สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 253 ความรักที่แท้จริง (3)



ตอนที่ 253 ความรักที่แท้จริง (3)

เขาเอียงตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ออกคำสั่ง “แปล!”

เซียซิงเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง มองเขาอย่างฉงนใจ แปล แปลอะไร? คนข้างๆ ไม่มีใครพูดกับเขาเลยไม่ใช่เหรอ?

ไปเย่นิ่งเชิดคางไปทางหน้าจอใหญ่ตรงหน้า บนหน้าจอ เป็นเนื้อเพลงที่นักร้องประเทศ Y กำลังขับร้องอยู่บนเวที เซีย ซิงเฉินจึงเข้าใจ รีบแปลตามตัวอักษรทันที ไปเยถึงพูดเพียง “คุณพูดว่าอะไรนะ?”

เครื่องเสียงภายในงานดีมาก เสียงของเธอก็เบาอีก ถูก เสียงดังกลบจนเหลือเพียงเสียงเล็ดลอดให้ได้ยินเล็กน้อย

เซี่ยซิงเฉินทำได้เพียงขยับเข้าใกล้หูเขาอีกนิด แล้วแปล ใหม่ตั้งแต่ต้น

ไปเย่นิ่งแอบชำเลืองมองด้านข้าง เห็นใบหน้ามุมข้างของ เธอที่กำลังตั้งอกตั้งใจและจดจ่อ สายตาของเธอยังคงทิ้งไว้ ตรงหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้า ปากแดงขยับไปมา ภายใต้ แสงไฟสลัวๆ ขับให้ใบหน้าเล็กของเธอยิ่งขาวซีด…

ใกล้ชิดเช่นนี้ จนได้กลิ่นหอมจางๆ จากกายเธอช่างคุ้นเคย
คุ้นเคยจนจู่ๆ เขาก็เริ่มเจ็บหน้าอก ความเจ็บปวดนั่น แทรกซึมเข้าไปถึงสุดขั้วหัวใจ อยากถามผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ ว่าทำไมถึงทิ้งเขา! ตนเทียบกับหยูเจ๋อหนันไม่ได้ตรงไหน? เหตุ ใดเธอถึงถอนตัวได้เด็ดขาดและไม่เสแสร้งได้ครั้งแล้วครั้งเล่า? คนที่ตกดึกกระสับกระส่าย ยากจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้มีเพียงเขา คนเดียวใช่ไหม?

คืนนั้นที่เธอพูดออกมาได้ว่าระหว่างพวกเขา “ใช่ว่าจะมี อนาคต เป็นเพราะไม่เคยสนใจกันเลยใช่ไหม?

หรือว่า…

ในความคิดของเธอ ความจริงไม่เคยมีเรื่องอนาคตของ พวกเขาทั้งสองเลย?

ขณะที่เขาคอยจินตนาการถึงภาพที่กุมมือเธอเดินเข้าไป ในพระราชวังไปยวเพื่อรับคำอวยพรจากประชาชนทั่วประเทศ และขณะที่เขาจินตนาการถึงยามที่พาเธอไปพบพ่อแม่ เธอและ หยูเจ๋อหนันกลับ…

“จบแล้ว ทั้งเพลงก็เป็นอย่างนี้ค่ะ” เธอพูดจบประโยค เสียงแผ่วเบานั่นทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงัก

พูดจบสายตาของเธอก็ค่อยๆ ถอนจากหน้าจอใหญ่มายัง เขา สายตาของเขาที่จดจ้องเธออยู่ไม่มีท่าทีจะถอนกลับเลยสัก นิด จึงสอดประสานกับสายตาของเธออย่างจัง

ดวงตาคู่นั้นฉายแววความรู้สึกสับสนที่ยากจะคาดเดาทำให้ใจของเซี่ยซิงเฉินบีบคั้น เผลอเต้นผิดจังหวะไปครู่ ตนคิดไปเองเหรอ? ที่รู้สึกว่า…..

สายตาที่เขามองตนกลับอ้างว้าง และเจ็บปวด…

“ท่านประธานาธิบดี?” เซียซิงเฉินถูกสายตาของเขามอง จนใจว้าวุ่นเล็กน้อย เธอกมือแน่นเพื่อให้ตนสงบใจลงหน่อย ถึงได้เรียกเขาด้วยท่าทางเรียบนิ่ง

เขาเหมือนจะเพิ่งได้สติ ไม่ได้พูดอะไรแล้วเบี่ยงสายตาหนี สายตามองไปยังกลางเวที แล้วกลับไปมีท่าทางเหมือนครั้ง แรกที่แสนเย็นชาและห่างเหิน

เห็นเขาเป็นเช่นนี้เซียซิงเฉินก็อดใจวูบโหวงไม่ได้

ดูท่าทาง…

เมื่อกี้ตนคงจะคิดไปเองจริงๆ สินะ!

จากนั้นไปเย่นิ่งเหมือนลืมเชี่ยซิงเฉินไปแล้วอย่างนั้น ปล่อยเธอไว้ข้างๆ ไม่ว่าใครพูดกับเขา เขาก็ไม่เรียกหาล่าม อย่างเธอ เซียซิงเฉินกระดาษและปากกาอยู่ข้างๆ รู้สึกว่า ตนมาเป็นส่วนเกินในคืนนี้ชัดๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหลิงเฟยถึงจัดให้ เธอมาด้วยกัน

หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ก็ต่อด้วยมือ อาหารอย่างที่เคยเป็น ต่อให้เซียซิงเฉินเป็นแค่สิ่งประดับก็ยัง คงต้องคอยติดตามอยู่ข้างเขา เขาในคืนนี้ดื่มไปไม่น้อย แม้แต่ เหลิงเฟยที่อยู่นอกสถานที่ยังสังเกตได้ พลางพูดกับเธอทางฟัง “คุณเซีย ท่านดื่มไปเยอะมากแล้ว เพื่อป้องกันการเสียท่า รบกวนคุณช่วยตักเตือนหน่อย

“ได้ค่ะ” เซี่ยซิงเฉินตอบรับ คอยมองไปเฉิงที่ไม่ปฏิเสธผู้

ใดที่เข้ามาเลย แล้วยกดื่มกับเจ้าหน้าที่อีกคนที่มาชวนไปอีก ครึ่งหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะเมาแน่ๆ

เซี่ยซิงเฉินแอบเป็นห่วง ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

“ท่านประธานาธิบดี

ไปเย่งเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็เป็นเธอ เชียง เฉินก้าวตามไปอีกก้าว ฉวยโอกาสที่ไม่มีคนอื่น แอบกระตุก แขนเสื้อเขาไปที ไปเยถึงชะงักแล้วก้มหน้า ก็เห็นนิ้วเรียวขาว ของเธอที่ดึงแขนเสื้อเขาไว้อยู่

หัวใจกระตุกเล็กน้อย เหมือนกลับไปยังก่อนหน้านี้

คล้ายสังเกตถึงสายตาของเขา ก็รู้สึกว่าตนเสียมารยาท ไปนิด เซี่ยซิงเฉินรีบชักมือกลับ

ครั้งนี้ทำให้สีหน้าไปเย่นิ่งเรียบตึงขึ้น ปากบางขยับถาม

“ทำอะไร?”

“ท่านดื่มไม่ได้แล้ว ถ้าดื่มอีกคงจะเมาแล้วค่ะ”

นัยน์ตาไปเฉิงล้ำลึก จ้องเธอเขม็ง “คุณเซียเป็นล่าม ไม่ใช่เลขาของผม ยังต้องสนพวกนี้ด้วยเหรอ?”

นี่เขากำลังพูดเสียดสีว่าเธอไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้สินะ!
เซียซิงเฉินพูดเพียง “เหลิงเฟยเป็นคนให้ดิฉันเตือน

ท่าน

** ไปเฉิงหายใจหนักอึ้ง แววตาที่มองเธอก็เขม่นหนัก ไปอีก แถมเย็นชากว่าเดิม คล้ายจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว แก้วเหล้าถูกเขาวางไว้บนถาดของบริกรที่เดินผ่านอย่างรุนแรง

เธอถูกจ้องมองจนเย็นวาบไปทั้งตัว ทำเพียงรีบก้มหัวลง

เพราะฉะนั้นแล้ว…เรื่องแบบนี้คงต้องให้เหลิงเฟยมาตัก เตือนเองจะดีกว่าสินะ! เพราะเธอพูด เขาถึงได้ไม่พอใจขนาดนี้

ขณะที่งานเพิ่งดำเนินมาถึงครึ่ง ไปเยถึงกลับลุกออกไป เซียซิงเฉินถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็กลับไปได้เสียที

คนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากงานตามๆ กัน ลมข้างนอก กระทบหน้าทันที เซียซิงเฉินหนาวจนตัวสั่น ใจคิดแต่อยากจะ หลบเข้าไปข้างใน ยิ่งอยู่อากาศก็ยิ่งหนาว

ไปเย่นิ่งเดินอยู่ข้างหน้าไกลพอสมควร ยังได้ยินเสียง หอบของเธอเพราะความหนาว ก็เผลอถอดสูทตัวนอกออก เซีย ซิงเฉินก้มหน้ามือเป่ามือไปพลาง เดินตามไปพลาง จู่ๆ ก็รู้สึก หนักตรงไหล่ เสื้อคลุมอันอบอุ่นตัวหนึ่งถูกโยนมาจนบังตาเธอ ไว้

เธอชะงักค้างไปชั่วครู่ ต่อให้ไม่ได้ดึงเสื้อลง ก็รู้ว่าเสื้อ มาจากใครเพราะกลิ่นนั้น
ผ่านไปสักครู่ เธอถึงดึงเสื้อลงจากศีรษะ มองดูอีกที่พวก เขาก็ไปถึงข้างรถแล้ว ไปเยฉิงโค้งตัวเข้าไปในรถยนต์

เซี่ยซิงเฉินรีบก้าวตามไป “ท่านประธานาธิบดี

เสื้อของ

ท่าน”

เสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถสีหน้าเย็นชา ตวัด สายตามองเธอแวบหนึ่ง ขึ้นรถ

“ดิฉัน…นั่งแท็กซี่เองก็พอค่ะ

“คุณไม่กลัวหนาวตายหรือไง ผมไม่อยากเห็นข่าวพรุ่งนี้ว่า ล่ามของผมตามผมออกมาแล้วหนาวตายอยู่ด้านนอกกระทรวง การต่างประเทศหรอกนะ!” น้ำเสียงของเขาดุดัน

เหลิงเฟยเห็นเธอที่หนาวจนปลายจมูกแดงเลือก ก็พูด คะยั้นคะยอ “คุณเซีย ขึ้นรถเถอะ”

หนาวจริงๆ แถมตรงนี้ก็ใช่ว่าจะเรียกรถได้ในทันที เซี่ยง เฉินจึงไม่ดื้อดึง พยักหน้าให้เหลิงเฟยแล้วไปนั่งรถคันที่เธอนั่ง มาเมื่อครู่อย่างรู้ตัว แต่เพิ่งเดินไปเพียงก้าวเดียวก็ได้ยินเสียง จากคนบางคน “คุณเซีย รู้จักคำว่าลามประจำตัวไหม?”

เซี่ยซิงเฉินไม่เข้าใจ หันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง

สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง เม้มปากแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่ อยากอธิบายอะไรมาก เหลิงเฟยย่อมรู้ดีจึงรีบเปิดประตูรถ ผายมือเป็นเชิงว่า เชิญ

“คุณเซีย คุณนั่งรถคันนี้เถอะครับ”
“แต่ว่างานเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” ก็ใช่ที่ล่ามประจำ ตัวต้องคอยติดตามอยู่ข้างๆ เสมอ แต่ตอนนี้งานเสร็จหมด แล้วไม่ใช่หรือไง?

“บางที…เผื่อว่าท่านทูตจะคุยโทรศัพท์กับท่านอีกล่ะ?” เห ลิ่งเฟยชื่นชมความสามารถในการช่วยประธานาธิบดีของตัวเอ

งมากๆ

เซียซิงเฉินจำต้องเข้าไปนั่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ