ตอนที่ 153 ตามเอาผิดเธอ (4)
“พ่อ พ่อทำผิดกับเงินหมิ่นเอง…” พอเอ่ยถึงภรรยาคนก่อน เ ยกั่วเผิงก็รู้สึกละอายใจ “แต่ว่าซิงเฉิน พ่อกับแม่ของลูกยังไงก็ กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว…
“พ่อ พ่อ โทรหาลูกคงไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องแม่หรอกนะ พ่อมีอะไรก็บอกมาเถอะ”
เซียกั่วเผิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาตรงๆ “เมื่อกี้ชิง คงโทรมาร้องไห้ บอกว่า…ทีมเต้นไล่เธอออก ซิงเฉิน ก็จริงที่ น้องของลูกเอาแต่ใจไปหน่อย แต่ว่าหลายปีมานี้เธอตั้งใจ ทำงานด้านการเต้นของเธอมากเลยนะ เพราะงั้น…ลูกจะช่วย หน่อยได้ไหม…
เซี่ยซิงเฉินเข้าใจแล้ว ความจริงแล้วจากระดับความ สามารถของเซี่ยงคง เข้าทีมเต้นได้ในทีแรกเป็นเพราะไป เฉิง พูดตรงกว่านี้ก็คืออาศัยตนกับเซียต้าไป ถ้าไม่ใช่เพราะ เด็กคนนั้น เธอจะเข้าทีมเต้นระดับประเทศที่ผู้คนใฝ่ฝันได้ อย่างไรกัน
“ขอโทษค่ะพ่อ เรื่องนี้ลูกช่วยไม่ได้ ลูกไม่ใช่หัวหน้าทีม เต้น แล้วก็ไม่ใช่เจ้าของทีมเต้น ถ้าพ่ออยากช่วยเธอ คงจะหา ผิดคนแล้วล่ะค่ะ”
“ซิงเฉิน ลูกก็รู้ว่าที่เธอถูกไล่ออกเป็นเพราะ…
“ถ้าเธอมีความสามารถจริง ต่อให้เจ้านี้ไม่เอาเธอแล้ว เจ้า อื่นก็ต้องรับเธออยู่ดี พ่อไม่ต้องกังวลแทนเธอหรอกค่ะ
เซียกั่วเผิงยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่น้ำเสียงเซี่ยซิงเฉิ นกลับแข็งกร้าวผิดปกติ เห็นชัดว่าไม่ยินยอมช่วย เซียกั่วเผิง ถอนหายใจ จากนั้นก็ไม่เอ่ยอะไรอีก สุดท้ายทำเพียงแค่บอกไป ว่า “เรื่องเป็นแบบนี้แล้วพ่อก็จะไม่พูดอะไรอีก ลูก…ถ้าไม่อะไร ก็กลับมาบ้านบ่อยๆ นะ”
เชียซิงเฉินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะวางสายก็พูดไปประโยค หนึ่ง “พ่อ อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดห้าสิบปีของแม่ ตั้งแต่ที่ลูก แยกกับแม่ตอนอายุแปดขวบ ก็ไม่เคยเจอแม่อีกครั้งนี้ลูกอยาก พาต้าไปไปพบท่านหน่อย
เซียกั่วเผิงเงียบไปพักใหญ่ แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ฝาก บอกเธอแทนพ่อที่ว่าสุขสันต์วันเกิด
เซี่ยซิงเฉินกลับไปที่กระทรวงต่างประเทศ ทำงานหัวหมุน ตลอดวัน เมื่อถึงเวลาพักกลางวันจึงไปทานข้าวกับฉือเว่ยยัง
“เธอกับคุณหมอฟูเป็นยังไงบ้าง
ฉือเว่ยยังตักข้าวพร้อมท่าทางกระอักกระอ่วน “เมื่อคืน กลับไปคุยกันรู้เรื่องแล้ว…จากนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกันแล้วล่ะ”
เซี่ยซิงเฉินไม่แย้งอะไร เรื่องความรักเธอไม่สามารถ ให้ข้อแนะนำเว่ยยังได้เลยสักนิด ฉือเว่ยยังพยายามทำให้ตัวเองสดใส แล้วถาม “เธอล่ะ กับเขาเป็นไงบ้าง? ตอนนี้สื่อเล่น ข่าวตารางงานหมั้นของพวกเขาทุกวันเลยนะ เนี่ยเธอดูสิ งาน หมั้นของพวกเขาจะจัดที่โรงแรมนี้ล่ะ สถานที่แล้ว… เธอดู ตอนนี้ก็เริ่มตกแต่ง
ถือเว่ยยังเชยคางเล็กน้อย นิ้วชี้ไปยังจอโทรทัศน์ของร้าน อาหารที่อยู่เหนือศีรษะ ตอนนี้ในโทรทัศน์กำลังฉายข่าวบันเทิง นักข่าวในข่าวกำลังถ่ายภาพโรงแรมจัดงานหมั้นของพวกเขา ตกแต่งสถานที่ได้โรแมนติกมาก พอจะดูออกว่าใช้ความคิดไป มากจริงๆ
เซี่ยซิงเฉินไม่ได้บอกเรื่องที่เขาจะไม่หมั้นออกไป และไม่รู้ ว่าเขาจะจัดการเรื่องงานหมั้นอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ดู แล้วทุกอย่างยังคงสงบดี ตอนนี้ก็ดูไม่ออกว่าเขามีท่าทีอะไรที่ จะไม่หมั้นกับซ่งเหวย อย่างน้อยสำหรับคนภายนอกแล้ว มัน ไม่มีเลยจริงๆ
เพียงแต่เธอเชื่อคำพูดของเขา เขาไม่มีทางหลอกเธอ ความเชื่อใจนั่นเหมือนติดตัวมาตั้งแต่เกิด ตอนนี้เธอไม่อยาก คิดเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขาว่าขณะนี้เป็นยังไงกันแน่ เธอเรียบเรียงไม่ถูก
เขาบอกว่าจะไม่หมั้น ข้ออ้างสุดท้ายที่เธอใช้เพื่ออยู่ให้ ห่างจากเขาก็หมดสิ้นไปแล้ว ช่างอันตราย เธอรู้ว่าตนมิอาจหัก ห้ามใจจนถลำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็จะถอนตัวไม่ได้ แต่ว่าผู้ชายคนนั้นก็เหมือนแม่เหล็ก ทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ ได้ กลัวการเข้าใกล้ แต่กลับอดเข้าใกล้ไม่ได้ทุกที
เซียซิงเฉินถอนสายตาออกจากจอ กำลังจะพูดบางอย่าง แต่กลับเห็นเงาหนึ่งที่แสนคุ้นตาแวบผ่านหน้าตัวเองไป เธอนิ่ง อึ้ง ฉือเว่ยยังจึงมองตามสายตาเธอไป
“หม ไม่ใช่ว่าฉันตาลายนะ?” คือเว่ยยังขยี้ตาไปมา เพ่ง ตามองอีกครั้ง “แม่เลี้ยงเธอจริงๆ ด้วยนี่!”
คนที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนกับหมวกทำความสะอาดใน ร้านอาหารนั่นหลี่หลิง ไม่ใช่เหรอ? พวกเศษอาหารถูกเธอเท ออกมาจากถังขยะใบใหญ่ กระเด็นจนเปื้อนไปทั้งตัว เห็นได้ชัด ว่าเธอไม่เคยทำงานทั้งหนักทั้งสกปรกเช่นนี้มาก่อน ท่าทาง งุ่มง่ามจนเศษอาหารเทออกด้านนอกหมด ผู้ดูแลร้านอาหาร เดินออกมาด่าว่าเธอไปชุดใหญ่
“เธอทำงานซุ่มซ่ามแบบนี้ ไม่ต้องมาทำตรงนี้แล้ว ตอน บ่ายก็ไปทำความสะอาดห้องน้ำซะ!” สุดท้ายผู้ดูแลก็เอ่ยสั่ง ทันที
“ทำความสะอาดห้องน้ำ?!” หลี่หลิงขึ้นเสียง ภรรยา นายกเทศมนตรีคนหนึ่งต้องไปทำความสะอาดห้องน้ำ ช่างน่า สิ้นดี! “เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ยังกล้าให้ฉันไปทำความ สะอาดห้องน้ำอีก!”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร และก็ไม่อยากรู้ แต่เบื้องบนเขา บอกมาว่าเธอต้องทำงานอยู่ที่นี่อย่างขยันขันแข็งอย่างน้อยสิบ ปี อย่าพูดมาก ฉันให้เธอทำอะไรก็ทำไป
ฉือเว่ยยังหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าตกตะลึง “ฉันไม่ได้ฟัง ผิดใช่ไหม แม่เลี้ยงเธอต้องทำความสะอาดห้องน้ำอยู่นี่ให้เรา สิบปี? คุณพ่อเธอยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงให้เธอมาทำอย่าง นี้ได้ล่ะ”
ที่แท้วิธีคืนหนี้ที่รุ่ยกังเคยบอกไว้คือวิธีนี้นี่เอง “เธอติดหนี้ ฉันก้อนหนึ่งแล้วคืนไม่ไหว เลยต้องใช้วิธีนี้หาเงินมาคืนน่ะ”
“แต่เธอก็ไม่เชื่องขนาดนี้นี่นา” คือเว่ยยังชะงักไปเพียงครู จู่ๆ ก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา “ฉันเข้าใจล่ะ ดูท่าคงจะมีคนทำ อะไรอยู่เบื้องหลังสินะ เหอะ ก็สมน้ำหน้า ทางที่ดีก็ให้ยเซีย ซึ่งคงนั่นมาทำความสะอาดห้องน้ำที่นี่ด้วยสิ ใครใช้ให้เธอ ได้ใจขนาดนั้น!”
เซี่ยซิงเฉินคิดว่าตอนนี้เซี่ยงคงอาจสงบเสงี่ยมมากกว่า เดิม ไม่กล้ามาหาเรื่องเธออีกแล้ว
เย็นนั้นขณะที่กำลังจะเลิกงาน เสียงมือถือเซียซิงเฉินก็ดัง ขึ้น บนจอขึ้นชื่อว่า “เสี่ยวไป” เธอวางงานในมือลง เดินไปรับ สายตรงมุมห้อง
“ฮัลโหล”
“เลิกงานแล้วจะกลับไปไหน” เขาถาม
“ว่าจะกลับไปที่ห้องค่ะ” เซี่ยซิงเฉินตอบกลับ ไม่ได้กลับไป สองวัน เกรงว่าฝนคงขึ้นเต็มหมดแล้ว ต้องกลับไปทำความสะอาดเสียหน่อย
“โอเค” ไป๋เย่ฉิงตอบกลับแค่นั้น เซียซิงเฉินถาม “ทำไมเห รอคะ”
“ค่ำๆ ผมค่อยไปหาคุณ” คำพูดของเขากระชับเหมือนเช่น เคย เซี่ยซิงเฉินตอบรับเสียง “อืม” เขายุ่งมาก ทั้งสองคนไม่ได้ พูดอะไรต่อทำเพียงแค่จับมือถือไว้แล้วฟังเสียงหายใจของกัน และกันเงียบๆ สุดท้ายเขาถึงเอ่ย “ผมต้องไปประชุมแล้ว
เธอเผยยิ้มมุมปาก น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่รู้ ตัว “คุณไปเถอะค่ะ ฉันก็ต้องเตรียมเลิกงานแล้ว งั้นพวกเรา ค่อยเจอกันนะคะ”
“ค่อยเจอกัน”
หลังวางสาย เชียซิงเฉินเก็บมือถือเข้ากระเป๋า มองไปยัง ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ก่อนหน้ายังรู้สึกเงียบเหงาซึมเซา แต่ ตอนนี้ราวกับกลายเป็นอีกสีสันหนึ่ง ที่แท้ทิวทัศน์จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจคนสินะ!
ตกเย็น ถือเว่ยยังไม่อยากทำกับข้าว จึงทานข้าวเย็นข้าง นอกพร้อมเซียซิงเฉิน ขณะที่กำลังเดินห้าง เธอก็ซื้อเสื้อกัน หนาวตัวหนึ่ง ให้เด็กน้อยใส่ในฤดูหนาว ในตอนนี้หลายร้าน เริ่มมีเสื้อกันหนาวขายแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ