สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 309 เตรียมการงานแต่งงาน (1)



ตอนที่ 309 เตรียมการงานแต่งงาน (1)

เงินหมิ่นมีความใจเย็นพอจึงไม่เอ่ยเร่ง เพียงแต่นั่งรอให้เขา เรียบเรียงความคิดเงียบๆ

แต่เมื่อเขาพูดออกมาประโยคแรกเงินหมิ่นกลับนั่งอึ้ง เธอ เบิกตาโตมองไปเย่นิ่ง แก้วแทบหลุดจากมือเข้ากองไฟ

ยังดีที่เขาพอคาดการณ์ได้จึงยื่นมือไปรับแก้วได้ทันท่วงที จากนั้นก็วางไว้บนโต๊ะเตี้ยพร้อมแก้วของตน

“เธอ…เมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ?” เงินหมิ่นหน้าซีดเผือด ไม่ใช่แค่ปากแม้แต่เสียงยังสั่นเครือ เธอจ้องไปเฉิงด้วยแวว ตาเหลือเชื่อ

เห็นได้ชัดว่าไปเย่นิ่งคาดเดาปฏิกิริยาแบบนี้ได้แต่แรก สีหน้าจึงเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน

“ซิงเฉินไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของน้า” เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วย น้ำเสียงไม่หนักไม่เบา แต่กลับเหมือนก้อนที่ทุบหัวใจเงินหมิ่น อย่างรุนแรง เธอยื่นมือองไอร้อนจากเตาแต่ก็ยังรู้สึกหนาวไป ทั้งตัว

ครูใหญ่….

“เรื่องนี้เธอได้ยินมาจากใคร?” สุดท้ายเธอก็หาเสียงตัว เองเจอแล้วอ้าปากถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
จากนั้นก็เหมือนนึกบางอย่างออก ดวงตาฉายแวว หม่นหมองไปแวบหนึ่ง ซึ่งเฉินก็รู้แล้วเหรอ?

ไปเย่นิ่งสายศีรษะ “น้าวางใจได้ ผมไม่ได้บอกเธอ

“ก็ยังดี…” เสินหมิ่นได้ยินเขาว่าเช่นนั้นสีหน้าถึงผ่อน คลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้ามองเขาใหม่ “เรื่องแบบนี้ ไม่น่ามีใครรู้ได้นะ…อย่าว่าแต่เธอที่เป็นแค่คนนอกคนหนึ่งเลย แม้แต่พ่อของซิงเฉินยังไม่รู้ด้วยซ้ำ…

เมื่อครั้งที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลเพียงลำพังก็พบว่า แท้งไปเสียแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าชีวิตคู่คงสั่นคลอนและด้วย ความรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับคนที่อยากมีลูกจนแทบบ้า อย่างเธอนั้น ภายใต้ความกดดันและวิตกกังวลเพราะไม่กล้า เอ่ยเรื่องนี้กับใคร แม้แต่เซียกั่วเผิงเองยังไม่กล้าบอก

และตอนที่เธอทำการผ่าตัดเสร็จเตรียมเดินออกไป พระเจ้าได้มอบลูกให้เธอ เด็กน้อยกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งไว้

“ตอนที่น้าเจอเธอในโรงพยาบาลมีผ้าอ้อมสีฟ้าผืนหนึ่งหุ้ม อยู่ แถมบนผ้าก็ปักด้วยรูปลายกล้วยไม้ใช่ไหมครับ?” ไปเย่นิ่ง ไม่ได้ตอบคำถามเงินหมิ่นแต่กลับย้อนถาม

“เธอไปสืบมาแล้วเหรอ?” ไม่อย่างนั้นทำไมถึงรู้ละเอียด นักล่ะ?

“ขอโทษครับ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจสืบขนาดนี้” หากเลือกได้ เขายอมไม่รู้ที่มาของเธอคงดีกว่า นี่มันเหมือนเล่นตลก แต่เป็นตลกร้ายที่ทําไม่ออก

“ตอนที่คลอดต้าไปเลยพอรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอนิด หน่อย ช่วงนี้มาเปิดอ่านถึงรู้มากขึ้น ท้ายสุดไปเฉิงก็ไม่ได้ บอกความจริงเพราะเขาไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มอีก

เงินหมิ่นครุ่นคิดสักครู่ ก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี

เงียบไปสักพักถึงเปิดปากพูดใหม่ “วันนี้เธอมาคุยกับฉัน แบบนี้ต้องการอะไรเหรอ?”

เธอจับทางเขาไม่ถูกเลย

“ผมแค่หวังว่าเรื่องนี้จะมีแค่น้ากับผมที่รู้กันสองคน นอกจากนี้จะไม่มีคนที่สามรู้เด็ดขาด ที่สำคัญ ห้ามให้ซิงเฉินรู้ โป๊เย่งเอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองออกมา “ชิงเฉินแยกจากบ้า ไปหลายปีขนาดนี้ ตอนนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ผมไม่อยากให้ระหว่างนี้เกิดเรื่องอะไรที่จะมาขัดขวางความสุข ของเธอ หวังว่าน่าจะเข้าใจ

สิ่งที่เขาพูดคือความจริง

มารดาแท้ๆ ที่รู้มาตลอดยี่สิบกว่าปีจู่ๆ ก็กลายเป็นเพียง คนเลี้ยงดู เรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องทำให้เธอตกใจมากแน่ๆ อีก อย่างบิดาแท้ๆ ของเธอยังเป็น

เรื่องนี้เขาไม่มีทางให้เธอรู้แน่นอน

เงินหมิ่นหยักหน้า “เธอพูดถูก ถ้าบอกเรื่องนี้ให้เธอรู้ต้อง ทำให้เธอตกใจมากแน่ๆ ความจริงฉันก็เหมือนเธอนั่นแหละไม่อยากบอกความจริงไป เธอเป็นลูกสาวที่ดี แม้หลายปีมานี้ ฉันจะไม่ได้อยู่ข้างเธอ แต่ในใจฉัน เธอเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของฉันเลย”

พูดถึงตรงนี้เธอก็หยุดชะงักจากนั้นก็พ่นลมหายใจพูดต่อ “ถ้าเป็นไปได้…ฉันหวังอยากให้เธอเป็นลูกในไส้แท้ๆ ของฉัน เสียด้วยซ้ำ…

ไปเย่นิ่งมองเงินหมิ่นด้วยสายตาลึก “ตั้งแต่วันที่น้าอุ้ม เธอขึ้นมา เธอก็คือลูกแท้ๆ ของน้า

เงินหมิ่นเงียบไปสักครู่ก็หยักหน้า จนถึงตอนนี้พอได้รู้จุด มุ่งหมายของเขาแล้วสีหน้าเธอถึงได้ดีขึ้นตามลำดับ

“ถ้าคุยจบแล้วเราก็ออกไปกันเถอะ ซิงเฉินน่าจะมาหาเธอ แล้ว” เงินหมิ่นลุกขึ้นยืน

“น้าเงิน ผมมีอีกเรื่อง

ได้ยินคำพูดของไปเย่นิ่งเงินหมิ่นก็ย้อนกลับไปนั่งที่เดิม แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย

แววตาไปเฉิงจริงจัง คำพูดที่กล่าวออกหนักแน่น “ผม อยากแต่งงานกับเธอ และยิ่งเร็วยิ่งดี หวังว่าเรื่องนี้น่าจะ อนุญาต

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ เงินหมิ่นรู้ว่าเขา จริงจังก็อดดีใจแทนลูกสาวตัวเองไม่ได้

ใบหน้าเผยยิ้มปริ่มใจ กล่าวเรื่องแต่งงานขอแค่ซิงเฉินตกลงฉันก็ดีใจแทน พวกเธอก็มีลูกกันแล้ว การแต่งงานถือว่า ดีสำหรับสองแม่ลูก กับฝั่งพ่อแม่เธอ…ฉันไม่อยากให้ซิงเฉิน โดนอะไรแม้แต่น้อย

“น้าวางใจได้ ผม…

“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?” ขณะที่ไปเยถึงกำลังจะพูดต่อประตู ก็ถูกเปิดออก เซียซิงเฉินยื่นตัวเข้ามาครึ่งตัว มองพวกเขาทั้ง สอง “ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”

อาจเป็นเพราะความลับสำคัญของเธอถูกเปิดโปงเงินหมิ่น จึงยังรู้สึกละอายใจอยู่บ้างพร้อมสายตาที่ล่องลอย ย้อนกลับ ไปมองไปเย่นิ่งกลับมีท่าทางเรียบนิ่งเหมือนเดิม เขาหันไปส่ง สายตาเป็นเชิงปลอบใจแก่เงินหมิ่นแวบหนึ่งถึงเอ่ยปากกล่าว ด้วยสีหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “น้าเงิน น้าต้องกลับไปตรวจที่ โรงพยาบาลอีกครั้งนะ ผมว่าอาทิตย์หน้าเลยดีกว่า

เงินหมิ่นเบาใจลงขึ้นมากพยักหน้ารับ “ก็ดีจะ

ไปเยฉิงกล่าวต่อ “ถึงตอนนั้นหวังว่าน้าจะได้เจอพ่อแม่ของผม

เงินหมิ่นพยักหน้าเบาๆ ไปเฉิงจึงไม่พูดอะไรต่อ พลาง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่น ตอนที่เดินผ่านเซียซิงเฉิ นทำราวกับไม่รู้สึกถึงสายตาของเธอที่มองมายังตนอย่างสงสัย ไม่สนใจพร้อมฉุดมือเธอให้เดินตามไป

เงินหมิ่นยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น มองออกไปข้างนอกผ่านบานหน้าต่าง คอยมองท่าทางทั้งสองกุมมือกัน แต่ไม่รู้ทำไมถึง รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

เธอถอนหายใจ มือลูบอกไปมา ได้แต่หวังว่าตนจะ คิดมากไป

เซี่ยซิงเฉินที่ถูกเขากุมมืออยู่กำลังเดินไปยังห้องที่เกี่ยต้า ไปกำลังดูโทรทัศน์ เธอส่งเสียงถาม “ทำไมแม่ฉันต้องไปเจอ พ่อแม่คุณล่ะ? พวกคุณสองคนกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ ทำไม ไม่บอกฉันสักนําเลยคะ?”

เริ่มแรกไป๋เย่นิ่งไม่สนใจเธอ สุดท้ายก็ทำให้เธอโกรธ เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องนั่งเล่น เธอดึงมือออกจากการกอบกุม ของเขาแล้วหมุนตัวไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา อ้าแขนออกสองข้าง ขวางเขาไว้

“คืนนี้ถ้าคุณไม่บอกเราก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว

ไป๋เย่นิ่งก้าวเท้าเข้าใกล้เธอไปก้าวหนึ่ง โน้มกายสูงลง เป็นเชิงไล่ต้อน “พอดีเลย ผมไม่ได้ไปไหนสักที หรือว่าคืนนี้เรา ก็ยืนอยู่ที่ลานบ้านทั้งคืนเป็นไง?”

เขา โน้มตัวเข้าใกล้เธอ เซียซิงเฉินเผลอก้าวถอยหลังไป ก้าวจนหลังแนบเข้ากับประตูห้องนั่งเล่นด้านหลัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ