สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 346 จิตสํานึกของหญิงที่ แต่งงานแล้ว (1)



ตอนที่ 346 จิตสํานึกของหญิงที่ แต่งงานแล้ว (1)

จากนั้นก็ยื่นหัวไปทางเธอ “ให้คุณระบายอารมณ์ก็ไม่หายเห รอ? เนี่ยคุณเปิดกะโหลกผมเลย เปิดแล้วก็หายโกรธได้แล้ว!

เซียซิงเฉินทั้งรู้สึกโกรธทั้งรู้สึกว่า

หยูเจ๋อหนันช่างงอแงและหน้าด้านจริงๆ เธอไม่มีทาง โกรธเขาได้นานเลย

เซี่ยซิงเฉินแสร้งผลักหัวเขาออกอย่างรังเกียจ “ใครจะเปิด กะโหลกคุณกัน? หลีกไปนะ อย่ามาวุ่นวายกับฉัน

หยูเจ๋อหนันหัวเราะแหะ แขนยาวโอบไหล่บางเธออย่าง

สนิทสนม “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทำไม่ลง

“เอามือออกไป” เซี่ยซิงเฉินตบมือเขาไปที

หยูเจ๋อหนันไม่ยอมผละออกเพียงเสมองเธอ “ไม่ได้ คุณ กับไป๋เย่นิ่งไม่ได้จัดงานแต่งงานกันจริงๆ ถ้าเป็นยุคสมัยก่อน ล่ะก็ไม่นับด้วยซ้ำว่าแต่งงานแล้ว หลายวันก่อนตอนที่ผมไปรับ คุณหญิงที่สนามบิน คุณหญิงบอกแล้วว่าใจจริงท่านปลงใจให้ คุณแต่งงานกับผม ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนนี้คุณก็ถือว่าเป็น ภรรยาผมไปครึ่งตัวแล้ว
เซียซิงเฉิน โมโหแทบตาย

เคยเจอคนหน้าด้านหน้าทน แต่ไม่เคยเจอคนที่หน้าด้าน ขนาดนี้มาก่อน

“ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนนี้คุณก็ล่วงเกินแล้ว! แถมล่วงเกิน คนที่มีสามีแล้วด้วย!” เซี่ยซิงเฉินเน้นเสียงตรงที่ คนที่มีสามี

ใครอยากให้เธอแต่งงานกับคนอื่น หากเธอไม่ได้ตกลง ปลงใจด้วยก็ไม่มีทางเสียล่ะ

เธอกับเยฉิง…

ตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาจะไปได้ถึงก้าวไหน แต่ไม่ว่าจะไปถึงจุดใดเธอก็ไม่อยากแต่งงานไปเพื่อเป็นเหยื่อ ทางการเมืองภายใต้ความไม่เคารพในการตัดสินใจของเธอ

“พวกคุณทำอะไร?”

เสียงนิ่งดังขึ้นจากด้านหน้า

เซี่ยซิงเฉินสะดุ้ง เห็นเพียงไปเฉิงยืนอยู่ตรงข้ามตน พลางจ้องเธอกับหยูเจ๋อหนุนทั้งที่มีเหลิ่งเฟยและรุ่ยยังคอย ติดตามอยู่

เธอกวาดตามองรอบด้านถึงสังเกตว่าตอนนี้ผู้คนภายใน ถูกต้อนไปจนหมดแล้ว

“ท่านประธานาธิบดี” หยูเจ๋อหนันเอ่ยทักทายเสียงเนื้อย ขณะเดียวกันก็มองเห็นแหวนบนนิ้วเขา
ไปเย่นิ่งไม่ตอบกลับเพียงแค่ล้วงมือเข้ากระเป๋าด้วยท่า ทางสบายๆ แล้วทอดสายตามองไป

สายตายากจะคาดเดาของเขาจ้องเขม็งไปยังแขนยาวที่ พาดไว้บนไหล่เซียซิงเฉิน จากนั้นก็ก้มหน้าทักทายหยูเจ๋อหนัน อย่างสง่างาม แล้วเบนสายตามาบนหน้าเซียซิงเฉินอีกครั้ง มุม ปากยังกระตุกยิ้มบางเบา “ออกมาก็น่าจะบอกผมสักหน่อย มา นี่ เราขึ้นห้องกันได้แล้ว”

เขากวักมือเรียกเธอ

ช่างเป็นท่าทีสง่าเรียบง่าย ที่ยากจะพบเห็นจริงๆ!! หัวใจเซียซิงเฉินเต้นรัว นี่ไม่ใช่ลางสังหรณ์ที่ดีแน่!

เธอไม่กล้าชักช้าแม้แต่นิดเดียวจึงรีบปัดแขนของหยูเจ๋อ หนันออกไป จากนั้นก็หันมาถลึงตามองหนูเจอหนุนอย่างคาด โทษแวบหนึ่ง สายตาที่ในมุมมองเธอคือกำลังคาดโทษ ใน สายตาของหยูเจ๋อหนันเองก็เปรียบเหมือนมีมีดดาบอัน แหลมคมปะทะเช่นกัน แต่เมื่อตกอยู่ในสายตาใครบางคนแล้ว ก็คือ ส่งสายตาหากัน

เซี่ยซิงเฉินเพิ่งเดินไปมือใหญ่ของไปเยฉิงก็โอบเอวเธอ อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ลดน้อยลง เลย โอบเธอพร้อมจะขึ้นไปชั้นบน

“ซิงเฉิน!” หยูเจ๋อหนันตะโกนเรียกเสียงหนึ่งจากด้านหลังทั้งสองหยุดก้าวเดิน
หยูเจ๋อหนันยกถุง ในมือขึ้นไปมา “คุณลืมขนมปังของ

เชียซิงเฉินไม่กล้ามองสีหน้าของไปเยถึงแล้ว เจ้าห เจอหนุนต้องจงใจแน่ๆ! ตนมาซื้อของลับแบบนี้แล้วมีหยูเจ๋อ หนันอยู่ข้างๆ คนอื่นจะคิดอย่างไรล่ะ?

หยูเจอหนุนกลับทำเหมือนไม่มีความรู้สึก ยื่นถุงมาให้เซีย ซิงเฉินด้วยรอยยิ้มตลอดทางทั้งที่ปากยังคอยพูดเตือน “หลาย วันนี้สภาพอากาศแปรปรวน คุณก็ดูแลสุขภาพ ใส่เสื้อหนาๆ อย่าปล่อยให้ท้องน้อยเย็น ถ้าปวดท้องก็ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ

สีหน้าบางคนถมึงทึงลงเรื่อยๆ มือใหญ่ที่ทาบวางบนเอว เธอก็ยิ่งลงแรงหนักขึ้น

“คุณชายหยู ท่านใส่ใจเกินไปแล้ว ดิฉันจะจำเอาไว้ค่ะ

เซี่ยซิงเฉินแย้มปาก ปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม

อยากเตะเขาจริงๆ

ไม่ได้พูดอะไรอีก ก็ถูกไปเย่นิ่งบีบเอวแล้วเดินโอบกัน เข้าไปในลิฟต์เฉพาะแขก VIP ของโรงแรม หยูเจ๋อหนัน หัวเราะเป็นเชิงกลั่นแกล้ง พลางโบกมือให้พวกเขาจากด้าน หลังตลอดจนประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดตัวลง รอยยิ้มบนใบหน้า ของเขาถึงหยุดชะงัก หัวไหล่ก็ลงไปตามๆ กัน

ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ยืนนิ่งอยู่ตรงห้องโถงใหญ่ไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงดัง ตั้งอีกฝั่งจะดังขึ้น ประตูลิฟต์อีกใบจู่ๆ ก็เปิดออก

“เจ๋อหนัน”

คุณหญิงหลันถึงเดินออกจากลิฟต์อย่างสง่า

หยูเจอหนุนหมุนตัวกลับไปมองเธอ แล้วเหลือบมองประตู ที่ปิดแน่นของอีกฝั่ง เอ่อ…ต้องบอกคุณหญิงว่าชิงเฉินพักอยู่ที่ โรงแรมนี้ แถมเพิ่งขึ้นไปชั้นบนอีกใช่ไหม?

เวลาเดียวกันภายในลิฟต์

ไปเย่นิ่งไม่ได้พูดอะไร เซี่ยซิงเฉินถือของด้วยตัวเอง เขาก็ ไม่คิดจะออกตัวช่วยเหลือแต่อย่างใด

ภายในลิฟต์เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ เหลิงเฟย

และรุ่ยทั้งสองคนเข้าใจสถานการณ์ดีจึงยืนเลียบอยู่ตรงมุม

เซี่ยซิงเฉินกระแอมเสียงไอไปที่ทั้งยังลอบชำเลืองมอง สีหน้าคนบางคนแวบหนึ่ง สายตาของเขายังคงจดจ้องเลขที่ เปลี่ยนชั้นไปเรื่อยๆ ไม่มีสีหน้าอื่น

เธอรู้ว่าเพราะข่าวครั้งก่อนทำให้เขาระแวงหยูเจ๋อหนัน ธอพูดเป็นเชิงทดสอบ “ทำไมคุณถึงลงมาล่ะคะ? พวก ตลอด คุณกำลังจะออกไปเหรอ?”

คนบางคนไม่แม้แต่จะขยับริมฝีปากแค่พ่นเสียงออกจาก จมูกไปที ท่าทีช่างแตกต่างกับท่วงท่าสง่ายามอยู่ต่อหน้าหมูเจอหนันเมื่อครู่นี้ราวฟ้ากับเหว

ผู้ชายคนนี้เป็นนักแสดงได้เลยนะ

“แล้วตอนนี้คุณก็ขึ้นมา?” เซี่ยซิงเฉินถามอีกครั้ง เขาขยับ สายตาเล็กน้อย วินาทีที่ก้มหน้าสบสายตาเธอทำให้เธอรู้ว่าตน ถามผิดอีกแล้ว

“เปล่า ฉันหมายความว่า…เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง จะทำให้คุณ เสียงานหรือเปล่า?” เธอรีบอธิบายแก้ตัว

เขายืนมือล้วงกระเป๋าอยู่ข้างเดียว กล่าวเพียง “ผมรู้ตัวดี

ท่าที่สูงส่งทะนงตัวทั้งยังปนด้วยความเย็นชาเล็กน้อย

เจอแบบนี้ใส่สองครั้งติดเซียซิงเฉินก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้น มา จะว่าไปตัวเองกำลังรู้สึกผิดอะไรกัน ยังไงเธอกับหนูเจอ หนันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว

เธอยู่ปากด้วยความรู้สึกน้อยใจเต็มที่ ถือของขยับตัวไป

ยืนข้างๆ ไม่สนใจเขาอีก

ครั้งนี้ภายในลิฟต์ทั้งสี่คนต่างก็ยืนกันคนละมุม บรรยากาศอึดอัดเสียยิ่งกว่าอึดอัด

โดยเฉพาะเหลิ่งเฟยกับรุ่ยทั้งที่ยืนอยู่ด้านหลังสองคนไม่ กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง ทุกวินาทีที่ผ่านไปภายในลิฟต์ สําหรับพวกเขาแล้วเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเหลือเกิน

ติ้ง เสียงดังขึ้น ในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออก ความรู้สึกนั้นราวกับผ่านมาแล้วครึ่งทศวรรษ

เซียซิงเฉินเดินออกไปก่อน รูดการ์ดผลักประตูเข้าไป วางของลงลวกๆ แล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องครัว ไม่หัน หลังมองแต่ก็รู้ว่าเขาไม่ได้เดินตามมา

จนเธอเทน้ำออกมา ดื่มไปก็ลอบมองเขาไป เห็นว่าเขา

กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าที่ไม่ผ่อนคลายลงสัก

สุดท้ายเซี่ยซิงเฉินก็ถือแก้วน้ำออกไปแล้วยื่นให้เขาตรง

หน้า

เขาแค่ก้มมองแก้วน้ำนั่นแวบหนึ่งก่อนจะละความสนใจแถมไม่ได้ยื่นมือมารับ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ