สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 16 ว่าที่ภรรยาประธานาธิบดี



ตอนที่ 16 ว่าที่ภรรยาประธานาธิบดี

สํานักงานประธานาธิบดี

แสงแรกแห่งตะวันทะลุผ่านทิวเมฆ สีทองสว่างไสวปกคลุม ทั่วผืนดิน หญ้าเขียวที่ตัดเรียบเสมอกันบนพื้นยังคงประดับด้วย หยาดน้ำค้าง ทุกอย่างดูสดชื่นมีชีวิตชีวา

นาฬิกาแขวน ใจกลางจตุรัสไปยส่งเสียงดัง เหง่งหง่าง ดู

เคร่งขรึมและโอ่อ่า

หน้าประตูใหญ่สีทองอันน่าเกรงขาม ทหารกองเกียรติยศ เดินผ่านอย่างเป็นระเบียบด้วยพลังฮึกเหิม หันหน้าต้อนรับแสง ตะวัน ธงชาติสีแดงสดค่อยๆ ขึ้นสู่ยอดเสา

เขายืนอยู่ที่พระราชวังไปยว รับรู้ถึงการฟื้นขึ้นของสรรพ สิ่งยามเช้าตรู่เคียงข้างประชาชนของเขา ทุกอย่างดูเป็น ระเบียบเรียบร้อย

นอกพระราชวัง ประชาชนที่แหงนมองธงชาติก็มองเห็น ร่างของเขาได้จากไกลๆ ผู้คนทะลักเข้ามาทางพระราชวังอย่าง ตื่นเต้นราวกับกระแสน้ำทะเลด้วยความปรารถนาจะชื่นชม ความสง่างามของประธานาธิบดีอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น เหล่าทหาร ยามคอยกันพวกเขาไว้จากที่ไกลๆ

แม้ประธานาธิบดีไปจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน อีก ทั้งเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่ง แต่ก็เป็นคนที่ได้ใจประชาชนมากที่สุดคนหนึ่งเป็นประวัติการณ์เช่นกัน การ กล่าวคําสุนทรพจน์ในตอนแรกสร้างความฮึกเหิมและซึมลึกใน หัวใจประชาชน ในที่สุดคนเกือบทุกตรอกซอกซอยก็พากันลง คะแนนให้เขาเอาชนะทั้งสองคนคือนายซ่งและนายหยูที่ได้ ตำแหน่งรองประธานาธิบดีไปได้อย่างสบาย

ไปเยฉิงยืนอยู่บนที่สูง โบกมือทักทายพวกเขามาแต่ไกล

เสียงทักทายและเสียงสนับสนุนจากประชาชนต่อเนื่องกัน เป็นระลอก ทุกคนตื่นเต้น ทว่าเขายังคงสงบนิ่งท่ามกลางการ เคลื่อนไหว ตอบพวกเขาด้วยท่าทีสง่างามที่สุด ตอบประชาชน ของเขา

เขาได้รับความสุขจากการมีอำนาจสูงสุดเหนือใคร ใน ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับภาระและ…อันตรายที่มาจากอำนาจ นั้นด้วย

ในเวลานี้ เหลิงเฟยรีบเร่งเข้ามา กระซิบข้างหูเขาเสียงต่ำ “ท่านครับ รองประธานาธิบดีส่งมาถึงแล้ว

ไป๋เย่นิ่งส่งเสียง อืม อย่างเรียบเฉย “ให้เขามาที่ห้อง ประชุมของผม”

“เรื่องต่อเติมโรงงานกองทัพ เขาน่าจะรู้เรื่องแล้ว เห

ลิ่งเฟยเสียงเบา เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่แปลกใจ “สถานการณ์เช่นนี้ปิดบังเขาไม่ได้หรอก”
“เรื่องอาวุธลับนั่น…

“ใครกล้าปากโป้งแม้แต่นิดเดียว ตายสถานเดียว” สาม คำสุดท้าย เย็นชาไร้ความปราณี ใบหน้าเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง เหลิ่งเฟยย่อมรู้แก่ใจดี ไม่กล้าเอ่ยถามอีกแม้แต่คำเดียว

ตอนที่ไปแย่งเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งถั่วเหยากำลังรออยู่ เมื่อเทียบกับความอ่อนวัยของไปเฉิง ซึ่งถั่วเหยาก็เข้าสู่วัย กลางคนแล้ว เขาถือไม้เท้ารออยู่ที่นั่น จนกระทั่งไปเฉิงเดินเข้า ประตูมา สั่งให้คนอื่นถอยไปแล้วเขาจึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้น

“ท่านครับ”

แม้มีท่าทางนอบน้อม แต่ส่วนลึกในใจไม่ยอมรับถึงเพียง ไหน ไปเย่นิ่งรู้อยู่แก่ใจ

“รองประธานาธิบดีมีธุระสำคัญตั้งแต่เช้า?” ไปเยฉงนั่งลง

บนที่นั่งประมุข รอยยิ้มอ่อนเกรงใจประดับบนใบหน้า

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก แต่เป็นเรื่องดีแน่” ซึ่งถั่วเหยาหัว เราะเหอะๆ ไหม?” “เหวยอีของครอบครัวผมไม่ทราบว่าท่านยังจำได้

“เหวยอี?”

“ครับ เธอเพิ่งกลับประเทศได้สองสามวัน พอกลับมาก็พูด กับผมว่า ชื่นชมท่านมานานแล้ว โวยวายว่าอยากพบท่านให้ ได้ ท่านช่วยดูว่าจะหาเวลาปลีกตัวจากงานมาเจอเธอได้เมื่อ ไหร่ ก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มความใฝ่ฝันเล็กๆ ของเด็กสาวแล้วกันครับ”

ไปเฉิงเองก็ยิ้มรับ “หายากที่เธอตั้งใจเช่นนี้ แถมยังจำ ผมได้ ถึงจะยุ่งก็ต้องไปเจอกัน อีกสองสามวัน ผมจะเลี้ยง รับรองเธอด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมา คุณเห็นว่าอย่างไร?”

“งั้นผมจะบอกกับเธอว่าท่านตอบตกลงพบเธอแล้ว เธอรู้ เข้าต้องดีใจมากแน่นอน

ไปเย่งพยักหน้าอย่างเรียบเฉย ถือโอกาสหยิบกล่องสี เงินออกจากลิ้นชักส่งให้ซุงถั่วเหยา “นี่เป็นของขวัญสำหรับคุณ ซ่ง รองประธานาธิบดีที่กรุณาช่วยผม รบกวนนํากลับไปด้วย

ซึ่งถั่วเหยายิ่งระบายยิ้มเต็มใบหน้า พูดไม่ขาดปาก “ท่าน ช่างเมตตา! ท่านช่างเมตตา

เมื่อส่งซ่งถั่วเหยาไปแล้ว ไปเย่นิ่งก็หุบยิ้มลง

เหลิงเฟยเอ่ย “จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ ไม่เปิดปากถามเรื่องทหาร

กลับมาพูดกับท่านเรื่องคุณซ่ง”

“เขากําลังคิดจะดองกับผม”

เหลิงเฟยอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับทำท่าอึกอัก ไป เย่ฉิงปรายตามองเขา “พูดมาตรงๆ”

“ตระกูลไปและซ่งรวมเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ดูเหมือนไม่เกิด ประโยชน์อะไรสำหรับพวกเรา แต่ว่า…เกรงว่าหากท่านปฏิเสธ ข้อเสนอการแต่งงานเพื่อดองกันของรองประธานาธิบดีซ่ง เขาจะหันไปขอดองกับรองประธานาธิบดีหยูแทน ถ้าเป็นเช่นนี้ ย วีซ่งรวมกันเป็นหนึ่งจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดต่อพวกเรา แน่นอน”

จุดนี้ก็เป็นสิ่งไปเยถึงกังวลอยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงเตรียม ของขวัญมอบให้เหวย ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

บ่ายวันเสาร์

เซี่ยซิงเฉินช่วยต้าไปสวมชุดขี่ม้า ส่งแส้ม้าให้เขา ทั้งชุดนี้ ไปเย่นิ่งสั่งตัดให้เขาด้วยตัวเอง สวมลงบนร่างเขาแล้วดูองอาจ ผึ่งผายยิ่งนัก

“ให้ลุงคนขับรถพาลูกไปสนามม้า อย่านานนักล่ะ” เซีย ซิงเฉินกำชับพลางหิ้วกระติกน้ำของเขาแล้วลงมาส่งด้านล่าง

เธอไปเป็นเพื่อนไม่ได้ วันจันทร์มีการตรวจสอบอย่างเป็น ทางการ เกี่ยวกับปัญหางานของเธอโดยตรง เธอเลยไม่กล้าทำ แบบลวกๆ

“รู้แล้ว แม่ยุ่งเรื่องของแม่เถอะ ผมดูแลตัวเองได้” เซียต้า ไปโบกไม้โบกมือ ตามลุงคนขับรถขึ้นไปบนรถ ยังไม่ลืมหัน กลับมาส่งจูบให้เธอ

ตอนนี้เอง พ่อบ้านรับสายแล้วรีบเดินตรงมาที่เธอ

“คุณเซีย ทำเนียบประธานาธิบดีต้องต้อนรับแขกคน สำคัญมากท่านหนึ่งโดยด่วน ดังนั้น…ถ้าคุณสะดวก กรุณาขึ้นไปข้างบนตอนนี้ ถ้ามีเรื่องสำคัญก็กดกริ่งในห้องได้ สั่งพวกเรา ไว้ก็พอ” พ่อบ้านปฏิบัติอย่างเด็ดขาด ท่าทางเอาจริงเอาจัง

เซียซิงเฉินรู้สึกประหลาดใจ “เมื่อก่อนท่านประธานาธิบดี ไม่เคยต้อนรับแขกคนไหนที่นี่เลย ครั้งนี้คือ…

คนที่ต้อนรับครั้งนี้คือลูกหัวแก้วหัวแหวนของรอง ประธานาธิบดี มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นว่าที่ภรรยาท่าน ประธานาธิบดีของเรา ดังนั้น ต้องขออภัยคุณเซียด้วย

ว่าที่ภรรยาประธานาธิบดี…

“อย่างนี้นี่เอง” เซี่ยซิงเฉินกระซิบเสียงแผ่ว จากนั้นก็ยิ้ม เล็กน้อย “งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ คุณวางใจได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันจะไม่ลงมารบกวนเด็ดขาด

เซี่ยซิงเฉินหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่เอ่ยอะไรอีก เปิด

หนังสือตั้งใจอ่านของตัวเอง

แต่ว่า หลังจากนั้นใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย สงสัยเหลือเกินว่าผู้หญิงที่เขาชอบจะหน้าตาเป็นอย่างไร

อืม ต้องเป็นเพราะต่อไปอีกฝ่ายจะมาเป็นแม่เลี้ยงของต้า ไปแน่ๆ เธอถึงได้สงสัยขนาดนี้

แต่ว่า พอคิดว่าต่อไปต้าไปต้องเรียกคนอื่นว่าแม่ เธอก็จิต ตกขั้นสุดอย่างช่วยไม่ได้

ขณะนั่นเอง แค่ได้ยินเสียงรถยนต์ดังลั่นมาจากชั้นล่าง เธอวางหนังสือในมือแทบจะทันที ชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง

ขบวนรถยาวเหยียดเช่นเดิม เซียซิงเฉินมองแวบเดียวก็ ได้ทันที รถคันที่ไปเย่งใช้คือคนที่สาม

ขบวนรถจอดอยู่บนทางในสวน บอดี้การ์ดที่ผ่านการ ฝึกฝนเป็นประจำองรถนำมาก่อน ประตูรถถูกเปิดโดยผู้ติดตาม เขาออกจากรถก่อน

ตามติดด้วย…

เงาร่างงดงามสะท้อนเข้าสู่สายตาเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ