ตอนที่ 108 รักมากมาตั้งนานแล้ว (5)
ตกดึก สี่ทุ่มสิบนาที รถยนต์จอดเทียบหน้าทำเนียบ ประธานาธิบดี
ไปเย่นิ่งเป็นคนที่รู้สึกตัวง่ายมาก ทันทีที่รถหยุดเขาก็ตื่น แล้ว ประตูรถถูกเปิดออก เขาปลดกระดุมสูทตรงกลางอกออก โค้งตัวลงจากรถไป พูดสั่งเหลิงเฟย ให้รีบกลับบ้าน แล้วเท้า อันหนักหน่วงเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี
ชั้นล่าง ยังคงเปิดไฟสว่างอยู่ ทั้งพ่อบ้านและเหล่าคนรับ ใช้ต่างยืนเรียงเป็นแถว เขาถอดชุดสูทออก แล้วส่งให้คนรับใช้ เงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนแล้วถาม “คุณเซียนอนแล้วเหรอ”
“เข้านอนแต่หัวค่ำแล้วค่ะ”
“วันนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง
“ถึงจะไม่ได้ลงมาข้างล่าง แต่เธอมีเพื่อนมาเยี่ยมค่ะ สีหน้าท่าทางดีขึ้นไม่น้อย น่าจะหายดีในอีกไม่นาน
ไปเฉิงตอบรับเบาๆ ราวกับเบาใจขึ้นเล็กน้อย เขาเดิน ขึ้นไปชั้นบน พอผ่านห้องของเธอ ก็แง้มประตูมองลอดเข้าไป เล็กน้อยและไม่ได้เข้าไปทันที แต่เดินกลับห้องไปอาบน้ำก่อน
เมื่อเขาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็เดินกลับไปห้องเธออีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์เมื่อวานยังทำให้เธอยากที่จะนอนหลับสนิท เดิมทีเธอไม่เคยเปิดไฟตอนนอน คราวนี้กลับต้องเปิด โคม ไฟแสงหม่นข้างกำแพง
ไปเย่งเท้าเข้าใกล้ ถึงรู้ว่าเธอคงกำลังฝันอยู่ ระหว่าง คิ้วยังคงขมวดไม่ยอมคลาย สองมือที่วางอยู่บนผ้าห่มกำแน่น เหงื่อซึมออกมาจนทำให้ผ้าห่มเปียกไปหมด พอดูดีๆ แล้วจึง เห็นว่าสองมือของเธอนั้นยังคงสั่นระริก
ชัดเจน…
เธอกำลังถูกฝันร้ายก่อกวนอยู่
“ซิงเฉิน”
“เซี่ยซิงเฉิน!”
เสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นชิดหู เซี่ยซิงเฉินเบิกตากว้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาของไปเฉิงปรากฏในสายตาตัว เอง เธอนิ่งงันไปชั่วครู่ แววตาสั่นไหวมองไปที่เขา ไม่รู้ว่าตัวเอง ยังอยู่ในฝันหรือตื่นแล้วกันแน่
“ยังฝันอยู่อีกเหรอ” เขาเอ่ยถาม ตะแคงตัวนอนอยู่บน เตียงของเธอเหมือนกับว่าเคยทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนอย่างไร อย่างนั้น เขานอนกึ่งพิงหัวเตียง แล้วยื่นแขนขวาไปที่ตัวของ เธอ
ไม่รอให้เธอได้รู้สึกตัว เรี่ยวแรงแสนเอาแต่ใจก็ดึงรั้งตัว เธอเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม กลิ่นอายอันแสนคุ้นเคย ตาม ด้วยเสียงหัวใจเต้นอย่างหนักของชายหนุ่ม เซี่ยซิงเฉินที่ตกใจจากฝันเมื่อครู่ ก็ถูกปลอบให้ลงบลงอย่างน่าอัศจรรย์ทันที
เธอไม่ดิ้นเลยแม้แต่น้อย พลางอิงอยู่บนอกของชายหนุ่ม
รู้สึกเพียงแค่นี้เป็นสิ่งที่เธอโหยหา ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่นหรือ ความโล่งใจนี้… เธอในตอนนี้ ได้ทิ้งเรื่องมากมายที่กวนใจไว้ข้างๆ
ชั่วคราว ไม่อยากไปนึกถึง
“กี่โมงแล้วคะ” เธอถาม
“ห้าทุ่มกว่า”
เซียซิงเฉินเงยหน้ามองเขา เขาเป็นพิงตรงหัวเตียงและ กำลังก้มมองเธออยู่ แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า
“เหนื่อยมากสินะคะ” แม้เชี่ยซิงเฉินจะไม่อยากขยับออก จากอ้อมอกของชายหนุ่ม แต่ว่าก็ทนไม่ได้ที่จะให้เขาลำบาก แบบนี้ เธอดิ้นขลุกขลัก ขยับตัวออกเล็กน้อยแล้วพูดกับเขาว่า รีบกลับไปนอนเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว
ไป๋เย่นิ่งถอนหายใจ ขยับตัวเล็กน้อย ไม่ได้ไปไหนแต่กลับ เลื่อนตัวนอนลง เธออึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ถูกเขากระชากตัว เข้าไปกอดจมอยู่ในอก
เธอเลยพิงหัวนอนทับอกเขาทั้งอย่างนั้น
“ไปเย่นิ่ง…” เธอเรียกเขาเสียงเบาหนึ่งที
“ นอนอย่างนี้แหละ” เขาพูด แม้แต่น้ำเสียงยังฟังออกว่า เหนื่อยแค่ไหน เซี่ยซิงเฉินกะพริบตาเล็กน้อย ไม่ได้ขยับตัวอีกมือที่อุ่นร้อนของเขา เลื่อนจากไหล่ของเธอ ไล้ลงไปที่ใบหูเธอ นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขาบีบติ่งหูนิ่มเล่นเบาๆ
เซี่ยซิงเฉินได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นเร็วมาก ตอนนี้ถึงเธอไม่ง่วงแล้ว แต่ว่าก็ไม่กล้าดิ้น ไม่กล้าคุยกับ เขา เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา
“ต่อจากนี้เวลาไปทำงาน ก็นั่งรถของคนขับรถกลับนะ และในตอนที่เธอคิดว่าเขาจะไม่พูดอีกแล้วนั้น จู่ๆ ไปเย่นิ่งก็พูด ขึ้นมา เซียซิงเฉินใจกระตุก เธอมีสิ่งที่อยากจะพูดแต่สุดท้ายก็ ไม่ได้พูดออกไป
ความจริงคือเธอยังอยู่ที่นี่ไปได้ถึงเมื่อไรกัน
“ช่วงนี้จะไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณแน่นอน คุณไม่ต้องกลัว หรอก” เขาพูด ชะงักชั่วครู่แล้วจึงพูดต่อว่า “เข้าใจไหม
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยซิงเฉินตอบรับ ครุ่นคิดไปมาแล้ว ถาม “เป็น…ฝีมือของซ่งเหวยอีเหรอคะ”
“…อืม”
เซียซิงเฉินเงียบไปสักพัก ไม่พูดอะไรอีก ไปเย่นิ่งก็ไม่พูด อะไรอีกเช่นกัน มือที่ยังอยู่ตรงติ่งหูของเธอหยุดนิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เชียซิงเฉินเบนสายตาหนีจาก โคมไฟแสงหม่นตรงกำแพงนั่น ในที่สุดเธอก็ถามคำถามที่อัด อั้นอยู่ในใจมานานออกไป “คุณกับซึ่งเหวย ได้กำหนดวัน หมั้นไว้หรือยังคะ”
เสียงของเธออู้อี้ มือที่วางอยู่บนอกของเขาเกร็งแน่น แต่ว่ารออยู่นาน กลับไม่มีเสียงตอบกลับเธอ เธอเงยหน้า มอง เห็นว่าชายหนุ่มหลับตา ท่าทางเหมือนจะหลับสนิทแล้ว
เธอถอนหายใจและเหยียดยิ้มฝัน พลางดึงผ้าห่มคลุมให้ เขา สายตาจ้องมองใบหน้าเขาอย่างเหม่อลอย แค่ได้มองแบบ นี้ หัวใจก็เต้นรัวไม่หยุด บางทีก็เจ็บแปลบ บางทีก็หวานเยิ้ม
ขณะที่เธอกำลังสับสน จู่ๆ เขาก็ขยับตัว วางคางลงบนหัว ของเธอ เธอนิ่งงันไป เผลอวางมือไว้บนไหล่ของเขา ได้ยินเพียง เสียงถอนหายใจอย่างงัวเงียของเขา “นอนเถอะ”
ผ่านไปนาน เธอยังคงตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ กล้าขยับตัว
ถ้าอย่างนั้น…คำถามที่เธอถามไปเมื่อครู่ เขาไม่ได้ยิน เพราะกำลังงัวเงีย หรือว่า…ความจริงก็ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบ อย่างนั้นเหรอ
ค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปทั้งอย่างนั้น
เพราะว่าวันก่อนนอนพักเยอะแล้ว ดังนั้นวันนี้เซียซิงเฉิน เลยตื่นค่อนข้างเช้า เธอปิดโคมไฟตรงกำแพงอย่างระมัดระวัง และเพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา เธอจึงกดรีโมทเพื่อ ปิดม่านหน้าต่าง ไม่ให้แสงข้างนอกเล็ดลอดเข้ามา
เธอมองไปที่เขาอย่างอาลัยอาวรณ์อีกสักพัก จึงลงจากเตียงแล้วไปทานอาหารเช้าข้างล่าง
เมื่อเธอทานเสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องอาหาร พอเดิน
ผ่านห้องโถงกลาง ก็เห็นพวกเหลิงเฟยมาถึงแล้ว “คุณเซีย” เหลิงเฟยทักทายเธอ พร้อมถามอย่างเป็นห่วง “ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยังครับ
“อืม ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะค่ะ
“ท่านประธานาธิบดีจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว คุณไม่ต้อง กลัวอีกแล้วนะครับ
“รบกวนพวกคุณมากเลยค่ะ” เซียซิงเฉินขอบคุณ
เหลิงเฟยเหลือบมองขึ้นไปชั้นบนแล้วถาม “ท่านตื่นหรือ ยังครับ” เมื่อสักครู่ตอนพ่อบ้านขึ้นไป เห็นว่าท่าน ประธานาธิบดีไม่ได้นอนอยู่ในห้องของตน ที่สำคัญคือไร้ร่อง รอยของการนอนหลับ ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูก็รู้ว่าเมื่อ คืนต้องไปนอนห้องคุณเซียแน่ๆ
เซี่ยซิงเฉินก็ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เพียงแค่ตอบกลับว่า “ฉันเห็นว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้พักผ่อน เลยปิดผ้าม่านในห้อง หมด อยากให้เขานอนพักอีกสักนิดนะค่ะ ให้ไปปลุกไหมคะ”
เหลิ่งเฟยมองนาฬิกาบนข้อมือ “อีกประมาณยี่สิบนาทีจะมี ประชุมทางวิดีโอที่สำคัญมาก ประชุมที่ห้องหนังสือก็แล้วกัน ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปปลุกเขาให้นะคะ
เหล่งเฟยพยักหน้า “รบกวนคุณเซียหน่อยนะครับ”
เธอเดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว ก็เห็น ว่าไปเย่นิ่งยังไม่ตื่นและหลับลึกอยู่เช่นเดิม ท่ามกลางความมืด ยังเห็นได้ว่า ใต้ตาของเขาปรากฏขอบตาดำจางๆ เชียซิงเฉิน สึกปวดใจ แต่จะให้เขาละเลยเรื่องงานไม่ได้
เธอก้มตัวลงแตะเข้าที่ไหล่เขาเบาๆ เขาเป็นคนรู้สึกตัวง่าย อยู่แล้ว แค่เธอแตะทีเดียว เขาก็ขมวดคิ้วตื่นทันที
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ