ตอนที่ 113 มีเธออยู่ถึงอุ่นใจ (3)
“ไม่มีก็ช่างเถอะ แค่ข้าวมื้อเดียว” เขาพูดอย่างสบายๆ คิ้วสวย ของเธอกลับขมวดขึ้นมา เกรงว่าคนคนนี้จะมัวยุ่งจนไม่ว่างกิน ข้าวเป็นประจํา
ก่อนหน้าที่เธออาศัยอยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ที่บ้านมี คนรับใช้มากมาย เธอเลยไม่ทันสังเกตเรื่องพวกนี้
“คุณรอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ ฉันจะไปลวกบะหมี่ให้” ขณะ ที่เซี่ยซิงเฉินกำลังพูดก็ถอดเสื้อกันหนาวลงแขวนไว้ตรงราว ข้างๆ และหยิบเสื้อคลุมของเขาไปแขวนด้วยอย่างเป็น ธรรมชาติ หันกลับมามองเขาแล้วพูด “แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ คุณ นั่งดูทีวีก่อนเถอะ”
“เคยกินแต่เดี๋ยวที่คุณทำ ยังไม่เคยลองบะหมี่เลย” เขาก็ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“ฝีมือฉันก็ไม่เลวนะคะ” เซี่ยซิงเฉินพูดแล้วก็เดินไปทาง
ห้องครัว ระหว่างต้มน้ำไปด้วยก็ค้นชุดกันเปื้อนมาสวม แล้วก็ หยิบไข่ไก่ออกจากตู้เย็นมาตอกใส่ถ้วย หยิบตะเกียบคนด้วย ท่าทางคล่องแคล้ว
ไปเย่นิ่งเปิดทีวี นั่งพิงโซฟา
ในทีวีมีแต่รายการวาไรตี้ที่ให้ความบันเทิง ช่วงนี้ กระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปมีบทบาทใหญ่ๆ อยู่ไปเย่นิ่งนั่งดูเพียงครู่ ก็เห็นว่ารายการทุกช่องนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไร แถมยัง มีความหลากหลาย ดูเหมือนการเข้าไปมีบทบาทนั่นจะมีผลอยู่ บ้าง เขากดเปลี่ยนไปที่ช่องกิจการกองทัพทหาร แต่ช่องกิจการ กองทัพทหารนี้ก็นำเสนอแต่สิ่งง่ายๆ ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ เขาดูแล้วรู้สึกไม่น่าสนใจอะไรเลย
ในห้องครัว เสียงขลุกขลักจากเครื่องครัวดังแว่วออกมา ความสนใจของเขากลับถูกอีกฝั่งดึงไปแล้ว
ประตูห้องครัวปิดอยู่ แค่มองจากหน้าต่าง ก็เห็นแผ่นหลัง ที่แสนวุ่นวายของเธอ ไปเยถึงรู้สึกว่าเสียงพวกนี้น่าสนใจกว่า ช่องพวกนั้นมาก ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แถมยังอิ่มเอมใจเล็ก น้อย…
เมื่อก่อนที่ทำเนียบประธานาธิบดี ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ พิเศษ เขาแทบจะไม่ก้าวเข้าไปในห้องครัว ต่อให้มีแค่เสียง เขา ก็รู้สึกเพียงแค่ว่ามันน่ารำคาญ ไม่เคยมีความรู้สึกอย่างเช่น ตอนนี้มาก่อน
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เธอไม่อยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดี เขา ก็รู้สึกว่าทั้งทำเนียบนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศแสนหม่นหมอง
ทุกคืนที่กลับบ้าน เขามักเผลอหยุดอยู่หน้าประตูห้องเธอ อย่างไม่ตั้งใจ แต่ว่า เขารู้ดีว่าในห้องนั้นไม่มีคนอยู่
เธอไวเสียจริงๆ ไม่ถึงสิบนาที เธอก็ยกชามบะหมี่ออกมา จากห้องครัว บนเส้นบะหมี่โปะด้วยไข่ไก่ที่ทอดจนสุกอร่าม ข้างๆ มีหัวหอมซอยวางเรียงรายอยู่
“คุณกินหัวหอมได้ใช่ไหม” จนตอนนี้เซียซิงเฉินถึงเพิ่งนึก คําถามนี้ได้
“อืม” ไปเย่นิ่งก้าวถึงโต๊ะอาหารแล้วนั่งลง เซี่ยซิงเฉินถอด ชุดกันเปื้อนออกแล้วเก็บเข้าห้องครัว
ตอนที่เธอออกมา เขาก็กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เซียซิง
เฉินที่มองอยู่พลันรู้สึกปลื้มใจ
แต่เดิมคิดว่าของง่ายๆพวกนี้ เขาจะทานไม่ถูกปาก แต่ พอดูตอนนี้แล้ว ทักษะการปรับตัวของเขาก็ไม่เลว
“ยืนอยู่ทำไม” ไปเยถึงเงยหน้ามอง สบเข้ากับสายตาของ เธอที่ทอดมองไปที่เขา พยักเพยิดไปที่เก้าอี้ด้านตรงข้าม “นั่ง ลงสี”
เซี่ยซิงเฉินนั่งอยู่ตรงข้ามเขา “รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ
เขามองเธอ ดวงตาเธอฉายแววคาดหวัง เขายกยิ้มมุม ปาก กลืนอาหารลงคอคำโตด้วยท่าทางสง่างามแล้วพูด “ถือว่าคุณไม่ได้โม้”
เธอยิ้มจนคิ้วเป็นเส้นโค้ง นัยน์ตาสะท้อนแสงระยิบระยับ ภายใต้แสงไฟ เหมือนสายน้ำที่ไหลรินอย่างเชื่องช้า เงียบสงบ และดุจดวงดาวยามค่ำคืน สว่างไสวดึงดูดสายตา
น่าหลงใหลเหลือเกิน
ไปเย่นิ่งจ้องมองเธอ แววตาลึกล้ำ จนเธอที่ถูกเขาจ้องมอง ต้องหุบยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก เขาถึงได้เก็บความขุ่นมัวในแววตาไป แล้วเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ “หากพูดตามเหตุผล ครอบครัวคุณก็ฐานะไม่เลว แต่ฝีมือทำครัวกลับดูคล่องแคล่ว มากเลยนะ”
“ฐานะครอบครัวฉันไม่ได้ดีมาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ คุณย่าที่ ถึงแม้จะเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่โต แต่สุดท้ายก็แย่ พ่อของฉัน ก็ล้มเหลวในแวดวงการเมือง แล้วก็เพิ่งหย่ากับแม่ของฉัน จน อาการแย่ไปอีกคน ที่บ้านก็ต้องมีคนที่ทำงานบ้านได้สักคน ที่ ฉันทำพวกนี้ได้ก็เพราะได้พื้นฐานมาจากตอนนั้นแหละค่ะ แต่ว่า หลังจากที่ต้าไปเกิดก็ยิ่งคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ” น้อยครั้งที่เซี่ย ซิงเฉินจะพูดถึงอดีตที่ย่ำแย่ของตัวเองกับคนอื่น ทว่าตอนที่พูด กับไปเย่งนั้นกลับเป็นธรรมชาติได้มากขนาดนี้
สายตาของไปเย่นิ่งมองไปที่ชั้นวางหนังสือตรงห้องนั่งเล่น “ในรูปนั้นคือแม่ของคุณเหรอ”
“อืม” เซี่ยซิงเฉินหันกลับไปมองเพียงพริบตา
“เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย” ผู้หญิงในรูปดูสดใส บริสุทธิ์ ท่าทางนิสัยก็ดูเป็นคนอ่อนโยน
เธอมีสีหน้าผิดหวัง “แม่แยกทางกับพ่อหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้ก็มีชีวิตใหม่แล้ว ได้ยินมาว่ามีความสุขดี เพราะงั้นก็ไม่มี อะไรน่าพูดถึงอีก”
“ได้ยินมาว่าไงเหรอ” ไปเฉิงถาม
เธอพยักหน้า พูดด้วยเสียงเรื่อยเปื่อย “หลังจากเธอ แต่งงานใหม่ พ่อของฉันก็ห้ามไม่ให้เธอมาเจอฉันอีก ขัดขวางทุกการติดต่อที่เป็นไปได้ระหว่างเรา จากนั้นพอฉันเริ่มรู้เรื่องรู้ ราว พอหาทางจะติดต่อกับเธอได้นั้น ก็ไม่กล้าติดต่ออีก ได้แต่ กลัวว่าจะไปทำลายชีวิตของเธอในตอนนี้ แต่ว่าอีกไม่นานเธอก็ จะอายุครบห้าสิบแล้ว ถ้าเป็นไปได้…ฉันก็อยากพาลูกแอบไป เยี่ยมเธอสักหน่อย”
ไปเยฉิงรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าของเธอ ท่าทางแบบนั้น ทำให้รู้สึกปวดใจ เขาอยากรั้งเธอมากอดปลอบใจดีๆ สักครั้ง แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็ได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ ไม่ได้แสดง ความเห็นใดใด
เห็นที่ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ชีวิตเธอก็ถือได้ว่าไม่ได้ดี เท่าไร…
แววตาเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย แล้วพูดคุยกับเธอไป
เรื่อยๆ อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ “คุณไม่เห็นเหมือนพ่อแม่สัก
เท่าไรเลย แล้วก็ครั้งก่อนที่เคยเจอคนนั้นชื่ออะไรนะ…
“เซี่ยชิงคง”
“อืม กับคนนั้นก็ไม่คล้าย หน้าไม่เหมือน นิสัยก็ต่างกัน มาก” ตอนพูดถึงเซี่ยซิงคง ไปเยถึงขมวดคิ้วไปที่
เซี่ยซิงเฉินนึกถึงภาพครั้งก่อนที่เขาทำให้เซี่ยซิงคงตกใจ ในทำเนียบประธานาธิบดี เธอก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ ทุก วันนี้พอมานึกถึงแล้วก็รู้สึกว่านั่นเป็นการระบายความโกรธที่ดี
มาก
“หัวเราะอะไร” ไปเย่งมองเธอ ท่าทางตอนเธอหัวเราะเป็นพลังส่งต่อมาให้เขาอย่างทำให้สีหน้าเขาดีขึ้นไม่น้อย
“มีอะไรค่ะเธอส่ายหัว แล้วก็มองไปที่ข้อมือพริบตา เดียว สีหน้าจริงจัง “รีบกินเถอะ นี่ดึกแล้ว ถ้าออก ตอนนี้ กลับถึงทำเนียบประธานาธิบดีคงจะเที่ยงคืนพอดี คงได้ นอนแค่กี่ชั่วโมง
ประโยคเดียวของเธอ ราวน้ำเย็นสาดที่หน้า ใบเขาเรียบขึ้นทันที เซียซิงเฉินก็ว่าตัวเองทำผิดตรง ไหน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เดี๋ยวเดี๋ยวร้ายแน่ไม่นอนอย่าง
เขากินช้ามาก จนเส้นอืดแล้ว เขาถึงยอมกินหมด
และเหลือ
เซี่ยซิงเฉินถ้วยไปล้างห้องครัว เมื่อเขา มีหน้าบึ้งตึงใส่ ทีเธอไม่กล้าเร่งเขาอีก ตอนถ้วยอยู่ ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก ซึ่งคงจะโทรหาให้พวกกลับ
ดึกขนาดนี้แล้ว เซี่ยซิงเฉินแอบเป็นห่วงความปลอดภัย ของเขาที่ต้องกลับทำเนียบประธานาธิบดีคนเดียว
จัดการชามจนเสร็จเรียบร้อย เช็ดมือสะอาดแล้วออกมา กำลังบางอย่าง แต่เฉิงที่ยืนอยู่ตรง หน้าเธอเอ่ยถามขึ้นมาก่อน มีผ้าขนหนูกับฟันอันใหม่ ไหม
“หานิ่งงันไป
“หาอะไร อุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันไง”
“น่ะค่ะ” เซี่ยซิงเฉินมองเขา “คุณ…ไม่ได้คิดจะค้างคืน
ที่นี่หรอก ใช่ไหม”
“ผมรู้สึกว่าคำพูดของคุณมีเหตุผลอยู่ เลยจะทำตามที่คุณ ค้างคืนที่นี่แหละ” บอก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ