สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 135 กลับทำเนียบประธานาธิบดีอีกครั้ง (4)



ตอนที่ 135 กลับทำเนียบประธานาธิบดีอีกครั้ง (4)

“หมอะไร ผมถามว่าตอนนี้คุณอยู่ไหน” อีกคนแทบหมดความ อดทนไปทุกที น้ำเสียงการพูดเริ่มติดจะหงุดหงิด

คิ้วบางของเซียงเฉินขมวดเป็นปม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็น ทุกข์ “บริษัทแทกซี่ของพวกคุณบริการไม่ดีเลย ฉันฟ้องร้องได้

นะ…”

คนบางคนที่อยู่อีกฝั่งหมดคำพูด จึงดัดเสียงพูด “คุณ ครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ บริการแบบนี้ล่ะพอใจ รึยัง” ประโยคก่อนหน้าอ่อนโยนแล้ว แต่ประโยคท้ายกลับดุดัน เหมือนเดิม ฟังแล้วแทบจะประสาทเสีย

เซียซิงเฉินแค่อยากรีบกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะรู้สึกมึน หัวจะตายอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดกับเขาอะไรมาก เอ่ยเพียง “ ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านพ่อ”

“รออยู่นั่น”

อีกฝ่ายตอบกลับเธอแค่นี้พลันกดตัดสาย เซียซิงเฉินมึนงง มือโอบเซี่ยต้าไปยืนพิงต้นไม้ไว้ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้ บอกที่อยู่ชัดเจน ให้อีกฝ่ายเลยนี่นา! บอกแค่ว่าอยู่ที่บ้านพ่อ อีก ฝ่ายก็ชิงตัดสายก่อน เขารู้เหรอว่าบ้านพ่อเธออยู่ที่ไหน
โง่จริงๆ เลยนะ!

เซี่ยซิงเฉินยังคงยืนรอไม่ไปไหน สวี่เหยียนก็ยืนรอเช่น เดียวกัน เซียต้าไปแหงนหน้าขึ้นเอ่ยถาม “น้าเขยเล็ก น้ายังไม่ ไปอีกเหรอครับ”

“ก็หนูบอกเองว่าดื่มเหล้าแล้วห้ามขับรถ” สวี่เหยียนมือลูบ ศีรษะเล็กของเด็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน “น้ารออีกหน่อย รอให้ สร้างแล้วค่อยไป

เอ่ยจบ สายตาก็มองแผ่นหลังเซียซิงเฉินแวบหนึ่ง แววตา ลึกซึ้ง เซี่ยซิงเฉินไม่ทันรู้สึกตัว รู้สึกแค่มึนหัว จึงหลับตารออยู่ นั่น

ตอนนี้ในบ้านตระกูลเซียยุ่งเหยิงไปหมด หญิงสูงวัยมี ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในใจ นึกไม่ถึงว่ามื้ออาหารวันครอบครัวที่ น่าจะอบอุ่นกลับลงเอยได้แย่ขนาดนี้ เซี่ยงคงนั่งหน้าตั้งอยู่ ตรงมุมหนึ่ง สภาพดูไม่จืดเอาเสียเลย ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน ไม่ คิดจะรักษาหน้าแต่อย่างใดแล้ว

เซี่ยกั่วเผิงก็ไม่ได้มีสีหน้าดีกว่ากันเท่าไร ออกจากโรง พยาบาลได้ทั้งที กลับมีแต่ความวุ่นวายโกลาหล คนก็หายไป หมดแล้ว จะมีใจกินข้าวลงได้ยังไงกัน มือโบกเป็นเชิงให้คนรับ ใช้เก็บมื้อเย็น แล้วหลี่หลิงล่ะ หลี่หลิงอีกำลังทำแผลให้ตัวเอง อยู่หน้ากระจก พอมาดูอีกที แผลนั่นก็หนักไม่เบาเลย พาดยาว หลายนิ้ว พลาสเตอร์ปิดแผลกลางหน้าผาก สะดุดตาเป็นอย่างมาก

เธอกลัวว่าจะเสียโฉม พอจัดการแผลไปสักพักอารมณ์ยัง คงพุ่งสูง แต่ก็ไม่มีใจมาคิดชำระแค้นกับเซียซิงเฉินชั่วคราว มือ รีบหยิบมือถือ โทรหาเพื่อนเก่าที่เรียนด้านการเสริมความงาม สอบถามเรื่องแผลอยู่พักใหญ่

อีกฝ่ายบอกว่าอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นได้ หลี่หลิง จึงไม่ อาจนั่งทนอีกต่อไป เธอที่รักสวยรักงามเป็นทุนเดิมจึงกดวาง สาย แล้วโยนยาทำแผลพวกนี้ทิ้ง รวบแขนเสื้อขึ้นหุนหันออกไป ทันที

เซี่ยซิงเฉินรอเงียบๆ ประมาณยี่สิบกว่านาที ในที่สุดก็มีรถ หลายคันฝ่าความมืดมาทางนี้ แสงไฟสว่างจ้าเกินจนเซี่ยซิงเฉิน หรี่ตาลงโดยทันที เมื่อรถเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เธอจึงเห็นชัด ว่านั่นไม่ใช่รถแท็กซี่ แต่เป็นรถหรูหลายคน กำลังหลบซ่อน อยู่ในความมืดอย่างกลมกลืน

สวี่เหยียนคอแข็งกว่าเธอเยอะ ตอนนี้เจ้าตัวมีสติครบถ้วน ดี แวบเดียวที่เห็นรถเหล่านั้น ก็เห็นคนบนรถได้อย่างชัดเจน เขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ใจห่อเ** ยวลงไปเล็กน้อย

เซี่ยต้าไปกระโดดไปที สีหน้าตกใจ เอยอย่างไม่เชื่อว่า “เสี่ยวไป?!”

สองพยางค์นั่นทำให้เซี่ยซิงเฉินตกใจ รอจนตาคุ้นชินกับ แสงไฟ ในที่สุดก็มองเห็นใบหน้าคมคายภายในรถได้ชัดเจนเธอเพ่งตามองอีกที สะบัดหัวไปมา ดูท่าจะเมาไม่น้อยจริงๆ ทำไมถึงเห็นเขาได้ล่ะ เขาจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!

เซี่ยซิงเฉินพึมพำเสียงเบา ยังคงรู้สึกว่าทุกอย่างตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องจริง ไปเย่งเองก็ไม่ได้ลงจากรถ ทำเพียงแค่นั่งรอ อยู่ในนั้น มองเธอผ่านบานกระจกกั้น จากนั้นก็มองสวี่เหยียนที่ อยู่ด้านหลังเธอ สีหน้าเขาเรียบตึง ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงชอบยุ่ง กับแฟนเก่าขนาดนั้นนะ

“เซี่ยซิงเฉิน หยุดเลยนะ!” ทันใดนั้น หลี่หลิงเดินออกมา ด้วยสีหน้าดุดัน เซียซึ่งคงตามมาติดๆ สองแม่ลูกมีท่าทาง เหมือนอยากคิดบัญชีกับเซี่ยซิงเฉินอย่างไรอย่างนั้น เซียต้าไป กางแขนสองข้างออกราวกับเหยี่ยวที่ปกป้องลูกเจี๊ยบ รีบขวาง อยู่หน้าเซียซิงเฉินอย่างรวดเร็ว “อย่ามาแตะต้องหมานะ!”

“เธอหลีกไปเลย!” หลี่หลิงตะโกนลั่น เซี่ยงคงกำลังจะ อุ้มเซี่ยต้าไปขึ้น

“ปล่อยเขาลง!” เสียงตวาดสั่งดังขึ้น ทั้งทุ่ม ทั้งเด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นคือน่าหวั่นเกรง ไม่ยอมผู้ใดโต้แย้ง ชายหนุ่มสีหน้า เรียบนิ่ง ก้าวเดินลงจากรถ แสงจันทร์ขับให้ใบหน้าคมคายนั่น ดูเย็นชามากขึ้น เหลิงเฟยคอยตามอยู่ด้านหลัง

ชายหนุ่มทำเพียงแค่ปรายตามองไป ส่งผลให้หลี่หลิง และเซี่ยงคงยืนนิ่งทันที เซี่ยซิงคงที่กำลังจะอุ้มเซียต้าไป มือ นิ่งค้างอยู่กลางอากาศ

“ทะ…ท่านประธานาธิบดี!” ทั้งสองเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอึกอัก ทำไมจู่ๆ เขามาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ

“เสี่ยวไป พวกเธอรังแกผมกับหม่า” พอเชียตาไปเห็น เขาเดินลงมา ก็รีบวิ่งไปหาทันที เอ่ยฟ้องด้วยท่าทางน่าสงสาร สีหน้าไปเย่นิ่งไม่เปลี่ยน มือตบเข้าที่หัวเด็กน้อยเบาๆ “ขึ้นรถ ก่อน”

“โอเค แต่ห้าม ให้พวกเธอรังแกหม่ามีอีกนะ”

ไปเย่นิ่งมองเขาด้วยสีหน้าที่ชื่อว่า “พูดมากจริงๆ เซียต้า ไปถึงได้ยอมขึ้นไปนั่งเบาะหลังรถอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เลื่อน กระจกรถลง หัวทุยเล็กนั่นจ้องมองอยู่

จนถึงตอนนี้ เซี่ยซิงเฉินถึงค่อยๆ ได้สติคืนมา ที่แท้ก็เป็น ตัวจริง…จู่ๆ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าตนอย่างน่าประหลาด ไม่ใช่ ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเพราะความมึนเมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอ เห็นเขาก็ดันนึกถึงคำพูดแสนร้ายกาจของหลี่หลิงที่ลั่นไว้ก่อน หน้านี้โดยไม่รู้ตัว

ลูกไม่มีพ่อ…

ไร้การสั่งสอน…

พริบตาเดียวราวกับถูกทิ่มแทงเข้าจุดอ่อนไหว และจุดที่ เศร้าใจที่สุด น้ำตาไหลทะลักออกจากดวงตาอีกครั้ง ไปเยถึง เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับขมวดคิ้ว เขาถอดเสื้อนอกออก แล้ว คลุมไหล่เธอไว้ “อย่าร้องไห้

น้ำเสียงแผ่วเบานั้น ทำให้เซี่ยซิงเฉินสูดจมูก พยายามกลั้นน้ำตาไว้ เขายืนอยู่ข้างเธอ ปรายที่พุ่งเข้าเมื่อครู่ด้วยความเย็นชา

เหลิ่งเฟยเอ่ย “คุณสองคนกำลังใช้กำลังเหรอครับ”

เซี่ยงคงนึกเรื่องตนถูกท่านประธานาธิบดีสั่ง สอนไว้หญิงนั้นยิ่งกว่า หวั่นเกรงรัศมีความเย็นชาที่แผ่เขา ก้าวถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวแทนคำตอบ ไปเย่นิ่งเอ่ยอะไร ทำเพียงแค่ช้อนเซียซิงเฉินขึ้น เหล้าวิ่งออก จากเธอไม่เบา แววตาดุดันกว่าเดิม สเหยียนยังจะกล้า มีสภาพแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่

แต่ว่า…

เธอก็ยังสามารถโทรผิดมาได้ ถึงจะไปนิด แต่ อย่างน้อยทำเรื่อง

“ว่าท่านเดียว หลิงที่

ไปเฉิงหันกลับมา ฟังหลี่หลิงเอ่ยต่อ ท่านรู้ไหมว่าเซีย ซิงเฉินคนไม่ได้ซื่อเหมือนภายนอกนั่นหรอกค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ