สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 112 มีเธออยู่ถึงอุ่นใจ (2)



ตอนที่ 112 มีเธออยู่ถึงอุ่นใจ (2)

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกว่าน่าจะเป็นเพราะต้าไปรบกวนการนอนของเขา เขาเลยหน้าตึงแบบนี้ เธอจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมเล็กน้อย ดูเวลา ชั่วครู่ แล้วบอก “นี่ก็ดึกแล้ว เราควรกลับกันได้แล้วนะ”

“เสี่ยวไป คืนนี้ผมไม่กลับไปด้วยหรอกนะ พรุ่งนี้ผมไม่มี เรียน ผมคุยกับหม่ามีไว้แล้วว่าคืนนี้จะนอนเป็นเพื่อนเธอ คุณครูบอกว่าคำพูดของลูกผู้ชายสำคัญมาก เรื่องที่สัญญากับ คนอื่นไว้แล้วจะผิดคำพูดไม่ได้” เจ้าตัวเล็กพูดมาเป็นชุดๆ

น่ารําคาญจริงๆ!

ไปเยจึงไม่ได้ตกลง แต่ก็ไม่ได้ห้าม ซึ่งเปิดประตูรถลงไป ก่อน พูดตอบกลับไปเพียงว่า “ลงมา

เซี่ยต้าไปเดาไม่ถูกว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ เลย เอียงหัวมองไปทางเซียซิงเฉินอย่างฉงน เธอยักไหล่เป็นเชิงว่า ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้

“ลงจากรถก่อนค่อยว่ากัน” เซียซิงเฉินลงจากรถ พอเธอ ลงมาก็รีบกระชับเสื้อกันหนาวให้เขาทันที

“หม่า ถ้าพ่อดึงดันจะลากผมกลับไป แม่ต้องช่วยผมพูด นะ ใช้วิธีสุดยอดที่สุดของพวกผู้หญิงไง!” เซียต้าไปจับมือเธอ ไว้แล้วพูดกับเธอเสียงเบา
“ทีม วิธีอะไร”

“ร้องไห้ไง” เจ้าตัวเล็กมาที่ดวงตากลมโตของตัวเอง “ ตอนที่แม่ร้องไห้เพราะบาดเจ็บคราวก่อน เสี่ยวไปที่มองอยู่ยัง ปวดใจจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกเหมือนเขาจะร้อนใจกว่าผมอีก นะ!”

“งั้นเหรอ” เซียซิงเฉินใจกระตุกวูบ เผลอเงยหน้ามอง แผ่นหลังที่ยืนอยู่ตรงหน้า จนถึงตอนนี้ เธอยังลืมภาพที่จู่ๆ เขา ก็ปรากฏตัวมาช่วยเธอเอาไว้ไม่ได้

เหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ทางด้านหลัง เมื่อเดินถึงข้างรถยนต์ ชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปมองแม่ลูก ดวงตาฉายแววสำรวจอะไรบางอย่าง

เซียซิงเฉินฉีกยิ้มบางๆ ตอบกลับเด็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น

เดี๋ยวแม่จะลองดู”

คนขับรถพาพวกเขาไปส่งที่ห้องเล็กๆ ของเธอ

เพื่อป้องกันไม่ให้ใครบางคนลากเขากลับไปด้วยจริงๆ พอขึ้นรถเซี่ยต้าไป๋จึงแกล้งหลับทันที แต่ว่าพอแกล้งหลับไป หลับมา ดันหลับไปจริงๆ เสียอย่างนั้น

“ส่งลูกมาให้ผม” พอถึงใต้ตึกในเขตหมู่บ้าน เซี่ยซิงเฉินที่ กำลังจะอุ้มลูกลงจากรถ ก็ถูกไปเยฉิงรับไปแทน

พอเธอลงจากรถ ไปเย่นิ่งที่กำลังเดินไปหน้าลิฟต์ ก็เหลือบมองมาที่เธอแวบหนึ่ง “ตรงที่กระดูกเคลื่อนหายดีแล้วเหรอ

“บางทีก็ยังปวดอยู่นิดหน่อยค่ะ

“แล้วยังจะอุ้มเขาอีกเหรอ” เขาขมวดคิ้วมองเธอแล้วหัน กลับไปมองเด็กน้อย “ทีหลังก็พยายามให้เขาเดินเอง ตอนนี้ยิ่ง โตเขาก็ยิ่งตัวหนักนะ”

เซี่ยซิงเฉินนวดแขนไปมา เผยยิ้มบางเบา ความเป็นห่วง ของเขาก็ยังเป็นสไตล์ของเขาอยู่ ไม่มีทางที่จะมีท่าทางอ่อน โยน กลับมีแต่ความเผด็จการแฝงอยู่

เธอพยักหน้า “ค่ะ ฉันรู้แล้ว แต่ว่าเขาในตอนนี้ยังให้ฉัน อุ้มได้อยู่ ถ้าโตกว่านี้อีกนิด ต่อให้ฉันอยากอุ้มก็คิดว่าเขาคงไม่ อยากให้ฉันอุ้มอีกแล้ว”

พูดถึงช่วงหลัง น้ำเสียงของเธอกลับดูเศร้าลงนิดหน่อย

แล้วก็ยื่นมือไปช่วยจัดแจงเสื้อผ้าให้เด็กน้อย กลัวเขาจะหนาว

ไปเฉิงหันข้างมองไปที่เธอ จากมุมที่เขามองไป เห็นแต่ เพียงความอ่อนโยนปนกลัดกลุ้มบนใบหน้าด้านข้างของเธอ ทั้งสองคนเดินตัวชิดกันเข้าไปในลิฟต์ แสงสว่างจ้าภายในลิฟต์ สาดส่องลงมา ผิวพรรณขาวนวลของเธอ ขาวใสเหมือนแสงจะ ลอดผ่านไปได้อย่างไรอย่างนั้น

“ยังไงเขาก็ต้องโต โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ไม่ต้องคิดมาก หรอก” เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง

เซี่ยซิงเฉินหันไปมองเขาครู่เดียว แล้วหัวเราะออกมา ยื่นมือไปกดเลข น “รอให้เขาโตขึ้น เขาก็จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง จากนั้นฉันก็ควรมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที

ได้ยินเธอพูดเช่นนี้แววตาของไปเฉิงที่จ้องมองเธออยู่ ล้ำลึกกว่าเดิม แล้วถาม “คุณอยากได้ชีวิตแบบไหน”

เซี่ยซิงเฉินกลับไม่พูดอะไรอีก

นั่นสิ เธออยากได้ชีวิตแบบไหนกันล่ะ เมื่อก่อนตอนมี เซี่ยต้าไป โลกทั้งใบของเธอก็คือเขา จนเธอแทบไม่มีใจจะ คิดถึงอนาคตของตัวเองเลย ในใจเธอเต็มไปด้วยภาพอนาคต ของลูกทั้งนั้น

แต่ว่าตอนนี้ ไปเยฉิงปรากฏตัวแล้ว…

เรื่องอนาคตของลูก เธอคงไม่ต้องเป็นกังวลอีก ชีวิตของ เธอ กลับมีช่องว่างปรากฏอย่างฉับพลัน อีกทั้งยังเป็นชิ้นส่วนที่ ใหญ่ที่สุด และไม่มีทางชดเชยได้

“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดค่ะ รอให้เขาโตกว่านี้อีกนิดค่อยว่า

กัน”

ยามที่เธอพูดประโยคนี้ ชัดเจนว่าน้ำเสียงแผ่วเบาลง แพ ขนตาหลุบมองต่ำลง แสงไฟส่องลงมา ครึ่งล่างใบหน้าของเธอ มีเงามืดปกคลุมอยู่เป็นชั้นบางๆ

นัยน์ตาของไปเย่นิ่งฉายแววซับซ้อนขึ้นเพียงพริบตา ราวกับกำลังสงสาร พลันมือที่ว่างอยู่ข้างหนึ่งก็ยื่นเข้าไปกุมมือ ของเธอไว้แนบแน่น เซี่ยซิงเฉินตะลึงไปชั่วขณะนิ้วมือสั่นกระตุกไปที แต่ว่ากลับไม่ได้สะบัดออก นิ้วเรียวยาวทั้งห้าของ เขากางออกแล้วสอดประสานเข้ากับนิ้วของเธอ

ความใกล้ชิดเช่นนั้น สร้างความว้าวุ่นแก่ใจเธอในทันที

ผู้ชายคนนี้ ทุกอย่างของตัวเขา เหมือนล้วนแต่มีเวทมนตร์ บางอย่าง ที่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะรู้ดีว่าหนทางข้าง หน้าจะเป็นหลุมพรางลึกที่ถลำลงไปไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อถึงหน้าประตูห้อง และกำลังจะหยิบกุญแจ เขาจึงยอม ปล่อยเธอเป็นอิสระ เซี่ยซิงเฉินรู้เพียงว่ามือที่ถูกเขากอบกุมไว้ นั้นแน่นเกร็งไปหมด แต่ทว่ามันกลับอบอุ่นมากจริงๆ

ดูเหมือนว่าเซียต้าไปที่เล่นมาตลอดทั้งวันจะเหนื่อยจริงๆ เซี่ยซิงเฉินอุ้มเขาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เขายังไม่ตื่นเลย แม้แต่ตอนที่ล้างมือและเท้าให้เขา มือเล็กทั้งคู่กอดรอบคอเธอ ไว้แน่น ครางเสียงออกมาอย่างไม่สบายตัว

สุดท้าย เธอก็อุ้มเขาขึ้นวางบนเตียง

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ปิดไฟในห้องแล้วออกมา เชีย ซิงเฉินคิดว่าไปเย่นิ่งคงจะกลับไปแล้ว เหมือนอย่างครั้งก่อน

แต่ว่า…

ครั้งนี้ เขากลับยังอยู่

เสื้อคลุมบนตัวเขาถูกถอดวางทิ้งไว้บนโซฟา บนกาย เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตธรรมดาตัวหนึ่ง สะอาดสะอ้าน เขายืนอยู่หน้าชั้นหนังสือตรงห้องนั่งเล่น บนชั้นวางนอกจากจะมีหนังสือ บางส่วนแล้ว ยังมีภาพถ่ายที่เธอจัดวางไว้ก่อนหน้านี้ ภาพถ่าย ที่เก่ามากเหลือเกิน

เขาไล่สายตาดูจากชั้นบนจนถึงชั้นล่าง ดูภาพถ่ายแต่ละ รูปอย่างสนอกสนใจ

เซียซิงเฉินดูเวลา ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าควรบอกให้ เขากลับไปพักผ่อนดีหรือเปล่า

เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่เหมือนเขาจะรู้ถึงจุดประสงค์ ของเธอ เลยหันกลับมาถามเธอทันทีว่า “ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็น ที่บ้านยังมีอะไรเหลืออยู่ไหม

เซี่ยซิงเฉินงุนงงไปชั่วขณะ พลันรู้สึกปวดใจขึ้นมา “ตึก ขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ได้กินล่ะคะ”

คำพูดที่จะให้เขากลับไปถูกปิดกั้นอยู่ในลำคอเสียอย่าง นั้น เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้เลย

“วันนี้ยุ่งมากนะ ประชุมไปห้าชั่วโมงตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึง ช่วงค่ำ เลยไม่อยากกินอะไรเลยสักนิด” เขาพูดอธิบาย พลาง หยิบภาพถ่ายของเธอขึ้นมาดู เธอจำได้ว่านั่นเป็นภาพถ่ายตอน เธออายุสิบสอง ตอนนั้นพ่อแม่แยกทางกันไปหลายปีแล้วเพราะ หลี่หลิง คุณแม่พาเธอไปเล่นที่สวนสาธารณะ และนานๆ ที่คุณ พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนด้วย

เธอยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ในปีนั้น ดอกบัวกำลังบาน สะพรั่ง ครอบครัวของเธอยืนอยู่ข้างสระน้ำในสวนสาธารณะและถ่ายรูปครอบครัวที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่วันนั้น คุณแม่ ย้ายกลับไปที่บ้านเกิด แต่งงานกับคนอื่น หลังจากนั้นก็ไม่มีวัน ที่พวกเขาทั้งสามคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีก

นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วเซียซิงเฉินก็รู้สึกเศร้า พยายามไม่ นึกถึงอีกต่อไป พูดแค่เพียง “ตอนนี้คุณหิวมากไหมคะ ถ้าไม่หิว มาก ฉันจะทำกับข้าวให้ใหม่ ฉันจะพยายามทำให้ไวนะคะ”

เย็นนี้เซี่ยต้าไปกินไปไม่น้อย เลยแทบจะไม่เหลือกับข้าว อะไรอยู่แล้ว

“ไม่มีก็ช่างเถอะ แค่ข้าวมื้อเดียว” เขาพูดอย่างสบายๆ คิ้ว สวยของเธอกลับหมวดขึ้นมา เกรงว่าคนคนนี้จะมัวยุ่งจนไม่ว่าง กินข้าวเป็นประจํา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ