยง ตลาดสดมีผู้คนคอยเข้ามาเยือนหาไม่ขาดสาย คนตามจีบมี เหลือล้น
แต่ทุกวันนี้…

ทุกวันนี้ยังเหลืออะไรอีกล่ะ?!

เซี่ยงคงรีบพูดต่อ “ฉันช่วยเธอได้

เซียซิงเฉินนอนอยู่บนเตียง ดับไฟบนหัวเตียงก่อนที่ทั้ง ห้องจะตกอยู่ภายใต้ความมืดสนิท

เป็นครั้งแรกของเธอที่ค้างคืนที่จงซัน

ก่อนหน้าที่เดินผ่านตึกหลังเล็กที่นี่ยังพูดเป็นเชิงสงสารว่า คุณท่านรองไปไม่มีลูกหลาน บั้นปลายชีวิตคงเหงาน่าดู แต่ ตอนนี้ตนกลับมีสถานะเป็นลูกสาวของเขาเสียได้ แถมยังนอน อยู่ในตึกหลังเล็กนี้อีก

คิดแล้วก็รู้สึกฟ้ากลั่นแกล้ง

อาการคล้ายว่าไม่ชินกับเตียงอื่น รวมทั้งมีเรื่องราว มากมายอัดอั้นอยู่ในใจ เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงพักหนึ่งถึง เริ่มเกิดอาการง่วงในท้ายที่สุด

ทั้งที่หลับตาพร้อมจะหลับแล้วนั้น โทรศัพท์มือถือก็สั่นไหว เธอสะลึมสะลือไม่แม้แต่มองหน้าจอให้ดีก่อนจะยกขึ้นแนบหู

“นอนแล้วเหรอ?”

เสียงของไป๋เย่นิ่งดังแว่วมาจากอีกฝั่งคลอเคล้าด้วยเสียงลม
เซี่ยซิงเฉินได้สติแล้วเล็กน้อย “กี่โมงแล้วคะ?”

“ตีหนึ่งกว่า”

“ดึกขนาดนี้แล้ว” เซี่ยชิงเฉินกล่าวเสียงตกใจไปที เมื่อ ได้ยินเสียงคล้ายอยู่ที่โล่งรวมทั้งเสียงลมดังเล็ดลอด “ตอนนี้ คุณอยู่ข้างนอกเหรอ?”

ตีหนึ่งกว่าแล้วยังมีงานต้องทำอีกเหรอ?

“อยู่ชั้นล่างของตึกคุณ

“หา?” เซียซิงเฉินนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะตื่นเต็มที่และ แทบจะลุกออกจากเตียงในทันที

เธอเปิดประตูระเบียง โทรศัพท์มือถือออกไปข้างนอก ภายใต้ความมืดมิดและเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันเป็นทางเดินมีเพียง แสงไฟสลัวข้างทางที่ฉายให้เห็นแสงสว่างอ่อนๆ

เขายืนอยู่ใต้ไฟข้างทางพอดี ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ ท่ามกลางลมหนาวแต่ยังคงไว้ซึ่งความดูดีที่อยากจะเงยหน้า ชื่นชม

มือหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้อีกมือล้วงกระเป๋าเสื้อกันหนาว คล้ายได้ยินเสียงกุกกักจากด้านบนเขาจึงแหงนหน้าขึ้น

ทั้งสองประสานสายตาเข้ากันจากระยะห่างที่ต้องฝาแสง ไฟหม่นสลัวรวมทั้งสายหมอกยามดึก หัวใจของเธอเต้นรัวเร็ว อาจจะเป็นเพราะตกอยู่ในห้วงความรักของเขาเสียแล้ว ไม่อาจ หลุดพ้นได้ ทั้งที่แค่มองแต่ยังใจเต้นได้ บ้าไปแล้วจริงๆ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้จืดจางไปแม้แต่น้อยแม้จะเข้าใกล้กันมากขึ้น แต่กลับเพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา

แปลกเสียจริง..

“คุณลงมาหรือให้ผมขึ้นไป?” ไปเยถึงปริปากเอ่ย

จู่ๆ เธอก็หลุดจากภวังค์ก่อนกล่าว “อย่าค่ะ ฉันลงไปเอง

ด้านล่างมีคนรับใช้ที่เฝ้าเวรอยู่ เธอไม่อยากให้คนรับใช้ รับรู้เรื่องที่พวกเขาลอบเจอกันกลางดึก ไม่อย่างนั้นเรื่องอาจ หลุดจากปากพวกเขาเพื่อนำไปฟ้องให้พวกผู้ใหญ่ได้

ไปเย่งชิงวางสายก่อนเซียซิงเฉินหมุนตัวกลับเข้าไปใน ห้อง ลืมเปลี่ยนแม้กระทั่งเสื้อผ้า เปิดประตูออกไปทันที เดินได้ สองก้าวถึงนึกความจริงที่ว่าด้านนอกหนาวเพียงใดได้ จากนั้น ก็ย้อนกลับไปหยิบเสื้อกันหนาวคลุมตัวเองแล้วรีบลงไปชั้นล่าง

“คุณเซีย ดึกขนาดนี้ก็ตื่นแล้วเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่า?

เธอเพิ่งลงไปถึงชั้นล่างก็เจอคนรับใช้ที่กำลังเฝ้าเวรอยู่ ห้องนั่งเล่นพอดี

สีหน้าเซี่ยซิงเฉินฉายแววรู้สึกผิดแวบหนึ่งก่อนจะถาม “คุณท่านรองตื่นเหรอคะ?

“เมื่อกี้ไปดูมายังไม่ตื่น นอนหลับสนิทดีค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” เธอคิดพลางกระชับเสื้อบนตัว ทั้ง สายตาไปยังห้องครัวแล้วกล่าวขึ้นอย่างฉับพลัน “เอ่อ คุณช่วยชงชาให้ฉันสักแก้วหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปดูคุณท่านรองสัก หน่อย

คนรับใช้ตอบรับ หมุนตัวเข้าห้องครัวอย่างไม่คิดอะไร

มองแผ่นหลังที่เดินจากไปเซี่ยซิงเฉินก็แอบย่องเดินออก ไปข้างนอกเหมือนโจร รู้สึกผิดในใจแทบตาย ทั้งที่สองคนแค่เจอหน้ากันปกตินี่นา! แต่ระหว่างบ้านใหญ่

กับตึกเล็กนี้มีสายตาคอยจ้องมองพวกเขามากเกินไปแล้ว

คนรับใช้ชงชาเสร็จออกมาจะยังเห็นเธอได้อย่างไร? สุดท้ายก็ยกถ้วยน้ำชาเข้าไปในห้องของเธอ

เซี่ยซิงเฉินเปิดประตูเดินออกมา ลมหนาวปะทะหน้าทันที สายตามองเห็นร่างสูงใต้แสงไฟแล้วก็รู้สึกอบอุ่น ผู้ชายคนนั้น เหมือนเตาผิงในฤดูหนาวที่จะช่วยให้ความอบอุ่นแก่เธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ