สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 62 คนโง่เท่านั้นถึงจะชอบเขา



ตอนที่ 62 คนโง่เท่านั้นถึงจะชอบเขา

ขณะกำลังหลับตานอนพักหัววางอยู่บนหมอน จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดัง ขึ้นทําลายความเงียบภายในห้อง เธอลืมตาและหยิบมือถือขึ้นมา

เธอนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็น

ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็น…

สวี่เหยียน

เมื่อคิดแล้วคิดอีก เธอก็กดรับโทรศัพท์

“นึกว่าคุณยังไม่เปิดเครื่องซะอีก” สวี่เหยียนส่งเสียงมา จากอีกด้านหนึ่ง

“เพิ่งชาร์จแบตค่ะ”

“คุณ…” สวี่เหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็เอ่ยปาก ถาม “ตอนนี้คุณอยู่ที่ทำเนียบ?”

“…ยิ้ม”

“” สวีเหยียนเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นจึงถามต่อ “พวก คุณสองคน…คบกันอยู่?”

ขณะที่เซี่ยชิงเฉินกำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์จากสวี่เหยียน ในตอนนั้นเธอไม่ทันสังเกตเห็นว่าประตูได้ถูกเปิดออกจากข้างนอก

ไปเยฉิงเดินเข้ามา

คำพูดที่เธอตอบกลับก็เข้าหูพอดี

“พวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดค่ะ” เธอยิ้มเจื่อน “ฉันคง ไม่โง่พอที่จะไปคบกับประธานาธิบดีหรอกค่ะ

ไป๋เย่นิ่งนั่งลงบนโซฟาสไตล์ยุโรปที่อยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ขาที่เรียวยาวไขว้เข้าหากัน ดวงตาทั้งสองจ้องมองเธออย่าง เย็นชา

“คุณชอบเขาเหรอ?” สวี่เหยียนถามต่อ

เซี่ยซิงเฉินตกตะลึง

เธอไม่ตอบ

ขนตาของเธอลง เธอเหม่อลอยมองมือที่มีเข็มเจาะอยู่

ครูต่อมา เธอแสร้งยิ้มและตอบสเหยียนไปว่า “ถ้าฉัน ชอบเขาจริงๆ งั้นฉันก็คงเป็นคนโง่ที่โง่มากๆ แล้วสิคะ?”

“คุณเซีย ถึงคุณจะป่วยไม่เบาเท่าไร แต่คุณกลับออดอ้อน ฉอเลาะกับว่าที่น้องเขยของคุณได้อย่างสนุกสนานมาก

จู่ๆ เขาก็เอ่ยปาก เสียงเย็นเยียบแฝงการประชดประชัน ราวกับวิญญาณท่ามกลางความมืด

เซี่ยซิงเฉินตกใจจนทำมือถือที่อยู่ในมือตกลงไปใต้เตียง
เธอหันขวับพลางจ้องไปที่เขา คนที่มีสีหน้าเย็นยะเยือก และไม่รู้ว่ามายืนตรงข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไร “คุณ…คุณเข้ามา เมื่อไรคะ?”

“กลัวอะไร?” ไปเย่นิ่งเก็บมือถือที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ดวงตา ที่เย็นชามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าหล่อเหลาดูแข็ง กระด้างและเย็นชาราวกับปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

“ฉันกลัวอะไรตรงไหน?” เซี่ยซิงเฉินโล่งอกที่ไม่ได้พูดจา เหลวไหลอะไรไปขณะคุยโทรศัพท์กับสเหยียนเมื่อครู่ ไม่เช่น

เธอกัดริมฝีปาก “นี่มันห้องของฉัน คุณไม่เคาะประตูเวลา เข้ามาเหรอคะ?”

“ตลกมาก นี่ทำเนียบของผมเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไร?

เซี่ยซิงเฉินเถียงไม่ชนะ “ช่างมันเถอะ ฉันจะไม่ทะเลาะกับ คุณ ตอนนี้ฉันไม่มีแรงเลย คุณคืนโทรศัพท์มาด้วยค่ะ ฉันยัง ต้องใช้โทรศัพท์ต่อ

เมื่อครู่ก็วางสายโทรศัพท์ของสวี่เหยียนไปทั้งที่ยังพูด ไม่ทันจบ แต่อย่างไรเธอก็ยังต้องโทรศัพท์หาเว่ยยัง

“ทำไม ยังอยากจะไปเกาะแกะกับน้องเขยของคุณอีก เซียซิงเฉิน นี่มันเรียกว่าสำส่อน!” เขาออกเสียงเน้นคำว่า สำส่อน อย่างชัดเจน สายตาก็ดูขึงขังจริงจังมาก

การได้ยินเธอคุยโทรศัพท์เมื่อครู่ ในอกก็เหมือนมีไฟสุมอยู่ เมื่อได้ยินว่าเธอยังต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับสบู่เหยียน และวัน นี้ทั้งวันเธอก็ไม่ได้ไปไหนแต่กลับเลือกไปหาสวีเหยียน พอเขา คิดแบบนี้ คำพูดที่ออกมาจากปากก็เลยดูแรงไปมาก

เซี่ยซิงเฉินฉุนจัดจนกระโดดลงมาจากเตียง

“ฉันจะสําส่อนกับใครมันก็เรื่องของฉัน!” เธอกัดฟัน “ถ้า รักแท้มันคือการสําส่อน แล้วคุณจะทำอะไรได้คะ? เอามือถือฉัน คืนมา!”

เธอพูดพลางดึงเข็มที่มือออกและกระโดดไปแย่งมือถือ

คำว่า ‘รักแท้” ที่เธอพูดออกมา ทำให้ไฟโทสะที่อัดแน่นอยู่ ในใจของไปเฉิงทวีความรุนแรงขึ้น โดยไม่รู้สาเหตุ

เขาโยนมือถือไปที่เตียง เธอหันตัวไปคว้ามือถือ ร่างที่สูง

ใหญ่ของเขาก็โถมตัวเข้าหาเธอจากด้านหลัง

เซี่ยซิงเฉินถูกกดทับอยู่บนเตียง เขาตัวสูงและหนักมาก ทําให้เธอหายใจไม่ออก

“ไปเย่นิ่ง คุณทำอะไร?” เธอหายใจอย่างยากลำบาก พลางบิดลำตัวดิ้นขัดขืน การใกล้กันขนาดนี้ทำให้เธอรู้สึกกลัว

แผ่นอกที่แข็งแรงของไปเย่นิ่งกดทับไปบนหลังที่นุ่มและ ละเอียดอ่อนของเธอ

เธอสูดลมหายใจลึก ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนด้วย ความหวาดกลัว ผู้ชายคนนี้บ้าที่สุด

เดิมทีเซียซิงเฉินก็ป่วยหนักอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมึนๆ เบลอๆหนักเข้าไปใหญ่ เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของผู้ชายที่กดทับ ร่างของตัวเธอค่อยๆ ติดขัด

ขืนปล่อยให้ทับแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ อันตรายเกินไป

ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น!

เธอหน้าแดงก่ำพลางกัดฟันพูดออกไปว่า “ออกไปเดี๋ยวนี้ นะไปเย่ฉิง!”

เยี่ยม!

ไปเฉิงสบถเสียงขึ้น มือข้างหนึ่งที่ไปที่สะโพกที่ผายงอน ของเธอเต็มแรง พลางกัดฟันพูดออกไปว่า “เซียซิงเฉิน ถ้าคุณ ยังไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ผมจะจัดการคุณเดี๋ยวนี้ เชื่อไหม?”

เสียงแหบพร่าของเขาชวนให้รู้สึกสั่นสะท้าน เสียงของเซียซิงเฉินเองก็สั่นเครือ “ที่คุณทำมันคือการ ปลุกปล้ำนะ!”

“ผมจะปล้ำ! คุณลองดูสิ!”

“…” คนพาล! คนเลว! คนบ้า!

เซี่ยซิงเฉินได้แต่ก่นด่าด้วยความน้อยใจอยู่ในใจ มือ น้อยๆ ดึงรั้งผ้าปูที่นอนเอาไว้ ฝ่ามือที่ร้อนชื้นเปียกโชกไปหมด

ฮือๆ” นี่ตัวเองไปเป็นลูกไก่ในกำมือของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ เมื่อไรกัน?

อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับตัวเธอสักหน่อย ทำไมเธอถึงปล่อยให้เขารังแกอยู่อย่างนี้?

“ยังจะไปเกาะแกะกับสวี่เหยียนอีกไหม?” ไปเยถึงเค้น

ถึงจะบอกว่าเป็นการถาม แต่จริงๆ มันคือการข่มขู่

มากกว่า!

เชียซิงเฉินกัดริมฝีปาก เธอถูกรังแกจนเจียนตาย จิตใจ รู้สึกฉุน จะไปยอมแพ้ง่ายๆ ได้เหรอ?

“นี่มันเรื่องของฉัน…ฉันจะไปเกาะแกะอีก มันก็ไม่ใช่ กงการอะไรของคุณ…

เขาชักจะยุ่งมากไปแล้ว!

ไปเยถึงประคองเอวของเธอ น้ำเสียงแฝงการข่มขู่ “ผมไม่ พอใจค่าตอบของคุณมากๆ!!

“เดี๋ยว…เดี๋ยวค่ะ…” เซี่ยซิงเฉินรู้สึกสับสนไปหมด เธอ ตวัดมือไปข้างหลังเพื่อผลักตัวเขาออกไป

มืออีกข้างของเขายึดตรึงมือของเธอเอาไว้บนศีรษะ

ขณะเขากำลังก้มลง เธอก็เอียง ใบหน้ามาพอดี สายตา ของทั้งคู่พลันประสานกัน นัยน์ตาเยิ้มดูราวกับกำลังเก็บง่า เรื่องราวบางอย่างเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ดูคล้ายกับกำลังเก็บ ซ่อนบางสิ่งที่สามารถปะทุออกมาได้ตลอดเวลา…

เซี่ยซิงเฉินเลียริมฝีปากล่างที่แห้งผาก
สีดวงตาของเขาพลันเข้มขึ้น กลิ่นอายอันตรายโชยกรุ่น ยิ่งชวนเย้ายวนอารมณ์

“เดี๋ยวอะไร?” เขาเอ่ยปากพลางหอบถี่ ระหว่างที่พูดริม ฝีปากก็เฉียดผ่านไปหูของเธอไปอย่างไม่เชิงตั้งใจ

ก่อนหน้านี้ใบหูที่ขาวสะอาดของเธอถูกเอกสารที่เขาโยน บาดจนเป็นแผล ตอนนี้กลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว ขณะที่ริมฝีปาก ที่ซุ่มร้อนของเขาเฉียดผ่านไป เธอรู้สึกทั้งเจ็บและชาจนเธอต้อง ขดล่าตัวหลบ

เธอลองหลับตาพลางพยายามปรับการหายใจของตัวเอง ครูต่อมา เธอก็ลืมตาขึ้นและมองจ้องไปที่เขา “ที่คุณมายัง วุ่นวายเรื่องฉันมากขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะหึงฉันกับสบู่เหยียน ใช่ไหม?”

ไปเย่นิ่งนิ่งอึ้ง แวบต่อมาสีดวงตาที่จ้องมองเธอก็อ่อนบ้าง เข้มบ้าง นัยน์ตาทั้งสองซุกซ่อนบางอย่างไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่า เธอจะพยายามมองอย่างไรก็ไม่สามารถล่วงรู้ความคิดของเขา ได้เลย

ผู้ชายคนนี้เป็นคนเข้าใจยาก เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ถ้าเธอ ล่วงรู้ความคิดเขาได้ด้วยความสามารถของเธอเอง มันก็คง เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดแล้ว!

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุมเชิงกันอยู่ ขณะนั้นเอง….

จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกจากข้างนอก
“คุณเซีย อาหารของคุณ…อ๊ะ ขอโทษค่ะ….ขอโทษค่ะท่าน ประธานาธิบดี ฉันไม่ทราบว่าท่านอยู่ด้วย ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ