ตอนที่ 51 เขาช่างไกลเกินเอื้อม
คำพูดเขาทั้งแฝงนัยปกป้องเซียซิงเฉินทั้งเชื่อมั่นในความ สามารถของเธอเต็มร้อย ในใจเซียซิงคงเริ่มไม่เป็นสุข แต่ ทำได้เพียงฉาบรอยยิ้มไว้บนใบหน้า แล้วแสร้งโพล่งถามออก มา “พี่สวี่เหยียน พวกพี่คงไม่ได้แอบติดต่อกันอยู่หรอกนะ?”
“เปล่า” ขณะที่สวี่เหยียนพูดสองคำนี้ออกมา สายตาก็ หม่นหมองลงโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยงคงกัดฟัน ในใจพลันโกรธจนแทบระงับไม่อยู่ หรือ ว่าสวี่เหยียนยังมีเยื่อใยต่อเธออยู่
ไม่! เธอไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่
ไปเยฉิงวางสายโทรศัพท์ แล้วให้เหลิงเฟยวางสายแล้ว ตรงไปหาอี้เฉินทางโน้นเลย
“สถาบันวิทยาศาสตร์วิจัยยารักษาได้ผลเป็นยังไงบ้าง?
เฉินตอบ “ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยครับ เมื่อชั่วโมงที่ แล้วเพิ่งได้รับความคืบหน้าแบบก้าวกระโดด ผมกำลังเตรียม เอกสารเพื่อไปรายงานท่านที่สำนักงาน
“ต้องใช้เวลาเร็วที่สุดเท่าไหร่ถึงจะวิจัยผลออกมาได้
“อย่างน้อยก็ประมาณหนึ่งเดือนครับ
ไป๋เฉิงบ่นพึมพำ “เร่งมือให้เต็มที่ คนไข้รอไม่ไหวแล้ว “ครับ พวกเราจะเร่งมือให้เร็วที่สุดแน่นอนครับ”
“เซียกั่วเผิง เป็นคนไข้รายใหม่ล่าที่สุดที่เพิ่มเข้ามาใช้ ไหม?” ไปเฉิงถาม
“ครับ ช่วงนี้ยุ่งมาก ผมยังไม่ทันได้เจอเขาเลยครับ “จัดการให้ฉันที ฉันต้องการไปพบกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อตอน
นี้ทุกคนด้วยตัวเอง เดิมทีการไปเยี่ยมผู้ป่วย ให้กำลังใจพวก เขา ให้พวกเขารักษาตัวอย่างสบายใจอยู่ในกำหนดการสำคัญ ของเขาเร็วๆ นี้อยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะต้องเริ่มก่อน กําหนด
ฟู่เฉินรู้สึกกังวล “จะไปเยี่ยมตอนนี้เลย? แต่ว่าตอนนี้เชื่อ โรคยังรุนแรงมาก ผมเกรงว่าจะอันตรายเกินไป…
“พวกคุณเหล่าแพทย์พยาบาลล้วนเป็นแนวหน้า ผมใน ฐานะผู้นำของพวกคุณย่อมไม่สามารถเป็นเต่าหดหัวอยู่ใน กระดองได้ รีบไปจัดการซะ!”
ฟู่เฉินรู้จักนิสัยของเขาดี พูดแล้วไม่คืนค่ จึงไม่พูดโน้ม น้าวอะไรอีก ได้แต่รับปากแล้ววางสายไป
เซี่ยซิงเฉินรับสายโทรศัพท์ของเหลิงเฟยว่า ให้เธอไปรอที่ โรงพยาบาลเปียซือหย่วนได้เลย
เธอรีบโทรไปหาหลี่หลิง ตอนที่เธอลางานที่ฝ่ายเสร็จและตามไปถึงโรงพยาบาลเปียซื้อหยวน หลี่หลิง ก็ไปถึงแล้ว ยังมีคุณย่า เซี่ยงคง แล้วก็สวี่เหยียนทั้งหมดสามคนที่มา พร้อมกับเธอ
“ชิงเฉิน เธอหาวิธีได้จริงเหรอ?”
เธอเพิ่งลงจากรถ คุณย่าก็เข้ามาต้อนรับอย่างงๆ เงินๆ
“น่าจะได้ค่ะ” เซี่ยซิงเฉินพยักหน้า เซียซิงคงทำหน้าสงสัย “ทำไมพี่มีวิธีได้ล่ะ? คงไม่ได้ให้พวกเรามาที่นี่เสียเที่ยวนะ?”
“มาถึงนี่แล้ว ยิ่งกว่านั้นก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เพราะ งั้นเลือกไว้ใจซิงเฉินเถอะ” สวี่เหยียนเอ่ยอย่างเย็นชา แต่แฝง ความหมายเข้าข้างเซียซิงเฉินทั้งสิ้น
เซียซิงเฉินมองไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว ไม่นึกว่าเขาเองก็มอง เธออยู่
แววตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ทำให้เธอ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่เขาเอ่ยกับตัวเองที่สนาม กอล์ฟกามูสวันนั้น ตอนนี้ก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่
ดังนั้น เพียงแค่สบตาแวบเดียว เธอก็หลบสายตาไปก่อน โดยแกล้งทำเป็นไม่มีอะไร
ในตอนนี้เอง…
ก็เห็นผู้อำนวยการและบรรดาแพทย์พยาบาลโรงพยาบาล เบี้ยซื้อหย่วนรีบออกมายืนตั้งแถวกันอยู่หน้าประตู
“ท่านประธานาธิบดีจะมาถึงแล้ว!” ผู้อำนวยการตะโกนเสียงดัง
“ทุกคน สํารวจความเรียบร้อยของตัวเอง ทําตัวให้ กระฉับกระเฉง ประธานาธิบดี ให้ความสนใจเรื่องการแพร่ ระบาดในครั้งนี้มาก พวกเราก็ต้องต้อนรับการมาเขียนและ ตรวจสอบของท่านประธานาธิบดีด้วยสีหน้าท่าทางที่ดีที่สุด
“ครับ/ค่ะ!” เสียงของทุกคนตอบพร้อมกันอย่างกึกก้อง
เซี่ยซิงเฉินนึกไม่ถึงเลยว่าไปเย่นิ่งจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง เธอ รู้สึกแปลกใจไม่น้อย พอหลีหญิงได้ยินว่าประธานาธิบดีจะมา ถึงก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ชิงคง พวกเขาพูดถึงท่านประธานาธิบดีใช่ไหม? เมื่อก่อนเห็นแค่ใน โทรทัศน์ วันนี้จะได้เจอตัวจริงแล้วใช่หรือเปล่า?
“อืม หมายถึงท่านประธานาธิบดีนั่นแหละ
“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าวันนี้จะมาได้จังหวะพอดี แม้แต่ท่าน ประธานาธิบดีก็มาด้วย!” หลี่หลิงตื่นเต้นราวกับคนธรรมดา ได้เจอดารา พอสิ้นเสียง บอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งก็เดินเข้ามา ยืนเรียงแถวอยู่สองข้างทางเป็นฉากกำลังกั้นกลุ่มคนที่มุงดูให้ อยู่ห่างออกไปภายนอก
จากนั้น…
ขบวนรถค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา
หน้าหลังทั้งหมดหกคัน
เซียซิงเฉินเห็นเหล่งเฟยนำมาก่อน จากนั้นในฝูงชนที่รายล้อม ก็คือเขา
วันนี้อากาศดีอย่างหาได้ยาก ภายใต้แสงตะวัน เขายังคง เปี่ยมเสน่ห์อยู่เช่นนั้น รายล้อมด้วยผู้คนดุจดาวล้อมเดือน
“ท่านประธานาธิบดี สวัสดีตอนบ่ายครับ!”
“ข้างในอันตราย ท่านระวังตัวด้วยนะครับ!! “ท่านดูเหมือนจะผอมลง รักษาสุขภาพด้วยนะครับ!
“ทานข้าวกลางวันหรือยังครับ?”
ฝูงชนที่เป็นมิตรและใจดีข่มความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ พากัน เข้าไปห้อมล้อมตัวเขา เซียซิงเฉินและคนที่ติดตามมาถูกฝูงชน เบียดออกไปด้านนอกอย่างสุดกำลัง เธอโดนเบียดจนแทบจะ ล้มอยู่หลายหน
เธอช้อนสายตาขึ้นมองร่างของคนผู้นั้น ที่จริงแล้วทั้งสอง คนใกล้กันมาก ห่างกันเพียงไม่ถึงสิบเมตร
ทว่า…ช่างไกลกันเหลือเกิน…
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เขายืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุด เธอก็
ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก
เธอเงยหน้ามองเขา ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างอยู่ ไกลจนเกินเอื้อม…
ผู้คนเบียดเสียดกันแน่น เธอโดนเบียดจนเกือบล้ม “ระวัง!” สวี่เหยียนยื่นมือมาประคองเอวเธอไว้ มองเธออย่างเป็นห่วง “ข้อเท้าพลิกหรือเปล่า?
ฝ่ามือของเขาร้อนเหลือเกิน
เซียซิงเฉินพยายามยืนเองให้มั่นคง โดยอาศัยเขาช่วย ประคอง เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตาห่วงใยของเขาอย่าง ตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
เธอสายศีรษะเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ
เซียซิงเฉินเพิ่งยืนเองได้ รู้สึกเพียงว่ากำลังถูกคนจ้องมอง จนเย็นยะเยือกจากด้านหลัง พอหันกลับไป สายตาของเซี่ยง คงแสดงความคับแค้นใจราวกับจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ
นึกถึงคำพูดที่สวี่เหยียนพูดกับตัวเองที่สนามกอล์ฟในวัน นั้น เธอก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติเพื่อให้หลุดจากมือ ของสวี่เหยียน
“ซึ่งคง ดูเร็วเข้า! ท่านประธานาธิบดีเหมือนจะมองมาทาง พวกเรา” น้ำเสียงตื่นเต้นของหลี่หลิงดังขึ้น เธอคว้าแขน ลูกสาวไว้
สายตาของทุกคนหันไปมองท่านประธานาธิบดีอีกครั้ง เซียซิงเฉินสบตาเขาเข้าพอดี ช่างลึกลับซับซ้อน
เขาหันไปเอ่ยเสียงกับเหลิงเฟยที่อยู่ข้างๆ สองสาม ประโยค แล้วถอนสายตากลับมา ก้าวเท้าหนักๆ เดินตรงไป ข้างหน้าโดยไม่ชะลอฝีเท้าอีก
เซี่ยซิงคงยังติดใจเรื่องสวี่เหยียน เธอเดินไปขวางสบู่เหยียนไว้แล้วเอยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตอนนี้ประธานาธิบดีมา ถึงแล้ว อย่าว่าแต่โซนผู้ป่วยแยกเลย แต่จะเข้าไปในโรง พยาบาลพวกเราก็ยังทำไม่ได้ พี่ ถ้าช่วยไม่ได้ก็พูดมาตรงๆ เถอะ อย่าให้พวกเรามาเสียเวลาอยู่ที่นี่ คุณย่าสุขภาพไม่ค่อย แข็งแรง ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น พี่จะรับผิดชอบไหวไหม?”
พอคำพูดของเซี่ยงคงหลุดออกมา หลี่หลิงก็รู้สึกเหมือน ว่าคำพูดของลูกสาวมีเหตุผล จึงเอ่ยต่อว่า “นั่นสิ ตอนแรกฉัน ยังฝากความหวังไว้กับเธอ ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วก็โง่จริงๆ ควรจะ นึกออกตั้งแต่แรกแล้วว่าแม้แต่สวี่เหยียนยังจนปัญญา แล้วเธอ จะมีวิธีได้ยังไง?”
ทว่า…
หลี่หลิงที่เพิ่งจะพูดจบ ทันใดนั้นฝูงชนก็ถูกบอดี้การ์ดชุด ด่ากันออกไป
ต่อมา ฟู่เฉินก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาตามเส้นทางที่แหวกออก เขาเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าเซียซิงเฉินท่ามกลางสายตา ผู้คน
“คุณเซีย” เขาทักทายอย่างน้อบน้อม
ทุกคนพร้อมใจกันส่งสายตา ใครรู้บนอิจฉามาที่เซี่ยง
เฉิน
แม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าฟู่เฉินเป็นใครกันแน่ ทว่าบอดี้การ์ด ของประธานาธิบดีจำนวนมากขนาดนี้มาคอยเปิดทางให้เขา คิดว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
แล้วหญิงสาวแรกรุ่นคนนี้ล่ะ?
แม้แต่บุคคลผู้นี้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอยังต้องนอบน้อม เธอยิ่ง ต้องเป็นคนไม่ธรรมดา ในหมู่คนไม่ธรรมดาแน่ๆ!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ