สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 64 ไม่กลัวติดเชื้อหรือไง



ตอนที่ 64 ไม่กลัวติดเชื้อหรือไง

ไปเย่นิ่งยื่นมือไปปัดปอยผมข้างแก้มของเธอ สายตาจ้องมอง ไปยังใบหน้าที่งดงามของเธอ เซียซิงเฉินสะลึมสะลือ เธอรู้สึก แค่ว่าปลายนิ้วของเขาอบอุ่นมาก เธอจึงยื่นมือไปจับมือของเขา เอาไว้

เขาตกใจจนลมหายใจหยุดชะงัก

“เซี่ยซิงเฉินปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ

“…” เธอไม่สนใจเขา

“ขืนไม่ปล่อย…” เขาทำเสียงข่มขู่ สายตาจับจ้องไปที่ริม ฝีปากของเธอ สีของดวงตาเข้มมากขึ้น “ผมจะจูบคุณ…

เซี่ยซิงเฉินกลับออกแรงเล็กน้อยและจับมือของเขาแน่นยิ่ง

ไป๋เย่นิ่งก้มลงจุมพิตไปที่ริมฝีปากของเธอ ความรู้สึกที่

ขึ้น

อ่อนละมุนประทับไปบนริมฝีปาก ไปเยถึงรู้สึกราวกับมีอะไร

บางอย่างพุ่งชนไปที่กลางอกของเขา เขารู้สึกหวั่นไหว

ระส่ำระสาย เมื่อครู่เขาอยากจะจูบเธอ! แต่กลับถูกคนรับใช้ที่

ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาขัดจังหวะ

เซี่ยซิงเฉินที่กำลังสะลึมสะลือรู้สึกเหมือนมีก้อนหินขนาด ใหญ่กดทับอยู่บนลำตัว กระทั่งริมฝีปากและฟันถูกอะไรบางอย่างถือวิสาสะงัดให้เผยอออก เธอถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา

เธอพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง สิ่งที่สะท้อนเข้ามาใน ตาคือใบหน้าแสนเย้ายวนอารมณ์ของชายหนุ่ม บางทีอาจเป็น เพราะรอยจุมพิตนั้นที่ทำให้ดวงตาที่ดูลุ่มลึกของเขาส่อง ประกายชวนหลงใหล

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้คิดต่อ จุมพิตของชายหนุ่มก็ฉวย สติของเธอไป ลีลาการจูบของเขานั้นดีมาก ดีจนเซียซิงเงินรับ มือไม่ไหว เธอไม่สามารถปฏิเสธเวลาที่ชายหนุ่มคนนี้บุ่มบ่าม ใช้กำลังได้เลย ยิ่งตอนนี้เขาจูบริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ยิ่งพานทำให้เธอเสียสติ สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยตัวเองให้ถลำลึก ลงไปเรื่อยๆ…

แต่เดี๋ยวนะ…

ทำไมพวกเขาถึงจูบกันอยู่

เซี่ยซิงเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอผลักเขาออกไป อีกครั้ง แต่เขาก็ล็อกมือของเธอเอาไว้และมองเธอตั้งแต่หัวจรด เท้าด้วยสายตาที่ร้อนรุ่ม

สายตาที่ลุ่มลึกราวกับกำลังจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว

เซี่ยซิงเฉินหายใจติดขัด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่าง ชัดเจน เธอมองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล “คุณ…ทำแบบนี้คุณ อาจติดโรคไปได้นะ…”

“เป็นห่วงผมอยู่?”
อาจเพราะดวงตาพร่ามัว หรืออาจเพราะเธอโดนจูบจน สมองปั่นป่วนไปหมด ครั้งนี้เธอเลยไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าและ มองดูเขาด้วยความคับข้องใจ “ถ้าเกิดฉันเป็นWISขึ้นมาจริงๆ จะทําไงคะ?”

“งั้นเราก็ถูกขังไว้ด้วยกัน มีเพื่อนจะได้ไม่เหงา” เสียงของ เขาเบาและแหบพร่า

ในใจเซียซิงเฉินสั่นไหว วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็ประกบจูบ เธออีกครั้ง

เธอส่งเสียงครางเบาๆ เขาจูบไปสักพัก จากนั้นก็ค่อยๆ คลายริมฝีปากที่ดูดเม้มริมฝีปากของเธอ เหลือเพียงแค่ประทับ จูบเบาๆ

เธอได้ยินเสียงแหบพร่าของเขาถามว่า “ตอนนี้คุณกับส เหยียนเป็นอะไรกัน?

เธอไม่ตอบ เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นพลางพูดต่อ “ถ้าขืนคุณ บอกว่าพวกคุณอยู่ด้วยกัน พรุ่งนี้ผมจะไล่เขาออกไป…”

ค่ำคืนกำลังเผยความรักแสนคลุมเครือที่ล้นออกมา ราวกับกำลังถอดเกราะป้องกันของหนุ่มสาวออก

เชียซิงเฉินมองไปที่เขา เธอรู้สึกแค่ว่าในใจของเธอก็ถูก ปกคลุมไว้ด้วยผืนผ้าบางๆ ของความรักที่ไม่ชัดเจนเช่นกัน

“ฉันเจอเขาโดยบังเอิญที่โรงพยาบาลค่ะ ไม่ได้อยากจะ

ไปบ้านเขา…”
“แล้วยังอยากจะแต่งงานกับเขาไหม?”

ขนตาของเธอกระพือไหว ริมฝีปากสั่นระริก เสียงยิ่งแผ่ว ลง “…ก็ไม่อยากค่ะ”

เธอรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด จริงๆ เธอจะหลอกเขาก็ได้ แต่เธอกลับตอบทุกคําถามตามความเป็นจริง

ดูเหมือนคำตอบเหล่านี้จะถูกใจเขาอย่างมาก ม่านหมอก ที่หม่นมัวระหว่างคิ้วพลันจางหายในพริบตา

นิ้วที่เรียวยาวลูบไล้คางของเธอ “คุณก็ไม่ได้โง่นะเนี่ย” อะไรกัน? เธอประท้วง เธอไปโง่อะไรตอนไหน?

ผลลัพธ์คือจูบร้อนแรงที่ติดพันของไปเย่นิ่งนาบลงมาอีก ครั้ง เซี่ยซิงเฉินถูกจูบจนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ผู้ชายคนนี้…ทำไมถึงชอบจูบนัก?

เพียงแต่ จูบไปสักพัก…

เขาก็ปล่อยตัวเธอและเดินกลับห้องของตัวเองไปด้วยท่าที อึกอัก และเปลือยกายอาบน้ำที่เย็นเฉียบอยู่ใต้ฝักบัวซ้ำแล้วซ้ำ เล่าด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

แต่ บ้าชะมัด!

กระแสความร้อนรุ่มในร่างกายนั้นกลับดับไม่ลง ภาพ ใบหน้าและคำพูดแสนน่ารักอ่อนโยนชวนหลงใหลของเธอเมื่อครูวนเวียนไปมาอยู่ในสมอง

ผู้หญิงคนนี้เป็นนางมารชัดๆ

วันรุ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่ทีมรักษาสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาวัดอุณหภูมิ ร่างกายและความดันตั้งแต่เช้าตรู่ เซี่ยซิงเฉินค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

เธอสังเกตเห็นถุงน้ำร้อนที่วางอยู่ข้างๆ และเมื่อดูรอยบวม บนมือของตัวเองที่หายไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราว ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

ยิ่งนึกถึง จูบของเขา…ทั้งหมดดูราวกับความฝัน แต่ก็ เหมือนความจริงมากเช่นกัน

ผู้ชายคนนี้…

ตกลงว่าเขาเป็นคนเลวทราม หรือ…ที่จริงเขาก็ไม่ได้เลว ถึงขนาดนั้นกันแน่?

เซี่ยชิงเฉินยังคงรู้สึกสับสนอยู่ในใจ ถ้าจะบอกว่าเขาดี เรื่องที่เขารังแกเธอนั้น เธอยังคงจำได้ไม่ลืม ถ้าจะบอกว่าเขา เลว ก็เหมือนกับที่เว่ยยังพูดไว้ ป่านนี้ตัวเธอคงโดนไล่ตะเพิด ออกไปตั้งนานแล้ว แต่นี่…

เธอคลำถุงน้ำร้อนที่เย็นแล้วใบนั้น มุมปากยกขึ้นโดยไม่รู้ตว
คนเลวเขาคงไม่เตรียมสิ่งนี้ให้เธอหรอก?

“คุณเซียคะ วันนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?” เจ้าหน้าที่ทีมรักษา

ถามเบาๆ

เธอพลันได้สติ เธอลุกขึ้นเอนตัวนั่งบนเตียง “ค่ะ ดีขึ้นมาก แล้ว จริงด้วยสิคะ…”

เธอถาม “มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับท่านประธานาธิบดีไหม คะ?”

เมื่อคืน พวกเขาทั้งสองคน…

ถ้าเธอเป็นโรคติดต่อจริงๆ เขาก็คงต้องติดโรคจากเธอ

แน่ๆ

“ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทีมรักษากำลังตรวจท่านประธานาธิบดี อยู่ค่ะ อุณหภูมิร่างกายของคุณกลับเข้าสู่สภาวะปกติชั่วคราว นะคะ เดี๋ยววันนี้พอได้ผลการตรวจมาแล้วก็สามารถระบุโรค ของคุณได้แล้วค่ะ”

“ค่ะ ขอบคุณมาก รบกวนพวกคุณมากจริงๆ”

เซี่ยซิงเฉินยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ในใจ สุดท้ายเธอก็เลิก ผ้าห่มออกและลงจากเตียง

“ท่านประธานาธิบดีพักอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปดูเขาหน่อย

ในขณะที่ทางด้านเซี่ยซิงเฉินและเจ้าหน้าที่ทีมรักษากำลัง ออกจากห้อง พวกเขาก็ได้ยินเสียงสาวเท้าดังแว่วมาจากห้อง นอนอีกห้องหนึ่ง จากนั้นประตูห้องก็ถูกผลักออกมาจากข้างในพยาบาลหน้าถอดสีพลางพูดว่า “แย่แล้ว! รีบแจ้งคุณหมอ เร็ว!”

เซียซิงเฉินใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอรีบเดินไป “เกิดเรื่อง อะไรขึ้น?”

“ท่านประธานาธิบดีเป็นไข้ค่ะ! ไข้สูงมาก!!

“เร็วเข้า รีบไปเป็นอุปกรณ์เข้ามาเจาะเลือด! ส่วนเธอก็รีบ โทรไปแจ้งคุณหมอฟู” ทีมรักษาจัดแจงแบ่งหน้าที่กันอย่าง รวดเร็ว

หลังจากนั้นก็ยังคงเป็นเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบอีกเช่นเคย สมองของเซี่ยซิงเฉินว่างเปล่า ถ้าเกิดเขาติดเชื้อจากเธอจริงๆ เธอก็ทำผิดมหันต์เลยทีเดียว! ตอนนี้เขาเป็นถึงผู้นำของ ประเทศ ถ้าแม้แต่ตัวเขาก็ต้องโดนกักตัวด้วย แบบนี้คงแย่ แน่ๆ!

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะกลายเป็นที่ขบขันของนานาประเทศ เลย แม้แต่ประชาชนเองก็คงรู้สึกสับสนเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็คง ไม่เพียงแค่ทำให้ผู้คนแตกตื่น! เกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสนี้ก่อ ความวุ่นวาย ผลที่ตามมาคงยากที่จะคาดเดา

เธอรู้สึกเป็นกังวล ตอนที่เธอผลักประตูห้องเข้าไป ไปเย งก็ตื่นแล้ว

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนและกางเกงขายาวสีเข้ม เสื้อ เชิ้ตที่เขาสวมสบายๆ แขนเสื้อที่พับสูงถึงข้อศอกเผยให้เห็น แขนที่แข็งแรง กระดุมปกเสื้อที่ถูกปลดออกสองเม็ดชวนให้ดูผ่อนคลายและเย้ายวนอารมณ์ ใช้ที่ขึ้นสูงทำให้ใบหน้าแดง ฝากกว่าปกติ

เขากำลังเอนตัวพิงโซฟาพลางอ่านอีเมลในคอมพิวเตอร์ อยู่ สีหน้าท่าทางดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไม่ค่อยสู้ดีนัก

เมื่อเซี่ยซิงเฉินเห็นแบบนั้นเข้า เธอก็ขมวดคิ้ว ป่านนี้แล้ว เขายังมีกะจิตกะใจมานั่งทำงานอีก

“ตื่นแล้วเหรอ?” เขาเผยอเปลือกตาขึ้นมามองเธอด้วย ท่าทีเฉยเมย และก้มหน้าจดจ่อไปที่โน้ตบุ๊กอีกครั้งด้วยท่าที เฉยเมยไร้ความรู้สึกเช่นกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ