ตอนที่ 163 พบเจอ (2)
“ทำเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“เปล่าค่ะ” เซียซิงเฉินส่ายหัว พลางชี้นิ้วไปที่รถเสิร์ฟ อาหารในห้อง “ของในห้องครัวดูไม่ค่อยอร่อย ฉันเลยเรียก มา”
ไปเยถึงเลือกกินมาก แน่นอนว่าต้องไม่พอใจ เขารู้สึก ว่าการลิ้มรสตอนนี้ของตัวเองแปลกไป เมื่อก่อนที่กินมีแต่อา หารแพงๆ รสชาติเยี่ยมยอด ครัวโรงแรม King ก็อยู่ระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ตอนนี้เขากลับชอบกับข้าวทั่วๆ ไปที่เธอทำเสีย มากกว่า
“กินไปก่อนนะคะ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้กินอะไร อีก อย่างหัวหน้าเชฟโรงแรมนี้ได้ข่าวว่ามาจากครัวมิชลินเลยนะคะ ยังไงก็ทำได้ไม่แย่หรอก” เซี่ยซิงเฉินดึงแขนเสื้อชุดนอนตัวยาว ของเขาเดินไปที่ห้องอาหาร
ไปเย่นิ่งก้มหน้ามองเธอ นิ้วของเธอขาวซีด เรียวยาว กำลังดึงชุดนอนยาวสีขาวบนตัวเขาก็ยิ่งขับให้ดูขาวราวหิมะ มากขึ้น
ใจสั่นไหวเล็กน้อย เขาปล่อยให้เธอดึงไปที่ห้องอาหาร จากนั้นเธอถึงได้หันหลังไปเข็นรถเสิร์ฟอาหารเข้ามา ไปเยถึง หยิบของจากรถเสิร์ฟอาหารมาจัดวางบนโต๊ะ ถามเธอไปพลาง“คุณก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอ”
“กินไปไม่กี่คำเหมือนคุณนั่นแหละค่ะ นั่งลงเถอะ” เซียซึ่ง เฉินยื่นตะเกียบ ให้เขา
ภายในห้อง แสงไฟส่องสว่าง เขาถึงได้มองเธออย่าง ละเอียดสักที ใต้ตาเธอขึ้นขอบดำอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตัวก็ดู โทรมกว่าปกติมากนัก
เซี่ยซิงเฉินรู้ว่าเขากำลังมองตนอยู่ จึงทำเพียงก้มหน้างุด เหมือนกำลังตั้งใจกินข้าว อยู่กับเขามานานขนาดนี้ เธอยังคง ไม่ชินยามถูกเขาจ้องมองเหมือนเดิม
“ผมนึกว่าคุณจะโทรหาผม” ไปเยฉิงเอ่ยปาก เหลือบมอง มือถือที่วางอยู่ข้างๆ แวบหนึ่งก่อนจะหันมามองเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วย
ความเหนื่อยล้าจนอดรู้สึกปวดใจไม่ได้ เธอส่ายหัวไปมา “รู้ว่า
คุณยุ่งมาก ฉันเลยไม่อยากรบกวนคุณค่ะ”
ไปเย่นิ่งอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบและพูด เพียง “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป
คำพูดง่ายๆ ที่ดูเลี่ยงปัญหา แต่ว่าพอเชียซิงเฉินได้ยิน กลับรู้สึกเบาใจขึ้นมาก
เซี่ยซิงเฉินกินข้าวไปพลาง กวาดสายตาไปทั่วห้องไป พลาง “สองวันนี้คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ”
“อืม ช่วงนี้ยังไม่ค่อยอยากเจอพวกสื่อมาก แถมยังมี ตารางงานอื่นอีก จะเสียงานเพราะพวกเขาไม่ได้”
เซียซิงเฉินตอบ อ๋อ เสียงเบาพอนึกถึงค่าพูดกวนใจของ สื่อเหล่านั้น ก็ยังกังวลอยู่ดี “งานแถลงข่าวอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ เตรียมพร้อมหรือยัง
คะ”
ไปเย่นิ่งพยักหน้าและตอบเพียง “ทุกอย่างจะผ่านไปได้ ด้วยดี”
“ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม” เซียซิงเฉินถาม เธอรู้ว่า สําหรับเขาหรือสำหรับซ่งเหวยแล้วเธอมันก็แค่เศษฝุ่น ทว่าใน เวลาเช่นนี้กลับหวังให้ตนจะเป็นกำลังให้ได้
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้”
“ฉันช่วยอะไรได้เหรอคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้า จริงใจ ท่าทางอย่างนั้นทำเขาใจสั่นเป็นว่าเล่น สุดท้ายก็เอ่ยไป เพียง “กินก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน
เดิมทีไปเย่นิ่งไม่ได้สนใจอาหารโรงแรมเลยสักนิด แต่อาจ เป็นเพราะนั่งกินพร้อมกับเธอเลยกินได้เยอะกว่าปกติทั้งคู่ สุดท้ายก็จัดการอาหารจนหมด
จนถึงเวลาเที่ยงคืน ไปเฉิงวางตะเกียบในมือลง มือถือ พลันแผดเสียงขึ้น สายโทรเข้าที่ต้องรับไม่หมดไม่สิ้น
ด้านนอก เซียซิงเฉินจัดการเก็บอย่างลวกๆ เมื่อมองเวลา อีกทีก็ถึงเวลาที่เธอควรไปแล้ว
มือเคาะประตู รีโมทด้านในถูกกด ประตูห้องเปิดออก อัตโนมัติ ร่างสูงโปร่งของไปเย่นิ่งเดินมายืนอยู่หน้าบาน หน้าต่างกระจกบานใหญ่ แสงไฟสีทองสาดส่องออกมาจน ประกายตาผิดปกติ ตอนนี้เขายังคุยโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นเธอ เดินเข้ามาก็ทำเพียงหันหลังมามองแวบหนึ่ง ใช้สายตาเป็นเชิง ให้เธอเข้าไปหา
เขาไม่ได้ให้เธอไปที่อื่น เชียซิงเฉินจึงเดินเข้าไปเสียงเบา อีกคนที่สนทนากับเขาอยู่นั้นไม่ใช่คนประเทศนี้ เพราะเขากำลัง คุยภาษาต่างประเทศที่เธอฟังไม่เข้าใจ
เซี่ยซิงเฉินห่างจากเขาหลายเมตร แนบหน้ากับกระจกยาว บานใหญ่เพื่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าเงียบๆ
ช่วงนี้เขากำลังพยายามรณรงค์เรื่องรักษ์โลก เหมือนจะได้ ผลมากด้วย เมื่อก่อน ในเมืองหลวงอย่างนี้ถ้าอยากเห็น ดวงดาวมันยากมากจริงๆ แต่ช่วงนี้ดวงดาวบนท้องฟ้ากลับ เยอะขึ้นเรื่อยๆ และสว่างขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยซิงเฉินมองดาวแวบหนึ่งแล้วหันมามองเขาแวบหนึ่ง ท่าทางเขายามคุยโทรศัพท์หรือท่าทางยามทำงาน หนักแน่น มั่นคง ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกำลังปรึกษาเรื่องระดับชาติอยู่
เธอนึกถึงคำพูดเมื่อคืนที่หนูเจอหนันบอกไว้ ครั้งนี้ไม่ใช่ เรื่องง่ายๆ แค่งานหมั้นอย่างเดียวแล้ว…
ใจหม่นลงเล็กน้อย
ไปเย่นิ่งเหมือนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาของเธอ ก้มหน้า เล็กน้อยเพื่อสบสายตาเธอ เธอเบือนหน้าหนี้ย้ายสายตาไปจ้อง มองดวงดาวข้างนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ผืนฟ้าไร้ขอบเขต ช่างสวยงามนัก หากได้เห็นทิวทัศน์อัน งดงามเยี่ยงนี้ตลอดไปคงจะดีมาก
“มานี่มา”
ขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย ไม่รู้ว่าเขาวางสายไปตั้งแต่ เมื่อไรจนไปนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์นั่น ได้ยินเสียงเรียก เธอจึงหันกลับไปมอง เห็นเพียงเขาโยนมือถือไว้อีกข้างอย่างไม่ ใส่ใจ มือใหญ่ตบลงบนเตียงดังๆ
เซี่ยซิงเฉินนั่งอยู่ริมหน้าต่างไม่ยอมขยับ ทำเพียงมองเขา
“กลัวผมจะกินคุณเข้าไปขนาดนี้เลยเหรอ” ไปเย่นิ่งหรี่ตาม องเธออย่างหยอกเย้า แขนข้างหนึ่งสอดเข้าใต้ศีรษะ
เซี่ยซิงเฉินหน้าขึ้นสี แล้วเดินไปนอนคว่ำตัวอยู่บนเตียง ตามที่เขาบอก
ไปเย่นิ่งไม่ได้ทำอะไรเธอ ทำเพียงแค่จับปลายผมเธอไว้ เล่นไปมา แต่แววตาที่มองเธอกลับจริงจัง “บนอินเทอร์เน็ตมีแต่ คนสงสัยตัวตนที่แท้จริงของคุณ เห็นว่าจะตามสืบคุณกัน แต่ว่า คุณไม่ต้องกังวลไป อีกฝ่ายปล่อยรูปพวกนี้ออกมาแน่นอนว่า เจาะจงผม บางทีอาจตั้งใจปกป้องคุณด้วย เพราะงั้นไม่มีทางปล่อยข้อมูลคุณออกไปแน่ พอกลับบ้านไปก็ใช้ชีวิตเหมือนปกติ นะ นอนเยอะๆ กินเยอะๆ ขอบตาดำแบบนี้ ถ้าคราวหน้าตอน เจอคุณก็อย่าให้ผมเห็นมันอีก ”
เขาเอ่ยพร้อมไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าเธอ เลื่อนไปตรงใต้ ตาเธอ เซียซิงเฉินเอื้อมมือจับ นิ้วทั้งสองแตะกันเบาๆ จนใจเธอ สั่นกระตุก แล้วรีบเก็บมือกลับไป
เอ่ยถามเพียง “แล้วคุณรู้ไหมคะว่าใครปล่อยรูปพวกนี้ ออกมา”
นิ้วของเขายังวนเวียนอยู่บริเวณใต้ตาเธอ ปล่อยให้แพ ขนตายาวของเธอปัดผ่านนิ้วไปมา ได้ยินเธอถามจึงตอบเสียง เรียบ “หยูเจ๋อเหยา”
เซียซิงเฉินเงยหน้าขึ้นมอง จนสบตากับไปเฉิง “บางที อาจเป็นเพราะหนูเจ๋อหนันเลยไม่ได้ประกาศตัวตนของเธอออก มา นอกจากนี้ผมก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ได้แล้ว”
ทันใดนั้นเซี่ยซิงเฉินก็เข้าใจกระจ่าง เบ้ปาก “แปลว่าฉัน ยังต้องขอบคุณคุณชายรองหยูสินะ”
มิน่าล่ะเมื่อคืนเจ๋อหนันถึงได้มาหาตน สีหน้ารู้สึกผิดขนาด
นั้น เซียซิงเฉินถอนหายใจ ไม่รู้ควรระบายความโกรธที่มีต่อพ ชายเขาใส่เขาหรือเปล่า
“ตอนนี้คุณต้องรับคำด่าทอมากมายขนาดนี้ สำหรับเขา แล้วอาจเป็นสถานการณ์ที่ดีมาก ฉันตามข่าวในเน็ตอยู่ตลอด ตอนนี้เขาได้รับความนิยมจากประชาชนมาก” เซี่ยซิงเฉินแอบกังวล มองเขาด้วยสายตาล้ำลึก ชะงักไปเพียงครู่แล้วถามเสียง เบา “คุณ….กลัวบ้างไหมคะ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ