สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 302 ความจริงที่น่าตกใจ (2)



ตอนที่ 302 ความจริงที่น่าตกใจ (2)

เซี่ยซิงเฉินไม่ได้สงสัยในคำพูดของมารดาเลยสักนิดเดียว

หยกนั่นเธอชอบมันมาก แถมยังช่วยคุ้มครองความ

ปลอดภัยได้ด้วยจึงไม่ปฏิเสธที่จะรับไว้ เงินหมิ่นให้ถุงเล็กๆ แก่เธอเพื่อเก็บมัน แล้วเก็บไว้ในกระเป๋า ให้เธอ

เมื่อเวลาสิบเอ็ดโมงกว่า มีสายโทรเข้าจากเขา

เซียซิงเฉินเดินออกมาจากห้องครัวแล้วยืนอยู่ที่ลานบ้าน

“ทานข้าวหรือยัง?” เขาถาม

“ยังค่ะ เที่ยงนี้แม่ฉันทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้เยอะเลย

“เสียดายที่ผมไม่มีลาภปากพอจะได้ทาน

“คุณเหรอคะ?” เซี่ยซิงเฉินปาก “ฉันเห็นเมนูอาหารระดับ นานาชาติที่ครั้งนี้พวกคุณจะได้ทานจากในเน็ตแล้ว นั่นยัง ถือว่าไม่มีลาภปากอีกเหรอ?”

น้ำเสียงไปเฉิงฟังดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เมื่อได้ยินเสียงของ เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิม หัวเราะเสียงทุ้มอยู่ฝั่งนั้นไปที จู่ๆ ก็โพล่งถาม “คิดถึงผมไหม?”

“…” คำถามที่มาอย่างกะทันหันทำให้เสียซิงเฉินนิ่งอึ้งไป ชั่วครู่ เขาไม่ถามยังดีแต่พอถามแล้วความคิดถึงในใจราวกับถูกคนใช้เชือกบีบรัดให้ออกมาทีละนิดๆ กัดกินหัวใจของเธอ

ทำให้เธอรู้สึกปวดใจแปลกๆ

เธอกัดปากยืนอยู่ตรงนั้นไม่ส่งเสียง

ไปเยฉิงที่รอไปพักหนึ่งเมื่อไม่ได้ยินคำตอบก็เริ่มไม่พอใจ อย่างชัดเจน

“ไม่คิดถึง?”

เขาถาม หากเทียบกับเมื่อครู่แล้วน้ำเสียงฟังดูเยือกเย็น มากกว่าจนไม่แม้แต่จะฉายแววขบขัน

“…คุณกลับมาเมื่อไรคะ?” เธอไม่ตอบแต่ย้อนถาม

“คุณคิดถึงผมเมื่อไร ผมก็กลับเมื่อนั้นแหละ

“…” ค่าตอบนี้!

ผู้ชายคนนี้เด็กน้อยเสียจริง เซี่ยซิงเฉินเกิดอยากแกล้งเขา “ถ้าฉันไม่คิดถึงคุณเลย คุณก็ไม่คิดจะกลับมาแล้วเหรอ?”

ไปเย่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ กระทั่งเซี่ยซิงเฉินรู้ว่าเขาเริ่มจะ โกรธ กำลังจะขยับปากพูดแต่กลับถูกเขาวางหูใส่เสียอย่างนั้น

“…” ได้ยินเสียง ตุ๊ดๆๆ แล้ว เซี่ยซิงเฉินก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้ว่าควรโกรธเขาหรือหัวเราะที่เขานิสัยเด็กแบบนี้ดี

คนคนนี้ทำไมหยอกเล่นหน่อยไม่ได้เลย? แถมยังชอบงอนอีก ใช้ชีวิตร่วมกันยากจริงๆ
เซี่ยซิงเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือ สักพักก็ทนไม่ไหวพลาง หยิบโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ข้อความส่งไปฉบับหนึ่ง

หลังไปเฉิงตัดสายทิ้งก็เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ

เมื่อออกมาอีกครั้งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่ามี ข้อความเข้าจากเธอฉบับหนึ่ง เขานึกว่าเป็นข้อความที่เธอส่ง มาเอาใจเขาหลังจากที่เธอเขินอายเกินกว่าจะพูดคำว่า “คิดถึง

ในสาย

เมื่อเขาเปิดข้อความดู จากอารมณ์ที่ดีไม่หยอก แต่พอ เห็นเนื้อหาข้อความแล้วสีหน้ากลับถมึงทิ้งลง

เนื้อหาข้อความสั้นๆ มีแค่สามพยางค์ ขี้ใจน้อย เขาโยนโทรศัพท์ไปทางหัวเตียงด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ผิดหรอก เขาขี้ใจน้อยมาตลอดแหละ

ไม่

วันรุ่งขึ้น

ขณะที่ไปเย่งกำลังทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมทำงานตาม ตาราง เหลิงเฟยก็เคาะประตูจากด้านนอก

“ท่านครับ!”

เสียงของเหลิ่งเฟยร้อนรน ไปเย่นิ่งได้ยินเสียงเดียวก็รู้ว่าต้องมีเรื่องสำคัญ
เขาเช็ดหน้าลวกๆ แล้วเปิดประตูด้วยตัวเอง

“มีอะไร?”

ในมือเหลิงเฟยมีซองเอกสารอยู่ “สืบได้แล้วครับ

“ลูกสาวของคุณหญิง?”

“ครับ” เหลิงเฟยหยักหน้า “เอกสารที่ทางภายในประเทศ เพิ่งส่งมา

ไปเฉิงยื่นมือรับมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาทั้งที่ยังสวมชุด นอนตัวยาวอยู่ เรียวขาคู่ยาวไขว้กันอย่างสบายๆ นิ้วมือ กระตุกตุ่มหน้าซองเอกสารที่ทำหน้าจากหนังวัว

เหลิงเฟยเอ่ยเรียกด้วยสีหน้าหนักใจ “ท่านครับ!

ไปเฉิงชายตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง แค่เห็นสีหน้าที่ดูไม่ดี ของเหลิงเฟยเข้าเขาก็ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ข่าวดีเหรอ?”

เหลิงเฟยไม่กล้าตอบ ทำเพียงยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นด้วย สีหน้าแปลกประหลาด

ไปเย่งเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้แล้วก็เกิดอาการคุกรุ่นใน ใจ “คุณไปยืนข้างๆ ไป อย่ามาเกะกาสายตาผม

ความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดที่เขาคิดได้ก็อาจเป็นเด็กผู้หญิง คนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว

แต่ว่า…
วินาทีแรกที่ภาพถ่ายตกลงมา ทำให้เขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เงินหมิ่น

ด้านล่างเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “แม่ที่เลี้ยงดูคุณหนู

เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไว ใช้สายตาแหลมคม ลึกล้ำและ ดุดันจ้องเหลิงเฟยแวบหนึ่งทำให้เหลิงเฟยเสียวสันหลังวาบ พลางยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

เขาดูรูปของ “ลูกพี่ลูกน้อง ของเขาทีละรูปๆ ต่อไป

ตั้งแต่เด็กจนถึงโต มีรูปที่เบลอแต่ก็มีรูปที่ชัดเจน ต่อให้ เป็นใบหน้าตอนเด็กเขาก็สามารถดูออกได้จากแวบแรกที่เห็น

เซี่ยซิงเฉิน!

สุดท้ายไปเฉิงก็ดูไม่จบ ดูได้เพียงครึ่งก็โยนเอกสารลง โต๊ะเตี้ยอย่างแรง

เสียงดังที่เกิดขึ้นทำให้ภายในห้องที่แสนสงบในยามเช้า ฟังดูน่าหวั่นใจขึ้นมาทันที

เหลิ่งเฟยหายใจติดขัด

ไปเฉิงเดือดพล่าน ลุกขึ้นยืน ทั้งตัวเต็มไปด้วยแรงโทสะ จดจ้องเหลิงเฟย “นี่ก็คือข้อมูลที่หามาให้ผมหลังจากที่ใช้เวลา นานขนาดนี้? นี่คุณปั่นหัวผมเล่นเหรอ?”

ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ
สายตาแหลมคมราวกับจะผ่าร่างกายให้แยกเป็นสองส่วน

หัวใจเฟลิ่งเฟยเต้นเหมือนกลองรัว ตนติดตามท่าน

ประธานาธิบดีมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาโพล่งคำ

หยาบคาย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คง

ใจเย็นไม่ได้เหมือนกัน

“ท่าน…”

“ไปตรวจสอบมาใหม่! ถ้าตามสืบไม่ได้ก็ไสหัวไปให้ หมด!” ความเยือกเย็นบนกายยังไม่ลดละ

“ท่านครับ นี่เป็นคลังข้อมูล…

“ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ? ผมบอกว่าให้ตรวจสอบใหม่ ไป เย่งชิงพูดตัดหน้าเหลิงเฟยไปในทันที พร้อมกับเอ่ยเสียงเน้น สามพยางค์สุดท้ายราวกับต้องการขกายคนให้แหลก เหลว

เหลิ่งเฟยไม่ปริปากพูดอีกต่อไป

ความจริงท่านประธานาธิบดีรู้ดียิ่งกว่าตัวเอง สิ่งที่คลัง ข้อมูลสืบออกมา หากไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ จะกล้ามาให้ เขาได้อย่างไร? เพราฉะนั้นคำตอบในตอนนี้ เหมือนตะปูที่ถูก ตอกลงบนแผ่นไม้ สืบอีกสักเท่าไรก็เหมือนเดิม

คำพูดเหล่านี้เหลิ่งเฟยย่อมไม่กล้าพูดไปตรงๆ เขาเพียง แต่เก็บซองเอกสารมาเงียบๆ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมจะไปแจ้งให้พวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้ใหม่ทันที

“หยุด!”

ไป๋เย่ฉิงตะโกนเสียงเย็น

เหลิงเฟยหันกลับมา แต่เห็นสีหน้าของเขายังคงถมึงทึง

เยี่ยงเมื่อครู

สายตาของเขาจรดลงในมือของเหลิงเฟย เอามา

เหลิงเฟยไม่เข้าใจ แต่ก็ส่งซองเอกสารไปให้ เขาหยิบ ไฟแช็กขึ้นมาแล้วจุดไฟเผาอย่างหมดจด

“เรื่องนี้ถ้ามีบุคคลที่สามรู้ล่ะก็…” เขาไม่ได้พูดต่อ แต่น้ำ เสียงที่เยือกเย็นนั่นคล้ายกำลังตักเตือน

เหลิงเฟย ใจหายวาบ รีบก้มหัวลง “ท่านวางใจได้

“ออกไปได้!”

“ครับ” เหลิงเฟยกล่าวตอบรับ จากนั้นก็ค่อยๆ ปิดประตู เดินออกไป แต่หัวใจยังคงเต้นรัวไม่หยุด

อย่าว่าแต่ท่านประธานาธิบดีจะตกใจมากขนาดนี้เลย

แม้แต่เขายังรู้สึกเหลือเชื่อกับผลลัพธ์นี้ คุณเซียทำไมถึงกลาย เป็นลูกพี่ลูกน้อยของท่านไปได้?

นี่มันเหมือนสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งชัดๆ! ถ้าเป็นอย่างนี้จริงแล้วคุณชายเล็กล่ะ?
ลูกพี่ลูกน้องเริงรักกันจนมีลูกนอกสมรสด้วยกัน

ยามที่คำว่า “เริงรัก กับคำว่า “ลูกนอกสมรส ผุดออกมา

ในหัวของเหล่งเฟย ทำให้เขาเองก็ตกใจไปด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ