สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 207 ช่วงลองรัก (3)



ตอนที่ 207 ช่วงลองรัก (3)

ตระกูลซ่ง ในเวลานี้

เหมยหลิวอยู่ที่ห้องโถง ยังคงนั่งไม่ติด ซึ่งเหวยวาง โทรศัพท์ลงอย่างผิดหวัง เหมยหลิวรีบถาม “เป็นยังไงบ้าง? ประธานาธิบดีรับสายหรือยัง?

– ซ่งเหวยอีสายศีรษะ “เลขาบอกว่าเขายุ่งมาก รอเขา ว่างจะโทรกลับมาหาเราเอง

“โทรกลับมา?” เหมยหลิวแค่นหัวเราะไปที่ “เราโทรไป ตั้งแต่เมื่อวานยันวันนี้ แม่ไม่เชื่อว่าเขาจะยุ่งถึงขนาดไม่มีเวลา โทรกลับ

ซึ่งเหวยว้าวุ่นใจ “คุณแม่…เขาบอกกับสื่อว่าสำหรับงาน แต่งงานของเราจะเป็นไปตามใจของประชาชน ความหมาย คือ…เขาจะไม่แต่งงานกับลูกแล้ว ใช่ไหม?”

เหมยหลิวถอนหายใจ “ฟังน้ำเสียงนั่นเห็นทีคงไม่ผิด ตอนนี้ตำแหน่งประธานวุฒิสภาของพ่อลูกกำลังสั่นคลอน ถึง ตอนนั้นถ้าไปเย่นิ่งอยากให้ลุงของเขาออกมาอย่างถูกต้อง ไม่มีพ่อลูกเป็นอุปสรรค มันก็ง่ายมาก เกรงว่าคงไม่กลัวเรา ข่มขู่อีกแล้ว”

ซ่งเหวยอีฟังแล้วทั้งเสียใจทั้งโมโห “คุณพ่อทำไมบ้าบิ่นแบบนี้! เขาจะมาเป็นเขยอยู่แล้ว จะดักฟังอีกทำไมกันล่ะ”

“ลูกจะเข้าใจอะไร? เรื่องการเมือง ใช่ว่าลูกจะเห็นทะลุ ปรุโปร่งตามผิวหน้า ถ้าไปเยจึงไม่ฉลาด ยอมอยู่ในกำมือของ ลูกเมื่อแต่งงานกับลูก ทุกวันนี้พ่อของลูกคงไม่ต้องลำบาก ขนาดนี้หรอก!”

“แล้วตอนนี้ทำยังไงดีคะ? หรือว่าตระกูลซึ่งเราจะแพ้อยู่ใน กำมือเขาอย่างนี้เหรอ?” ซึ่งเหวยไม่พอใจ “คนทั้งโลกกำลัง รอดงานแต่งงานของลูกกับเขา ตอนนี้จู่ๆ ก็ถูกเขายกเลิก แล้ว ลูกจะกล้าพบปะผู้คนได้ยังไงอีก?

เธอครุ่นคิดสักพักจึงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ถ้าเขาไม่ยอม แต่งงานกับลูก ก็อย่าหาว่าลูกใจร้าย! รูปของเขาที่เปิดเผยไม่ ได้ยังอยู่ในมือของลูก! กล้าทำให้ลูกไม่พอใจ ลูกจะแฉมัน ให้ หมด!”

เหมยหลิวลี่พยักหน้าคล้ายเห็นด้วยกับความคิดของ ลูกสาว “ใช่ ถึงเวลาก็คงต้องทำแบบนี้แล้วล่ะ!

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย เสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้น “คุณ หญิง เมื่อมีแขกท่านหนึ่งส่งของมาให้ท่าน บอกว่าต้องให้ ท่านดูเองให้ได้

“ของอะไร?” เหมยหลิวสงสัย

ซึ่งเหวยอีหยิบถุงเอกสารที่ทำจากหนังวัวมาไว้ในมือ บีบ ไปที่ กล่าว “คุณแม่ เหมือนจะเป็นรูปถ่าย
“รูปถ่าย?” ช่วงนี้เหมยหลิวไม่ได้ถ่ายรูปอะไร เธอเด ใจ มือรับถุงเอกสารหนังวัวไปเปิดดูพลันเปลี่ยนสีหน้าไปทันที ซึ่งเหวย แทรกเข้ามาดู “คุณแม่ เห็นอะไรเหรอ?”

เหมยหลิวตกใจ รีบยัดของพวกนั้นลงในถุงเช่นเดิม

“เป็นอะไร? ทำไมแม้แต่ลูกยังดูไม่ได้?” ซึ่งเหวยอีถาม เหมยหลิวส่ายหัว นำของไว้ด้านหลัง เพราะรู้สึกผิดสายตาจึง เลื่อนลอยตลอดเวลา พักใหญ่ถึงเอ่ยประโยคหนึ่งออกจาก ปาก “ซิงเฉิน…คนนั้น เมื่อเรื่องที่ลูกบอกว่าจะแฉรูปพวกนั้น ของเขา แม่ว่าเราต้องคิดดีๆ อีกทีแล้วล่ะ

“คุณแม่เป็นอะไรไป? ทำไมล่ะ?” ซึ่งเหวยอียิ่งไม่เข้าใจ

เหมยหลิวลีสีหน้าแย่มาก “อย่าถามว่าทำไมเลย แม่บอก ว่าคิดดีๆ ก็คือคิดดีๆ อีกที รูปพวกนี้ลูกให้แม่นะ แม่จะเอาไป เก็บไว้

ขณะนี้ภายในสำนักงานที่พระราชวังไปยว หลังเหลิงเฟย รับสายโทรศัพท์ก็เดินเข้าไปหาท่านประธานาธิบดีที่กำลังนั่ง คุยกับเจ้าหน้าที่อยู่บนโซฟา

“ภาพแอบถ่ายของเหมยหลิวกับลูกน้องซ่งถั่วเหยาส่งถึง มือเธอแน่นอนแล้ว เมื่อครู่เหมยหลิวลี่โทรมาบอกว่ารูปภาพ ของท่านทั้งหมดเธอจะเผาเองให้หมด ไม่มีทางเผยแพร่ออกไปได้”
“เผาทิ้ง?” ไปเย่งเหลือบมองเหลิงเฟยแวบหนึ่ง เอ่ย เสียงเรียบ “รูปภาพถ่ายได้ดีไม่หยอก เอากลับมาให้ผม ผมจะ เก็บเป็นที่ระลึก”

สุดท้ายก็เพราะว่าเขาไม่เชื่อใจเหมยหลิวลี่ เก็บไว้ในมือ ตนยังดีกว่าให้เธอเผาทิ้งเสียอีก

เหลิงเฟยเข้าใจ หมุนตัวไปทำตามคำสั่งทันที

วันรุ่งขึ้น

ที่บ้านยุ่งมากเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันเกิด 50 ปี ของเงินหมิ่น เพื่อนบ้านรอบข้างต่างจะมาร่วมทานข้าวด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นหมื่นเลยต้องเริ่มเตรียมเมนูอาหาร

ตั้งแต่เช้าเซียซิงเฉินไปซื้อผักที่ตลาดตามรายการที่มารดา ให้ไว้ เซียต้าไปคอยเดินตามเธอติดๆ ระหว่างนั้นก็มองรอบ ข้างอย่างสงสัย ทั้งยังเอ่ยกับเธอว่า “หม่า พรุ่งนี้พวกเราก็ ต้องกลับไปแล้วจริงๆ เหรอ?”

“อืม ลูกต้องกลับไปเรียนหนังสือ

“แต่ว่าผมจะต้องคิดถึงต้าเหมาเออร์เหมาแน่ๆ โดยเฉพาะ คุณยาย ทำยังไงดี?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าเล็กของเซียต้า ไปก็พลันเศร้าขึ้นมา “เราให้คุณยายกลับไปพร้อมเราได้ไหม? ยังไงบ้านของเสี่ยวไปก็ใหญ่ขนาดนั้น พวกเราทุกคนอยู่ด้วย กันที่นั่นสนุกจะตาย!”
ทุกคนอยู่ด้วยกัน สนุกจริงๆ และอบอุ่นมาก เพียงแค่คิดก็ รู้สึกว่าภาพเหล่านั้นช่างงดงามจน ใจสั่น

แต่ความจริงมักไม่ใช่อย่างที่คิด

“วันหลังถ้าลูกคิดถึงคุณยาย แม่ก็จะพาลูกมาบ่อยๆ แต่ ว่าตอนนี้คุณยายของลูกไม่ยอมกลับไปกับเราเอง” เซียซิงเฉิน เอ่ยปลอบเด็กน้อย

เซียต้าไปทําปากพองลม ท่าทางผิดหวังมาก

เซี่ยซิงเฉินซื้อผักตามรายการอาหาร ตะกร้าหนักมากแล้ว เซียต้าไปทนเห็นเธอเหนื่อยไม่ไหวจึงแย่งจะขอแบ่งถือกับเธอ เซียซิงเฉินจึงยอมให้เขาเดินถือไปข้างหน้าพร้อมกัน

“ชิงเฉิน!”

ทั้งคู่เพิ่งออกจากตลาดก็เห็นคุณน้าหลี่ตะโกนเรียกเธอ ตั้งแต่ระยะหลายเมตร

“คุณน้าหลีก็มาซื้อผักเหรอคะ!” เซียซิงเฉินยิ้มทักทาย

แต่ผลปรากฏว่าคุณน้าหลี่เดินเข้ามาแล้วกลับฉุดแขนเธอ ไปทันที “หนูรีบกลับไปเถอะ! เกิดเรื่องแล้ว!”

เซี่ยซิงเฉิน ใจหายวาบ “เรื่องอะไรคะ?

“คุณแม่หนู โรคหัวใจกำเริบ! หนูรีบกลับไปดูเร็ว!

ผักในมือของเซี่ยซิงเฉินตกพื้น ไม่มีอารมณ์สนใจอีกต่อ

ไป เธอรีบอุ้มเซี่ยต้าไปแล้วเดินกลับบ้านอย่างไว ยามมาถึงหน้าประตูบ้าน รถพยาบาลของหมู่บ้านก็มาถึงแล้ว

มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยเป็นมารดาออกมาจากด้านใน เซียซิงเฉินกระวนกระวายใจ ส่งเด็กน้อยให้คุณน้าหลี่ฝากเธอ ช่วยดูแล ส่วนตนก็ก้าวตามคุณหมอเพื่อไปโรงพยาบาลหนึ่ง เดียวในหมู่บ้าน

ตลอดทั้งวันเซียซิงเฉินมัวแต่วุ่นวายอยู่ในโรงพยาบาล เงินหมิ่นยังคงไม่ได้สติ

คุณหมอบอกกับเธอว่า “คุณแม่คุณเป็นโรคนี้มานานแล้ว ต้องทำการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ถ้าไม่ทำ อนาคตก็จะสายเกินไปแล้วนะ

“ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจที่นี่ได้ด้วยเหรอคะ?

“แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว” คุณหมอส่ายหัว “พรุ่งนี้รอให้ อาการของคุณแม่คุณดีขึ้นหน่อยก็รีบย้ายโรงพยาบาลเถอะ ไป โรงพยาบาลในเมืองหลวง ที่นั่นมีอุปกรณ์การรักษาที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้น….

คุณหมอเอ่ยถึงตรงนี้ก็ส่ายหัว ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เห็นได้ ชัดว่าหมายถึงอาการไม่ดีมากเท่าไร

เซียงเฉินฟังอยู่พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหัวใจ

ทั้งบ่ายเธอนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยพลางใช้โทรศัพท์มือถือ ค้นหา โรงพยาบาลในเมืองหลวง คิดว่าที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ขณะที่โทรศัพท์เธอใกล้จะแบตหมดไปเฉิงก็โทรเข้ามาพอดี

“ทำอะไรอยู่?” เขาถามจากอีกฝั่งของสาย

เซียซิงเฉินยืนพิงกำแพง มือก่ายหน้าผาก เงียบสักพักจึง เอ่ยปาก “ตอนนี้ฉันอยู่โรงพยาบาล… “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ