สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 206 ช่วงลองรัก (2)



ตอนที่ 206 ช่วงลองรัก (2)

“เขาเป็นคนจริงใจดี แม่ดูแล้วชอบมาก แต่ว่าแค่แม่ชอบมัน ไม่มีประโยชน์ พวกลูกสองอคนายุไม่น้อยแล้ว ต้องคิดถึง ปัญหาในชีวิตจริง” เสินหมิ่นผ่านมันมาแล้ว ในน้ำเสียงล้วน ใจเย็นและมีเหตุผล “สถานะไม่ธรรมดาแบบนี้ ลูกต้องคิดดีๆ พวกลูกสองคนไม่ใช่ปัญหาง่ายๆ อย่างคนหนึ่งรวยอีกคนไม่ รวย ลูกเข้าใจดี เขากับผู้ชายคนอื่นไม่เหมือนกัน สิ่งที่ประสบ พบเจอมาและกำลังเผชิญอยู่ก็ไม่เหมือนกัน พูดตรงๆ ก็คือพวก ลูกไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน

เซี่ยซิงเฉินหลุบมองเล็กน้อย กล่าว “ลูก”

“การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ลูกต้องคิดดีๆ ก่อนอื่นให้เอา ปัญหาในอนาคตที่คาดการณ์ได้มาวางไว้ ถ้าทั้งสองคนคิดว่า สามารถจับมือแล้วแก้ปัญหาได้ ก็แต่งงาน ถ้าทั้งสองคนไม่มี ความเชื่อมั่นต่อกันและกันเพียงพอ ก็อย่าไปแต่งงานง่ายๆ พูดถึงตรงนี้เงินหมิ่นชะงักเล็กน้อย มองลูกสาวแวบหนึ่ง “แม่ไม่ อยากให้ลูกเดินไปทางที่ไม่ดีอีกคน

เซี่ยซิงเฉินรู้ดี มารดาหย่าร้างไปหลายปี อาศัยอยู่ที่นี่ เพียงคนเดียว ความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจต่างๆ มีเพียงเธอที่ เข้าใจ

“แม่ ตอนนั้น…แม่กับพ่อ…ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่?สุดท้ายเซี่ยซิงเฉินก็เอ่ยปากถาม ตอนเด็กที่พวกเขาหย่าร้างกัน

เธอยังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่ว่าก่อนหน้านั้น การกระทำของบิดา

เห็นได้ชัดว่ารักมารดามาก ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา

มากจริงๆ จนถึงทุกวันนี้เซี่ยซิงเฉินยังจำได้ว่ายามที่เธอพา

เพื่อนกลับไปเล่นที่บ้าน ก็มีเพื่อนอิจฉาเธอที่พ่อแม่มีความ

สัมพันธ์กันอย่างดี

ตอนนั้นพ่อแม่เพื่อนกำลังจะหย่าร้างกัน

ขณะนั้นเซี่ยซิงเฉินคิดว่าสามีภรรยาทั่วทั้งโลกหย่าร้างได้ แต่พ่อแม่ตนก็คงไม่มีทางเลือกเส้นทางนั้นแน่นอน ทว่าไม่คิด ว่าภาพที่สวยงามจะแสนสั้น

“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ล่ะ? สุขภาพแม่ไม่ค่อยดีมาตลอด อยู่แล้ว มีลูกไม่ได้…ตอนนั้นไม่เหมือนยุคสมัยนี้ การมีลูกไม่ได้ ก็คือโทษใหญ่จริงๆ…” เงินหมิ่นเล่าเสียงเบา เอ่ยถึงเรื่องราว อดีตด้วยใบหน้าหม่นหมอง “พ่อของลูกบอกว่าไม่สนใจมา ตลอด แต่ความจริง…คุณปู่คุณย่าของลูกยังคงสนใจมากอยู่ดี ทุกครั้งที่เจอพวกท่านทั้งสองก็จะพูดถึงเรื่องนี้นานเข้า ทุกคน ก็เริ่มไม่สบายใจ คล้ายมีหนามฝังคาอยู่…

“แต่ตอนที่พ่อแม่เลิกกัน ตอนนั้นมีลูกแล้วไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยซิงเฉินไม่เข้าใจ

เงินหมิ่นมองเธอด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง อยากพูด อะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป สุดท้ายกล่าวเพียง “น้องสาวของ ลูกปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว? คงจะห่างจากลูกไม่กี่ปี ตอนที่แม่ยังไม่เลิกกับเขา…เขาก็นอกใจไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้ว จนมีลูกขึ้น มา…

เงินหมุนเล่าเรื่องด้วยใจที่เจ็บปวดจริงๆ “ตอนนั้นต่อหน้า แม่เขายังมีภาพลักษณ์ผู้ชายที่ดี เป็นคุณพ่อที่ดี สามีที่ดี แต่ ความจริง…”

เอ่ยถึงตรงนี้เธอก็กล่าวต่อไม่ไหว มือที่เก็บผักอยู่สั่นเล็ก น้อย เซียซิงเฉินเงยหน้ามองจึงเห็นว่าเธอดวงตาแดงก่ำ ทนไม่ ได้ กล่าวเพียงว่า “ขอโทษค่ะแม่ ลูกทำให้แม่นึกถึงเรื่องเจ็บ ปวดในอดีต…

“คุยกับลูกให้เข้าใจก็ดี หลายปีมานี้พ่อของลูกห้ามแม่ไป หาลูก แม่ก็ไม่กล้าไปหาลูก แม่ขอโทษจริงๆ” เงินหมิ่นละอาย ใจ ไม่กล้าไปหาก็เพราะเกรงว่าจะเจอเซียกั่วเผิงและหลี่หลิงอี จนถึงวันนี้ เธอรู้สึกว่าตนยังคงไม่มีความกล้าที่จะยอมรับคนคู่ นั้นได้

“แม่ หลังวันเกิดแม่ แม่ก็กลับเมืองหลวงพร้อมลูกเถอะ” เซี่ยซิงเฉินกล่าว “ปกติต้าไปก็อยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ลูก อยู่บ้านคนเดียวไม่มีคนคุยเป็นเพื่อน ความจริงก็เหงาอยู่บ้าง ถ้าแม่ไปอยู่กับลูก ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนลูก ให้ลูกได้แก้ตัวหรือว่า เราทั้งคู่ต่างก็แก้ตัวให้กันและกัน หลายปีที่ผ่านมาและขาดหาย ไป ให้ลูกได้กตัญญูบ้าง ได้ไหมคะ?”

เธอเอ่ยถึงขนาดนี้แล้ว เงินหมื่นยังคงส่ายหัวปฏิเสธ “อยู่ ที่นี่แหละ ที่นี่ดีนะ ไม่วุ่นวายเหมือนในเมืองหลวง
เซี่ยซิงเฉินพอจะเข้าใจมารดาอยู่บ้าง ในเมืองหลวงมั่นคง กลายเป็นบาดแผลที่ยากจะรักษาของเธอไปตลอดชีวิต เธอ ยืนยันไม่ไปคงจะไม่อยากไปแตะแผลเหล่านั้น เธอจึงไม่ได้โน้ม น้าวต่อแต่อย่างใด

กลางคืน เวลาสองทุ่มกว่า เซียซิงเฉินนอนอยู่บนเตียง ใช้ โทรศัพท์มือถือค้นหาข่าว

เวลาสองวัน ข่าวอื้อฉาวยิ่งลามไปใหญ่โต ซึ่งถั่วเหยา ยอมให้สื่อสัมภาษณ์ ยังคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ หยูเจ๋อเหยากลับ ไม่ได้ตอบรับอะไร บอกว่ารอเพียงการตัดสินใจจากศาลเท่านั้น

เซี่ยซิงเฉินนึกถึงคำพูดที่ไปเย่เคยพูดไว้ ไม่รู้ครั้งนี้คุณลุง ของไปเยถึงจะถูกปล่อยออกมาแล้วหรือยัง

ขณะกำลังคิดมือถือก็ดังขึ้น บนหน้าจอเผยให้เห็นชื่อ เสี่ยวไป ทำให้เธอเผลอเหม่อไปชั่วครู่ เซียต้าไปเดิมที่กำลัง ใช้ไอแพดเล่นเกมอยู่ เมื่อได้ยินเสียงมือถือดังจึงหันกลับมา นอนคว่ำอยู่บนตัวเธอ “เสี่ยวไปเหรอ?”

“อืม” เซี่ยซิงเฉินลุกขึ้นนั่งจากกองผ้าห่ม “ลูกเล่นคนเดียว นะ แม่ออกไปรับสายก่อน

“ไปเถอะไปเลย ไปจู๋จี๋กันเลย!” เซี่ยต้าไปโบกมือใส่เธอ เซี่ยซิงเฉินห่มตัวด้วยผ้าคลุม รับสายโทรศัพท์อยู่ด้าน

“ถึงแล้วสินะคะ?” เซี่ยซิงเฉินถาม
“อืม สักพักแล้วล่ะ ยุ่งอยู่ตลอดเลยไม่มีเวลามาโทรหา

“ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้กินข้าวนะคะ?” เซียซึ่งเป็นค่อนข้างเป็น

ห่วง

“จริงๆ นั่นแหละ” ไปเย่งเอ่ยเสียงต่ำ “ถ้าคุณอยู่ตอนนี้ก็ คงมาส่งข้าวให้ผมได้ คืนนี้คงต้องโต้รุ่งอยู่ที่สำนักงาน

ความจริงจนถึงทุกวันนี้เซียซิงเฉินยังไม่เคยได้ไปที่ สำนักงาน แน่นอนว่าเธอไม่มีทางไปสำนักงานประธานาธิบดีได้ หากไม่มีธุระอะไร นั่นไม่ใช่ที่ที่ใครๆ จะเข้าออกได้ง่ายๆ

เพียงแต่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจ ถ้าตอนนี้อยู่ที่ เมืองหลวง เธออาจจะทำอาหารเย็นส่งไปให้จริงๆ ส่งไปไม่ถึง ในพระราชวังไปยว ส่งถึงด้านล่างตึกก็ยังดี

“อย่างน้อยก็ทานอะไรหน่อยเถอะค่ะ พระราชวังไปุ๋ยที่มี พ่อครัวอยู่กะไม่ใช่เหรอคะ?”

“ให้เลขาไปเตรียมแล้ว

เซี่ยซิงเฉินที่อยู่ฝั่งนี้พยักหน้า ถามอีก “ต้องโต้รุ่งจริงๆ เห รอคะ ไม่นอนเหรอ?”

“เมื่อวานกับวันนี้เสียเวลาที่เมืองเหลียงไปไม่น้อย หลาย เรื่องกองอยู่ด้วยกัน คืนนี้เลยต้องจัดการให้หมด”

เธอก็ช่วยเขาไม่ได้ จึงกล่าวเพียง “คุณยุ่งขนาดนี้ อีกสอง วันฉันกับต้าไปกลับไป คุณก็ไม่ต้องมารับแล้วนะ พวกเรามายัง ไงก็กลับไปยังงั้น ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ
ไป๋เย่นิ่งไม่ได้ตอบรับว่าดีหรือไม่ดี เชียซิงเฉินย่อมไม่ เข้าใจความหมายของเขา แต่ทางเขายุ่งมาก เธอได้ยินเสียง ของเหลิงเฟย เขายื่นโทรศัพท์ออกห่างเล็กน้อยแล้วคุยกับเห สิ่งเฟยไม่กี่ประโยค จากนั้นเขาก็กลับมาคุยกับเธอต่อ “ทางนี้ ยังมีธุระ คุณนอนก่อนเลย คืนนี้ผมไม่โทรแล้วล่ะ”

“ค่ะ” เซี่ยซิงเฉินตอบรับ

ไปเย่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ กล่าว “อีกสองวันเจอกัน

“ไว้เจอกันค่ะ”

เขายุ่งมากจริงๆ ได้ยินเธอพูดจบก็วางสายทันที เซียซึ่ง เฉินถือโทรศัพท์ยืนอยู่หน้าประตู ลอบถอนหายใจเสียงเบา เขา ยุ่งขนาดนี้เธอก็ทำได้เพียงยืนมองอยู่ข้างๆ ช่วยอะไรไม่ได้เลย นี่คงเป็นสิ่งที่มารดาบอก…พวกเขาไม่ใช่คนโลกเดียวกันสินะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ