สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 314 ตรวจ DNA (2)



ตอนที่ 314 ตรวจ DNA (2)

ตอนที่ 34 ตรวจ DNA (2)

รุ่ยยังเห็นแหวนวงนั้นเข้าจึงเอ่ยแสดงความยินดีกับเธอ

เมื่ออยู่ที่ทำงานและกำลังทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหาร อ วันตวนก็เห็นแหวนบนนิ้วของเธอเข้า ไม่ผิดที่ผู้หญิงจะชอบ เรื่องซุบซิบ ความจริงเป็นเพราะแหวนวงนั้นมันช่างดึงดูด สายตา

“ซิงเฉิน นี่แหวนแต่งงานของเธอเหรอ?”

“อืม” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วนึกถึงภาพที่เขาขอเธอ แต่งงานเมื่อคืน หัวใจยังอิ่มเอมอย่างสุขใจ อาจเป็นเพราะมี แค่พวกเขาที่บอกจุดบกพร่องของกันและกันขณะขอแต่งงาน สินะ?

แต่เธอกลับรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นเอาชนะทุกคำพูดที่หวาน เลี่ยนทั้งหมด เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนช่างพูดจาเอาใจ เพียงแต่… ทุกความรู้สึกได้ถ่ายทอดออกมาผ่านการกระทำ

เมื่อคืนเขาทรมานเธอไปไม่น้อย

“หน้าระรื่นเชียว ดูเหมือนคำพูดของหลี่หมิงจะไม่จริงสินะ”
เซียซิงเฉินใช้ตะเกียบคีบกับข้าวแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้พอนึกถึงคำพูดของหลี่หมิงก็ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ แล้ว

“แหวนของเธอฉันรู้จักนะ เป็นแหวนลิมิเต็ดล่ะ ได้ยินมา ว่าทั้งโลกมีไม่ถึงห้าคู่ แฟนของเธอจะรวยเกินไปรึเปล่า?” หลี่ห มิงผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของวงการแฟชั่นมาโดยตลอด

“งั้นเหรอ?” เซียซิงเฉินไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด เพิ่งมาถึง ทำเนียบประธานาธิบดีก็มีงานล้นมือ ปกติเธอไม่ได้มีเวลามา เปิดนิตยสารแฟชั่นมากเท่าไร

“แต่ว่าเช้าวันนี้ฉันทันสังเกตเห็นนิ้วของท่านประธานาธิบดี ก็สวมแหวนคู่เดียวกับเธอเลยนะ พวกเธอสองคนสวมวัน เดียวกันแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าคงเป็นไปไม่ได้ก็คงนึกว่าพวกเธอ สองคนใส่คู่กันซะอีก

เซี่ยซิงเฉินใจกระตุกวูบ ตักข้าวเข้าปากอย่างละอายใจ

“บ้าแล้ว”

แต่แหวนวงนี้ดูเหมือนจะเด่นไปสักหน่อย เธอควรถอด ออกไหม? เธอไม่รู้ว่าที่ไปเย่นิ่งซื้อมาจะเป็นของลิมิเต็ด

“เธอว่าจู่ๆ ท่านประธานาธิบดีก็สวมแหวนแต่งงาน เพราะ กำลังจะแต่งงานรึเปล่า?

อนตวนไม่ได้คิดว่าพวกเขาทั้งสองจะคู่กันจริงๆ

เซี่ยซิงเฉินละอายใจแทบตาย ได้แต่กล่าวเสียงคลุมเครือ “ไม่ได้ยินข่าวเลยนะ น่าจะไม่หรอกมั้ง
“นั่นสิ ประธานาธิบดีแต่งงาน เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่มีทาง เงียบขนาดนี้ แต่ดูสถานการณ์แล้วก็น่าจะมีแฟนคนใหม่แล้วล่ะ เรื่องแต่งงานของคุณข่งกับท่านประธานาธิบดีก็ยังเป็นเรื่องที่ ทุกคนสนใจอยู่ ตอนนี้แต่งงานคงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไร

เซี่ยซิงเฉินไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่ทิ้งสายตาไว้ที่แหวนบน นิ้วตัวเอง

ในเมื่อจองไว้แล้ว รอหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ? เธอไม่รีบและ ไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์ของเขาที่พยายามมาขนาดนี้ติดลบ เพียงเพราะตนเอง

หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จขณะเดินออกจากโรงอาหาร เธอก็ได้รับข้อความหนึ่งจาก เสี่ยวไป” ไม่ได้พูดยืดยาวมีแค่ เมนูอาหารที่สั่ง

นี่ก็บ่ายโมงแล้วดูท่าเขายังไม่ได้ทานอาหารเที่ยง

เซี่ยซิงเฉินไม่ได้เดินไปพร้อมกับอลิ้นตวน แต่เดินอ้อมไปที่ โรงอาหารแล้วจัดการสั่งอาหารที่เขาต้องการทั้งหมด แล้วแอบ ถืออาหารไว้ในอ้อมแขนโดยใช้เอกสารบังไว้ จากนั้นก็ขึ้นไป ชั้นบนสุดทันที

คนที่รออยู่ชั้นบนสุดคือเหลิงเฟย

เห็นเธอเหลิงเฟยก็ทำสีหน้าสับสน เซี่ยซิงเฉินไม่ได้ คิดมากก็เดินเข้าไปทักด้วยรอยยิ้ม “ท่านรองผู้กำกับเหล่ง
“คุณเข้าไปได้เลยครับ ท่านประธานาธิบดีกำลังวุ่นกับงาน อยู่ด้านใน

เซียซิงเฉินพยักหน้า เหลิงเฟยที่เห็นแหวนบนนิ้วเธอตั้งแต่ แวบแรกก็ครุ่นคิด สุดท้ายก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “คุณเซีย คุณกับท่านประธานาธิบดี…กำลังจะแต่งงานเหรอครับ?

เธอหยักหน้ารับ ก็คิดไว้อย่างนั้นนะคะ

เธอคิดไปชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมามองเหลิงเฟย ก็เห็น ท่าทางเหมือนหนักใจของเหลิงเฟยเข้า อดถามอย่างเป็นห่วง ไม่ได้ “ฉันแต่งงานกับเขา…จะส่งผลอะไรต่อพวกคุณไหมคะ?

เหลิงเฟยถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไร เซียซิงเฉินรู้สึก แปลกๆ กำลังจะถามต่อแต่ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิด ออก

“คุยอะไรกัน?” เสียงเย็นชาขัดจังหวะการคุยของทั้งคู่ ไป เฉิงกวาดสายตาผ่านตัวเซียซิงเฉินแล้วหันไปมองเหลิงเฟย ด้วยสายตาที่ฉายแววตักเตือน ปากบางขยับแล้วพูดออกมา อย่างเย็นชา “เอกสารการคลังของวันนี้ตรวจเสร็จหมดแล้วเห รอ?”

เหลิงเฟยไม่กล้าอยู่นานไปกว่านี้ก็ได้แต่โค้งตัวเล็กน้อย “คุณเซีย ถ้าอย่างนั้นผมไปทำงานล่ะครับ

เชียซิงเฉินหยักหน้ารับเบาๆ

ไปเย่งชิงเดินนำเข้าไปในห้องทำงานก่อน เซี่ยซิงเฉินถือกล่องอาหารเดินตามหลังเขา จากนั้นก็ปิดประตูถาม “รู้สึกว่า เหลิงเฟยเหมือนมีอะไรจะพูดกับฉัน ทำไมคุณไม่อนุญาตให้เขา พูดล่ะคะ?”

“คุณรู้สึกไปเอง” เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้ววางไว้ ข้างๆ นั่งลงบนโซฟาแล้วพับแขนเสื้อขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ

เซียซิงเฉินวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าเขา

แล้วยื่นมือไปพับแขนเสื้ออีกข้างให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ

“สายขนาดนี้แล้วทำไมคุณไม่ทานอะไรหน่อยคะ?” เซี่ยง เฉินบ่นอุบ

“ยุ่งจนไม่มีเวลาน่ะ” เขาหยิบตะเกียบขึ้นแล้วเริ่มทาน

อาหาร

เชียซิงเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าว “คุณทานช้าๆ หน่อย

เขาทานอาหารไปโดยที่ระหว่างทานก็ไม่ลืมกวาดตาอ่าน เอกสารบนโต๊ะเตี้ย เซี่ยซิงเฉินก็นั่งอยู่ข้างๆ เขา

ทั้งสองคนไม่ได้มีบทสนทนาใดๆ เพียงแต่ขณะที่เปิดหน้า เอกสารไปเรื่อยๆ นั้นเขาที่ไม่สามารถยื่นมือมาพลิกได้ เซียซึ่ง เฉินก็ช่วยเขาพลิกหน้าเอกสารอย่างรู้ใจ

ภายในห้องมีเพียงเสียงพลิกเอกสาร แต่กลับรู้สึกว่า

สภาพแวดล้อมแบบนี้ทั้งเงียบและสงบ ต่อให้ไม่พูดจาอะไร แล้วนั่งอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ สูดอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย ของเขา คอยดูเขาที่กำลังตั้งใจทำงาน เซี่ยซิงเฉินก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก

สักพักพอเขาทานเสร็จแล้ว ก็วางตะเกียบและกล่อง อาหารไว้ข้างกัน หยิบผ้าเช็ดขึ้นเช็ดปากอย่างสง่า

“มานี มานั่งบนตักผม” เขาตบที่หน้าขาตนไปมาแล้วบอก เซี่ยซิงเฉิน

“ทำไมเหรอคะ?” เซียซิงเฉินบอกเขาอย่างไม่เข้าใจ

ไปเย่นิ่งไม่รอให้เธอมาเองก็ยืดแขนยาวยกตัวเธอมาไว้ บนตักเองทันที เธอเผลอหลุดเสียงอย่างตกใจไปที่แล้วรีบโอบ แขนกอดรอบคอเขาไว้ ได้ยินเขาพูดเสียงเบา “เมื่อผมเห็น ด้านนี้ของคุณมีผมหงอกเส้นหนึ่ง อย่าดิ้น

“ผมหงอก?”

“อืม” ไปเย่นิ่งเอ่ยเสียงตอบรับแล้วก็ดึงเส้นผมทันที

ผมเส้นนั้นพันอยู่ตรงนิ้วมือ เซียซิงเฉินมองแล้วก็ปาก “โกหก ผมหงอกที่ไหนล่ะ ดำขนาดนี้แท้ๆ

“ดึงผิดเส้นไปต่างหาก” ไปเย่นิ่งทำหน้านิ่งแล้ววางเส้นผม ไว้บนโต๊ะเงียบๆ

เซี่ยซิงเฉินไม่ทันระวังเพราะจดจ่ออยู่กับผมหงอกของตัว เอง ตอนนี้ตนยังไม่ทันอายุครบ 24 ปีดีเลย ทำไมถึงมีผม หงอกได้ล่ะ?

ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะจากด้านนอก เสียงของเลขาดังขึ้น “ท่านประธานาธิบดี คุณ หมอฟูมาถึงแล้ว

“ให้เขาเข้ามา!

“คุณหมอฟ? คุณป่วยเหรอคะ?” เซียซิงเฉินมองเขาอย่าง

เป็นห่วง

“เปล่า แค่จะคุยเรื่องของสำนักงานอาหารและยาสัก หน่อย ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพผม

ได้ยินเขาว่าเช่นนั้นแล้วเซี่ยซิงเฉินก็เบาใจ ไม่ได้คิดอะไรมากอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ