ตอนที่ 56 ได้อยู่ข้างเธอก็ดีเกินพอ
ตัวยิ่งร้อนมาก ในใจเธอก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้นมา
เธอนั่งพิงพนักเบาะหลังอย่างอ่อนเพลีย ในหัวสมองคิดวน เวียนอยู่แต่ภาพของเขากับลูกเพียงสองคน…
เธอกลัวมาก
กลัวว่าหากป่วยจริงๆ แยกกันแล้วก็จะไม่ได้พบกับพวก เขาอีกนาน แล้วก็กลัว…กลัวพวกเขาจะติดเชื้อจากเธอ…
“คุณครับ ถึงแล้วครับ” เสียงของคนขับรถดังขึ้นจากด้าน หน้า เธอจึงได้พยายามดึงสติกลับมา จ่ายเงินค่ารถแล้วขาทั้ง สองข้างที่อ่อนแรงก็ฝืนก้าวลงมาจากรถ
โรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่ตรงหน้า
การเข้าคิวลงทะเบียนกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เธอไม่มีเรี่ยวแรง เช่นตอนนี้
“ซิงเฉิน?”
ขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะประคองตัวต่อไปไม่ไหว ทันใดนั้นเสียงคุ้นหูที่แฝงความห่วงใยก็ดังขึ้น
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองหูแว่วไป
สวี่เหยียนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาจากระยะ 10 กว่าเมตร สายตาเธอเริ่มพร่าเลือนแล้ว กลีบปากแห้งผากขขับเล็ก น้อย เสียงแหบแห้งจนเรียกชื่อของเขาไม่ออก
“ใช่คุณจริงๆ ด้วย!” สวีเหยียนมองเธออย่างเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เธอใส่หน้ากาก ใบหน้าเรียวเล็กถูกปิดไว้กว่าครึ่ง
ทั้งๆ ที่จากกันมานานขนาดนี้แล้ว ทว่าช่างมหัศจรรย์นัก ท่ามกลางผู้คนที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ เขากลับเห็นเธอได้อย่าง ชัดเจนตั้งแต่แวบแรก
เซียซิงเฉินส่ายหน้าเบาๆ ก้าวเดินอย่างเลื่อนลอย สวีเหยี ยนก้าวเข้ามาประคองเธอไว้ “คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“คุณ…อยู่ให้ห่างจากฉันหน่อย..” เซี่ยซิงเฉินผลักสวี่เห
ขียนออกด้วยความกังวล “อย่าเข้าใกล้ฉันขนาดนี้”
สวี่เหยียนเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนี้ ใจก็ร้อนรนจนแทบ ระเบิด หว่างคิ้วเขาขมวดมุ่น ตรงเข้าไปด้านข้างแล้วช้อนตัว เธอขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ว้าย! สวี่เหยียน… เซี่ยซิงเฉินขัดขืนเล็กน้อย “คุณรีบวาง ฉันลงเดี๋ยวนี้ ฉันอาจจะติดเชื้อ WIS เข้าแล้วนะ!”
“อย่าพูดเหลวไหล!” สวี่เหยียนเอ่ย จากนั้นก็ก้มหน้าลงมา มองเธอ นัยน์ตาเข้มลึก น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ถ้าคุณติดเชื้อจริง ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเอง”
สายตาเช่นนั้น ราวกับจะมองทะลุเข้าไปในก้นบึงหัวใจ
ของเซียซิงเฉิน
เธอตกตะลึง
พริบตาเดียวก็โมโหขึ้นมาทันที เธอยกกำปั้นทุบเขา “คุณ เลิกวุ่นวายได้แล้ว! คิดว่าโรคนี้เป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดาหรือ ไง? อาจถึงตายได้เลยนะ! สวี่เหยียน คุณรีบวางฉันลงเถอะ!
“คุณเก็บแรงไว้เถอะ ยังไงผมก็ไม่ปล่อย!” สวี่เหยียนไม่รู้ สีกสะทกสะท้าน
เซี่ยซิงเฉินรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในอก เบิกตามองเขา นี่เป็นการ พบกันอีกครั้งของทั้งสองหลังจากแยกจากกันเมื่อห้าปีก่อน เป็น ครั้งแรกที่เธอได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้ และมองเขาอย่างพิจารณา อีกครั้ง
เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก…
สลัดคราบความไร้เดียงสาของหนุ่มน้อยในอดีตออกไป จนหมด และดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ผู้ชายดูดีคนนี้แหละ ที่เคยเป็นความฝันที่งดงามที่สุดใน หัวใจเธอ…
“ตาที่ม! ถ้าฉันแพร่เชื้อไปให้คุณจริงๆ ฉันจะไม่สบายใจ เลย… ปลายจมูกเธอเริ่มแสบร้อน
เขาก้มลงมองเธอ ขยับมุมปากยิ้มอย่างขมขื่น “ชิงเฉิน คุณรู้ไหม ตอนนี้ผมรู้สึกว่า… ได้อยู่ข้างคุณในเวลาแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีเกินพอแล้ว….
น้ำเสียงเขาเศร้าสลดถึงเพียงนั้น ยังเจ็บปวดถึงเพียง นั้น ทำให้หัวใจเธอรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดเอาไว้
ณ ตอนนี้ เธอถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ ออกสักคํา
แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอีก ได้แต่เบือนหน้าออกไปไม่ต่อความกับ
เขา
“ผมรู้จักคุณหมอที่นี่ท่านหนึ่ง ช่วงนี้เขาถูกย้ายไปอยู่ แผนกโรคไข้หวัดพอดี” สวี่เหยียนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียง อ่อนโยน “คุณไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่ได้อยู่ เพียงลำพังแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะ สวี่เหยียน” หากจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คง
โกหก
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไม่สบายแบบนี้ ทั้งยังเป็นช่วง เวลาที่อ่อนแอที่สุดด้วย…
“จริงสิ คุณมาโรงพยาบาลทำไม ไม่สบายหรือเปล่า?” เขายิ้ม “นี่คุณกำลังเป็นห่วงผม?
เซี่ยซิงเฉินจงใจพูด “ตอนนี้ฉันไม่สบายถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีแรงเป็นห่วงคุณหรอก”
เขายิ้มอย่างมีความสุข “ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ผมแค่นอนไม่ หลับเลยมาเอายานอนหลับสักหน่อย”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
หลังจากวันนั้นที่ไปโรงพยาบาลพร้อมกับพวกเขา สองคืน มานี้เขาแทบไม่ได้หลับตา พอหลับตาลง ในสมองก็มักจะ ปรากฏแต่ภาพที่เธอกับท่านประธานาธิบดีอยู่ด้วยกัน…
ทุกๆ ภาพล้วนทิ่มแทงใจเขา
เจ็บปวดเหลือเกิน…
โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ทรมานคนมาก
เซี่ยซิงเฉินต้องโดนตรวจแล้วตรวจอีก ตรวจหลาย รายการจนทำให้ตัวเธอเองมึนงงจนไม่รู้ทิศทาง แต่ยังดีที่มีส เหยียนอยู่ด้วย
เขาลำบากกว่าเธอมาก ตลอดช่วงเช้าที่อยู่โรงพยาบาลก วิ่งขึ้นวิ่งลงแทนเธอ เครียดยิ่งกว่า กังวลยิ่งกว่า กระวนกระวาย ใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก
ขณะที่เธอเจาะเลือด เขากลัวเธอเจ็บจึงเอาแต่ลูบหลังเธอ พูดปลอบเบาๆ อย่างอดทน เธอหิวน้ำ เขาก็วิ่งวุ่นไปทุกที่เพื่อ เอาน้ำร้อนมาให้เธอ ทว่าตัวเองกลับยุ่งจนแม้แต่น้ำสักอีกก็ไม่ ได้ดื่ม
ตรวจเสร็จครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยซิงเฉินถูกคุณหมอเรียก เข้าห้องตรวจ สวี่เหยียนกังวลกว่าเธอ “เป็นยังไงบ้าง? ผล ตรวจออกมาหรือยัง?”
“ยังมีอีกหนึ่งรายการที่ต้องรออีกสองวันถึงจะรู้ผล สองวัน นี้คนไข้อยู่แต่ในบ้านจะดีที่สุด อย่าออกไปไหน แล้วคนอื่นๆ ก็ ต้องอยู่ห่างจากเธอ” คุณหมอกำชับแล้วมองเพื่อนอย่างสวี่เห ยียน “นายก็เหมือนกัน สองวันนี้ไม่ควรเข้าใกล้เธอขนาดนี้นะ”
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันรู้หรอกน่า” สวี่เหยียนกลัวเซียซิงเฉิน เสียใจ หลุบตามองเธออย่างเป็นห่วง
เธอขยับหน้ากากให้แน่นยิ่งขึ้น ถามเสียงแหบพร่า “คุณ หมอคะ ถ้าอย่างนั้น…อาการของฉันตอนนี้ มีโอกาสแพร่เชื้อสูง ไหมคะ?”
“ยังถือว่าสูงมากนะ แต่ตอนนี้ผลยังไม่ออกมา ใครก็ยัง บอกไม่ได้”
คำพูดของคุณหมอที่หลุดออกมา ทำให้เซียซิงเฉินรู้สึก
ท้อแท้ใจ ขอบตาเริ่มบวมและแสบร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉันขอไปโทรศัพท์หน่อย” เธอเอ่ยกับสเหยียนเสียงต่ำ ก่อนจะเดินตรงออกไปข้างนอกแล้วซุกอยู่ในมุมเล็กๆ สายตา ห่วงใยของสวี่เหยียนมองตามเธอไปตลอด
ก่อนอื่นต้องโทรไปที่ทำเนียบประธานาธิบดี เธอให้คนรับ ใช้ไปเรียกพ่อบ้านมารับสาย
“คุณเซีย”
“พ่อบ้าน รบกวนคุณ…ช่วยฆ่าเชื้อบ้านทั้งหลัง โดยเฉพาะห้องของคุณชายน้อยกับท่านประธานาธิบดี ทำทุกมุมอย่าได้ เว้น…” เธอกำชับเสียงแหบ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ คุณเชี่ย?” พ่อบ้านถามอย่างเป็น
ห่วง
เชียซิงเฉินกลัวว่าถ้าบอกพ่อบ้านไปแล้ว อีกสองคนรู้เข้าก็ จะเป็นห่วง จึงเอ่ยเพียงว่า “คุณทำตามที่ฉันบอกเถอะค่ะ อย่า ลืมนะคะ ทำทุกมุมอย่าได้เว้น ฉันจะต้องโทรไปหาคนอื่นอีก แค่ นี้ก่อนนะคะ”
พอพูดจบ ไม่รอให้พ่อบ้านเอ่ยอะไรต่อ เธอก็ชิงวางสายไป ซะก่อน
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ววางนิ้วบนหน้าจอเลื่อนไปที่หน้า รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ มองอักษรตัวที่เขียนว่า “ว่าที่สามี แล้ว ปลายจมูกก็ยิ่งรู้สึกแสบร้อน
เป็นห่วงเขามากเหลือเกินจริงๆ …
ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะกดโทรเบอร์นั้นออกไป
ที่จริงแล้วก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะรับสาย เขายุ่งตลอดเวลา ขนาดนั้น…
ทว่า…
ครั้งนี้ พอสัญญาณดังขึ้นสามครั้งก็มีคนรับสาย เขายังไม่ทันจะพูดอะไรก่อน แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงลม หายใจผ่านมาจากปลายสาย เซี่ยซิงเฉินก็รู้ว่าเป็นเขา
เธอฟังอย่างสงบนิ่ง ปลายจมูกพลันรู้สึกแสบร้อนยิ่งขึ้น
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ