สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 116 มีเธออยู่ถึงอุ่นใจ (6)



ตอนที่ 116 มีเธออยู่ถึงอุ่นใจ (6)

ตลอดทั้งคืน เซี่ยซิงเฉินไม่รู้ว่าตัวเองผ่านมาได้ยังไง ไปเย่นิ่ง แกล้งเธอไว้ไม่น้อย แต่ไม่ว่ายังไงสุดท้ายเมื่อเซี่ยต้าไปพลิกหัน มากอดเธอเอาไว้ ความเร่าร้อนระหว่างเธอกับไปเฉิง จู่ๆ ก็ เหมือนถูกน้ำสาดเข้าให้ แถมยังเป็นน้ำเย็นจัดอีกต่างหาก เธอ จึงรู้สึกตัวทันที พร้อมสติที่กลับคืนอย่างครบถ้วน รีบเก็บมือ กลับมาแล้วจัดแจงตัวเอง

ไปเปลิงกัดฟันกรอด ถลึงตามองเจ้าตัวเล็กนั่น เหลือแค่ ถลกหนังเขาทั้งเป็นแล้วล่ะ จนท้ายสุดเขาก็ต้องเข้าใจ เรื่องนี้จึง จบลงแค่ตรงนี้

เอาแต่ใจก็ส่วนเอาแต่ใจ แต่เขาก็ใช่ว่าจะต้องไล่ต้อนกัน ขนาดนี้ เขาจึงเลิกผ้าห่มออก พันผ้าขนหนูไว้แล้วลุกไปห้องอาบ น้ำ พอกลับมาอีกที เซี่ยซิงเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นขึ้น มากกว่าเดิม ตาคนนี้ คงไปล้างตัวอีกทีสินะ!

เธอนึ่งซาลาเปา ทำข้าวต้มเสร็จแล้วเดินออกจากห้องครัว ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ แต่ว่าร่างกายเขาแข็งแรงดี อากาศหนาว ขนาดนี้ กลับไม่ได้ป่วยเมื่อครั้งก่อน

ในห้องนั่งเล่นที่เชื่อมติดกับห้องทานอาหารอันคับแคบ ไป เย่ฉิงนั่งเป็นเพื่อนเด็กน้อยอยู่ตรงนั้น ขณะนี้เขาแต่งตัว เรียบร้อยแล้ว โดยเหลิงเฟยเอาเสื้อผ้ามาส่งให้ตั้งแต่เช้า
เธอวางอาหารเช้าลงตรงหน้าเขาทั้งสอง เงยหน้าถามเห ลิ่งเฟยที่ยืนตรงอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “เลขา เหลิ่ง มาทานอาหารเช้าด้วยกันเถอะค่ะ”

“ขอบคุณครับ แต่พวกเราทานมาแล้ว พวกเรา” แน่นอน ว่ารวมชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งนั้นด้วย

เชียซิงเฉินไม่พูดอะไรอีก ผู้ใหญ่สองกับเด็กหนึ่งกำลังทาน อาหารเช้า เด็กน้อยนั่งอยู่ระหว่างเขาทั้งสอง เซี่ยซิงเฉินยังคง ไม่กล้าสบตาชายที่นั่งข้างๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าบนฝ่ามือ แผ่ซ่านไปด้วยไอร้อนอันเร่าร้อนอยู่

แล้วเขาล่ะ

เมื่อเทียบกับเธอที่อึดอัดแล้ว เขายังคงมีท่าทีสบายๆ เทียบกับก่อนหน้า หว่างคิ้วที่คลายออกดูมีความสุข ไม่ได้กิน เนื้อ แต่ก็ได้ลิ้มรสเศษเนื้อล่ะนะ อีกทั้งเมื่อคืนนอกจากเธอไม่ได้ ต่อต้านเขาอย่างที่เคยเป็นมา สุดท้ายถึงกับกล้าที่จะยั่วยวนเขา ด้วยซ้ำ

สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดด

“ทั้งสองคนดูมีบางอย่างแปลกๆ นะ!” ทันทีที่เซียต้าไปอ้า ปากก็เกิดเรื่อง ตะเกียบในมือของเชียซิงเฉินแทบร่วง เธอเข้ม ปากแน่น ไม่กล้าพูดอะไร ไม่ใช่ว่าเรื่องเมื่อคืน เจ้าตัวเล็ก หมดหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอผู้เป็นแม่คนนี้ก็เอาหัวไปโขก กำแพง ให้ตายได้แล้วจริงๆ

ไปเย่นิ่งมองสีหน้าตื่นตระหนกของเธอแล้วก็แสร้งทำหน้าขรึม เอ่ยกับเซียต้าไปว่า “อย่าคุยตอนกินข้าวหรือตอนนอน

“ตอนนอนไม่คุยเหรอ แต่ว่าเมื่อคืนตอนนอนพ่อกับแม่ก็ คุยกันอยู่ตลอดนี่นา” เซียต้าไปพูดเสียงดัง หัวทุยนั่นหันไปมา มองไปทางนั้นที มองมาทางนี้ที สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่เซี่ยซิงเฉิน “หม่าม เมื่อคืนพ่อรังแกอีกแล้วใช่ไหม เหมือนผมจะได้ยินหม่า บอกว่า อย่าทำอย่างนี้

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกชาไปทั้งหน้า ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่า พอจ้องมองแววตาอันใสซื่อของเด็กน้อยแล้ว เธอกลับพูดไม่ ออกเลยสักคำ ช่างน่าอับอายเหลือเกิน

สุดท้ายเซี่ยต้าไปก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้พูดอะไรผิดไป เห็นสีหน้าของเธอเป็นแบบนั้นแล้วก็คิดว่าเธอถูกรังแกจริงๆ คิ้ว งามทั้งสองขมวดเข้าเป็นปม หันหน้าไปอีกทางแล้วพูดขึ้นมา ด้วยท่าที่จริงจัง พร้อมจ้องพ่อตัวเองด้วยใจที่รู้สึกไม่เป็นธรรม “เสี่ยวไป ทำไมเมื่อคืนถึงรังแกหม่ามีของเราล่ะ”

“เธอเป็นคนบอกว่าพ่อรังแกเองไม่ใช่เหรอ ลูกถามเธอ!”

เซี่ยซิงเฉินอยากจะกัดเขาให้จมเขี้ยวจริงๆ ผู้ชายคนนี้นี่ กลับโยนมาให้เธอเสียอย่างนั้น

เซียต้าไปหันไปมองเซี่ยซิงเฉิน แต่เซี่ยซิงเฉินทำเป็นหูทวน ลม รีบก้มหน้าแล้วกินอาหารเช้าต่อ เซียต้าไปเลยหันกลับไปอีก ทีแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิง สั่งสอน คนบางคน “เสี่ยวไป คุณครูเคยบอกว่าผู้ชายที่รังแกผู้หญิงไม่ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย น่าอายมากๆ!”

ไปเฉิงทนไม่ได้อีกต่อไปจึงยัดซาลาเปาใส่ปากของเด็ก น้อย “รอให้ลูกโตก่อน ลูกก็จะรู้เองว่า ผู้ชายจะแย่เอาถ้าไม่ รังแก ผู้หญิงแบบนั้นน่ะ! แม่ของลูกอาจจะร้อนรนจนร้องไห้ได้ เลยนะ!”

เซี่ยซิงเฉินแทบจะร้องไห้ เหลิงเฟยที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น กลั้นต่อไม่ไหวจนหลุดหัวเราะออกมา เสี่ยต้าไปยังคงมึนงง อยู่ตรงนั้น แล้วไล่ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมผู้ชายต้องรังแกผู้ หญิงล่ะ ลูกผู้ชายจะรังแกก็ต้องรังแกแค่ผู้ชาย!

“ถ้าลูกอยาก รังแก ผู้ชายก็ได้ พวกเราเคารพการตัดสิน ใจของลูกนะ แต่ว่าความรู้สึกก็จะไม่เหมือนกัน ลูกต้องคิดให้ดี ล่ะ”

“ความรู้สึกอะไรไม่เหมือนกัน ลูกคิดดีแล้วนี่นา ถ้าจะรังแก ผู้หญิง ก็ไปรังแกผู้ชายดีกว่า!”

ก่อนที่ไปเย่นิ่งจะพูดตอบโต้นั้น เซี่ยซิงเฉินก็ทนฟังต่อไป อีกไม่ไหว นิ้วเรียวของเธอเคาะลงบนโต๊ะ “คุณไปและคุณเสี่ยว ต้าไป อย่าคุยตอนกินข้าวหรือตอนนอน หัวข้อนี้ เราจบแค่นี้ พอดีไหม?!”

“ก็ได้” เซี่ยต้าไปผงกหัวเล็กๆ นั้นเล็กน้อย “ขอแค่แม่ไม่ โกรธเสี่ยวไปก็พอ แต่ว่า…เสี่ยวไป ต้องเป็นเด็กดีนะ ที่หลังห้าม รังแกหม่ามี้ของเราอีกแล้ว

“พ่อไม่ได้รังแกเธอคนเดียวสักหน่อย เธอก็รังแกพ่อไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย” ไปเย่งเหลือบมองเซี่ยซิงเฉินเล็กน้อย นิ้ว เรียวยาวเปิดเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เด็กน้อยเห็นไหล่ของเขา “เห็นแล้วใช่ไหม”

บนไหล่นั่นคือรอยฟันที่เธอทิ้งไว้เมื่อคืน แถมยังยาวเป็น พรวน ต้องการให้ดูคลุมเครือแค่ไหนก็ได้เท่านั้น

ใบหูของเซียซิงเฉินร้อนผ่าว พวกเหลิงเฟยยังอยู่นะ! เธอ ไม่ได้สนเขาที่หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธออยากจะ ขุดหลุมแล้วมุดหายเข้าไปจริงๆ

เซียต้าไปตะลึงไปแล้ว ปากก็หลุดเสียงอุทาน หัวทุยง่าย ไปมาพร้อมทั้งพูดตัดสินในเรื่องนี้ “ที่เจ้าอ้วนบอกว่าผู้หญิงคือ เสือ ไม่ได้พูดผิดเลยจริงๆ สินะ…”

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรสนใจสองพ่อลูกนี้เลย จริงๆ จึงก้มหัวรีบกินโจ๊กคำสุดท้ายให้หมด แล้วลุกขึ้นเดิน เข้าไปในครัว เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “ทั้งสองคนรีบหน่อย ฉันจะไปทำงานสายแล้ว!!

“หม่ามโง่จัง วันนี้วันเสาร์นะ ไม่ต้องทำงานสักหน่อย!

ผ่านไปสักพัก เซียซิงเฉินถึงส่งไปเยฉิงกลับไปได้ จนรถ ของเขาหายลับไป ใบหน้าเธอก็ยังคงแดงระเรื่ออยู่ เธอตบเข้าที่ใบหน้าเบาๆ เพื่อให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลงสักหน่อย ถึงได้เปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง เสี่ยตาไปกินอิ่ม แล้ว กำลังนั่งพักอยู่บนโซฟา เซียซิงเฉินเก็บถ้วยชามเข้าไปใน ครัว แล้วเอ่ยถามเด็กน้อยไปด้วย “วันนี้ลูกมีที่ที่อยากไปไหม

“มี! เราไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์กันเถอะ! คุณอาเห สิ่งเฟยบอกว่าแถวทิศใต้ของเมืองมีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มา เปิดใหม่น่ะ ผมยังไม่เคยไปดูเลย

“โอเค เดี๋ยวแม่โทรนัดแม่บุญธรรม ให้ไปด้วยกันนะ”

ทันทีที่ไปเย่นิ่งเข้ามานั่งในรถ เหลิงเฟยก็ยื่นไอแพดมาให้

“อะไร” เขาถาม

เหลิ่งเฟยตอบ “นี่เป็นงานเลี้ยงการกุศลที่รอง ประธานาธิบดีซึ่งจัดเพื่อเด็กบนเขากับเด็กที่พ่อแม่ทำงานต่าง ถิ่นครับ ไม่ได้เชิญแค่เหล่านักธุรกิจระดับต้นๆ ของประเทศ เท่านั้น แต่ยังเชิญทูตประจำสถานทูตของแต่ละประเทศมาด้วย งานยิ่งใหญ่มาก และนี่คือบัตรเชิญของคุณครับ”

ไปเย่นิ่งครุ่นคิดบางอย่าง ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เหลิงเฟยรออยู่เพียงครู่ก็เอ่ยออกมาว่า “ที่จริง…เหมือนว่า ครั้งนี้ซ่งกั๋วเหยาอยากคืนความสัมพันธ์อันดีกับคุณ ผมเช็ค ตารางงานคืนนี้ของคุณแล้ว ไม่ได้สำคัญอะไรมาก ยกเลิกได้ ครับ”
ไป๋เย่งคืนไอแพดใส่มือเหลิงเฟยไป สุดท้ายก็พูดออกมา เพียงว่า “ค่อยว่ากันอีกที

เซี่ยซิงเฉินกับฉือเว่ยยังจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ เซียต้าไปเดินดูไปทั่วอยู่ข้างใน ดูท่าทางตื่นเต้น มากเสียเหลือเกิน

ผู้ใหญ่สองคนถือน้ำดื่มเดินตามหลังเด็กน้อย พอเขาเห็น ของพวกนี้ก็ไม่อาจก้าวเดินออกไปไหนได้อีก

พอเด็กน้อยเข้าไปในจรวดจำลอง ฉือเว่ยยังก็หันมาถาม เธอ “เช้านี้ตอนเดินลงมาทิ้งขยะข้างล่าง ฉันเห็นรถของท่าน ประธานาธิบดีจอดอยู่ ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเขามานอนที่ห้องเธอ หรอกนะ”

“อืม” เซียซิงเฉินพยักหน้าไปที่

“พวกเธอสองคน มีความสัมพันธ์ยังไงกันเนี่ย” ถือเว่ยยัง กวาดตามองภายในจรวดจำลองไปทั่ว เอ่ยถามเสียงต่ำ “ได้ทำ เรื่องอย่างว่าไหม”

เซี่ยซิงเฉินพูดออกมาอย่างลำบากใจ พร้อมส่ายหน้า “ไม่ ได้ทำ”

“จริงเหรอ” คือเว่ยยังมองไปที่เธอด้วยแววตาจับผิด เชื่อ ครึ่งไม่เชื่อครึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ