สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 61 เสี่ยชิงเฉินเธออยากตายหรือไง



ตอนที่ 61 เสี่ยชิงเฉินเธออยากตายหรือไง

อีกอย่าง ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่กลับทำเนียบไปพร้อมเขา แต่ เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่พูดไปนั้นก็เพียงเพราะน้อยใจเท่านั้น

ถ้าไม่กลับทำเนียบ แล้วเธอยังจะไปที่ไหนได้อีก? ยิ่งไป กว่านั้นตอนนี้ตัวเธอยังต้องถูกกักตัวเฝ้าระวังเอาไว้

ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ยอมพูดจากัน

ต่างฝ่ายต่างนั่งคุมเชิงกันไปตลอดทาง

กระทั่งรถได้มาเทียบจอดหน้าทำเนียบ มีคนเดินมาเปิด ประตูรถให้อย่างนอบน้อม เธอสวมผ้าปิดปากและเดินนำลงมา

เพียงแต่ขาทั้งสองข้างยังคงอ่อนเปลี้ย ร่างกายก็อ่อน ปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ยิ่งเมื่อลมในค่ำคืนของฤดูใบไม้ผลิพัด มา ร่างกายก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายเดี่ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

ไปเฉิงยังคงฉุนจัด ครั้งนี้เขาก็ไม่สนใจเธอ เขาปล่อยให้ เธอเดินต้วมเตี้ยมอยู่ในสวน

เซี่ยต้าไปสวมชุดนอนและรองเท้าแตะวิ่งพุ่งออกมาพลาง ร้องเรียกด้วยเสียงใสๆ “หม่ามี้

เขาดูราวกับเทวดาตัวน้อยที่อยากจะโผเข้ามากอดเธอ เซี่ยซิงเฉินเองก็อยากจะกอดเด็กคนนี้เอาไว้ แต่ใครจะไปกล้า?
“ต้าไป ลูกอย่าเข้ามา” เธอขมวดคิ้วและถอยไปข้างหลัง ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู

ไปเฉิงเองก็เหมือนกัน เขาสั่งด้วยเสียงเน้นหนัก “พ่อ บ้าน อุ้มคุณชายน้อยเข้าไปในตึกใหญ่! สองสามวันนี้ห้ามเขา เข้าไปที่ตึกเล็ก!!

“ครับ”

พ่อบ้านรับคำสั่งและรีบเข้าขวางเด็กน้อยเอาไว้

เซี่ยต้าไปไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาเห็นแค่พ่ออุ้ม หม่ามไปที่ตึกเล็ก

พอเขาเห็นภาพนี้เข้า เขาก็ไม่ดิ้นไปดิ้นมาอีกแต่กลับยอม นอนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของพ่อบ้าน เขาหัวเราะเบาๆ และถาม ด้วยความไร้เดียงสา

“คุณลุงพ่อบ้าน พ่อกับหม่ามีไปสวีทกันใช่ไหม ก็เลยไม่

ให้เราเข้าไปรบกวน

“..น่าจะครับ”

“พวกเขาคงจะไปผลิตทารกกัน!”

” พ่อบ้านยกมุมปากขึ้น เด็กคนนี้นี่…

“พ่อบอกว่าถ้าคนสองคนนอนด้วยกันแล้วจะมีทารกออก มา งั้นเราจะไม่ไปรบกวนพวกเขา คุณลุงพ่อบ้านช่วยบอกคน อื่นด้วยนะว่าอย่าไปรบกวนพวกเขา”
“เราชอบน้องสาว คุณลุงพ่อบ้านว่าพวกเขาจะมีน้องสาว มาให้เล่นกับเราไหม? แต่ถ้าเป็นน้องชายล่ะจะทำยังไง? เราไม่ ชอบเด็กผู้ชายเลย”

พ่อบ้านอยากบอกเขาเหลือเกินว่าเขาคิดมากไปแล้ว แต่ เห็นท่าทางที่ดูมีความหวังของเด็กคนนี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไร ออกไป

ภายในห้องนั้นมืดสนิทไร้แสงไฟ สวี่เหยียนปิดตาพลาง เอนตัวนั่งบนเตียง

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปสักพักแล้ว แต่ในลมหายใจยังคง เหมือนมีกลิ่นของเธอหลงเหลืออยู่

เขาออกแรงสูดลมหายใจพลางพยายามค้นหาคำ ปลอบโยนเพื่อมาเติมเต็มหัวใจที่อ้างว้างจนเจ็บปวดดวงนั้น

แต่…

ยิ่งเขาพยายามเท่าไร หน้าอกของเขาก็ยิ่งเจ็บ…

ท่านประธานาธิบดีอุ้มเธอไป เขาซึ่งอยู่ข้างๆ กลับไม่มี แม้แต่สิทธิที่จะเข้าไปขวาง…

เธอห่างจากตัวเขาออกไปเรื่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ…

ไม่รู้ว่านั่งอย่างนั้นอยู่นานเท่าไร เขาคลำหามือถือบนหัวเตียงและกดหมายเลขโทรออกไป

“พี่สวี่เหยียน ฉันไม่อยากเลิกกับพี่” เมื่อโทรศัพท์ติดต่อ ได้ เซี่ยงคงก็ร้องไห้พลางอ้อนวอนอยู่อีกด้านหนึ่ง “ฉันไม่ ยกเลิกการหมั้น…ฉันไม่ยอม

“พี่ตัดสินใจแล้ว ขอโทษนะ” คำพูดของสวี่เหยียนไร้เพื่อ ใยจนแทบไม่มีที่เหลือพอให้พูดจาไกล่เกลี่ย เขาหยุดและพูด ต่อว่า “พรุ่งนี้ไปขอโทษซิงเฉินเขานะ

“ให้ฉันไปขอโทษเซียซิงเฉิน?!” คำพูดสุดท้ายของเขานั้น ทำให้เซี่ยงคงฉุนจัดจนตัวสั่นในทันที แม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่น เครือ “สวี่เหยียน พี่ทำเกินไปแล้วนะ! เซียซิงเฉินเธอแย่งผู้ชาย ของฉันไป ต่อให้เธอมาขอโทษ ฉันก็ไม่มีทางให้อภัยเธอเด็ด ขาด! ทำไมฉันต้องไปขอโทษเธอด้วย? ให้ตายฉันก็ไม่ไป

ในตอนสุดท้ายเสียงของเซี่ยงคงก็ยิ่งแหลมขึ้นเรื่อยๆ และเสียสติขึ้นเรื่อยๆ

สวี่เหยียนไม่เคยเห็นเซี่ยงคงเป็นแบบนี้มาก่อน

เขาเพียงแต่รู้สึกว่าเสียงกรีดร้องของเธอทำให้เขาปวดหัว เขากดคลึงตรงหว่างคิ้ว “เธออย่าไปโกรธชิงเฉินเขาเลย ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง ซิงคง…”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยึดตัวนั่งตรงอย่างอ่อน ล้า น้ำเสียงอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย “พี่ไม่เคยรักเธอเลยนะ พี่ก็แค่ อยากค้นหาเงาของซิงเฉินในตัวของเธอก็เท่านั้น แต่ต่อมาพี่ ก็ได้รู้ว่า…ที่จริงพวกเธอไม่เหมือนกันเลยสักนิด…
เซี่ยงคงที่อยู่อีกฟากกลับสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง

“ขอโทษนะ ถ้าเธอโกรธอะไรก็มาเอาเรื่องที่พี่ เรื่องพวกนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับซิงเฉินเลยจริงๆ หวังว่าเธอจะไม่พาลไปโกรธ เขา”

“พี่” เซี่ยงคงหายใจติดขัด ถึงเวลานี้สวี่เหยียนก็ยังคง ขอรับผิดชอบทุกอย่างไว้เองและทำทุกทางเพื่อปกป้องเซียซึ่ง เฉิน

“พวกพี่หน้าด้านมาก! สวี่เหยียน พี่ไม่ต้องการฉันก็ได้ แต่ พี่เองก็อย่าคิดว่าจะได้เซี่ยซิงเฉินไป! ฉันไม่มีความสุข พวกพี่ก็ อย่าหวังว่าจะมีความสุข!!” เมื่อพูดจบ ไม่รอให้สวี่เหยียนได้พูด อะไรต่อ เธอก็ตบโทรศัพท์ดัง ปัง และสายถูกตัดไป

เขามองดูหน้าจอที่ค่อยๆ มืดลง สวี่เหยียนถอนหายใจ หนัก

เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องโทษเขาคนเดียว แต่เรื่องบางเรื่องยิ่ง ปล่อยให้ยืดเยื้อก็อาจจะยิ่งแย่ลง

เมื่อไปเย่นิ่งจัดแจงอุ้มเซียซิงเฉินไปถึงตึกเล็กเรียบร้อย เฉินก็รีบพาทีมรักษาเข้ามาทันที

ทีมรักษาทุกคนสวมเสื้อคลุมสีขาว ใส่หน้ากากปิดปาก และถุงมือ ฟู่เฉินทำการตรวจอาการเบื้องต้นของเซียซิงเฉิน ทางฝั่งของไป๋เย่นิ่งก็ต้องตรวจวัดอุณหภูมิเช่นกัน
“คุณเซียครับ ผมดูข้อมูลที่คุณไปตรวจมาที่โรงพยาบาล หลินชวนในวันนี้แล้ว จากผลการตรวจที่มีอยู่ในตอนนี้ พวกเรา ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้ในช่วงนี้ แต่ยังไม่พบการติดเชื้อ บริเวณปอด เพราะงั้นพวกเราจึงทำได้เพียงรักษาอาการหวัด ทั่วไปก่อน”

ฟู่เฉินเปิดข้อมูลของเธอและพูดกับเธอไปพลาง

“ดึกขนาดนี้ รบกวนพวกคุณแล้วนะคะ..” เสียงของเชียง เฉินแผ่วเบา ที่แขนถูกเจาะให้น้ำเกลือ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ เป็นเรื่องที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว” เฉินพูด “วันนี้ทีมรักษาจะอยู่ที่นี่ ถ้ามีการอาเจียนหรืออากา รอื่นๆ ก็รีบกดกริ่งเลยนะครับรู้ไหม?”

“ได้ค่ะ” เซี่ยซิงเฉินกะพริบตาแทนการพยักหน้า

“วันนี้ได้ทานอะไรไปบ้างไหมครับ?

“ไม่เลยค่ะ ไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยค่ะ

ในตอนนั้นเองไปเฉิงที่เพิ่งจะวัดอุณหภูมิร่างกายเสร็จก็ เดินเข้ามาและได้ยินที่เธอพูดพอดี มิน่าผู้หญิงคนนี้ถึงได้เดินเซ ไปเซมา ไม่ต้องบอกว่าป่วยอยู่หรอก ต่อให้เป็นคนปกติ การไม่ กินอะไรเลยหนึ่งวันก็คงไม่มีแรงเหมือนกันหรือเปล่า?

“ให้คนของคุณเขียนเมนูอาหารไปให้ที่ห้องครัว” เขา กำชับฟูอี้เฉินด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ฟู่เฉินพยักหน้า เซี่ยซิงเฉินส่ายหน้า “ฉันกินไม่ลงจริงๆ
ไป๋เย่ฉิงนิ่ง “กินไม่ลงก็ต้องกิน

“เซียซิงเฉินเบะปาก ผู้ชายคนนี้ก็เผด็จการเกินไปแล้ว

ฟู่เฉิน ให้ทีมรักษาอยู่ต่อ ส่วนตัวเขานั้นกลับไม่ได้อยู่

ค้าง

ไป๋เย่นิ่งไปส่งเขากลับด้วยตัวเอง ไม่นานภายในห้องก็เห

ลือเซี่ยซิงเฉินเพียงคนเดียว

เธอคิดว่ายังต้องลางานในวันพรุ่งนี้ เธอคลำหามือถือและ พบว่ามือถือของตัวเองนั้นแบตหมดแล้ว เธอจึงจัดการชาร์จแบ ตมือถือตั้งไว้ตรงหัวเตียง เธอคิดว่าจะรอให้แบตเต็มสักหน่อย แล้วค่อยโทรศัพท์ไปหาคือเว่ยยัง

ขณะกำลังหลับตานอนพักวางหัวอยู่บนหมอน จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง เธอลืมตาและ หยิบมือถือขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ