สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 351 รู้ความลับอันสำคัญเข้า (3)



ตอนที่ 351 รู้ความลับอันสำคัญเข้า (3)

แยกกับไปเฉิงแล้วเธอก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ทำใจสงบ ลงแล้วถึงเปิดประตูเข้าไป

ข้างในมีผู้ใหญ่สามคนที่ล้อมเตียงผ้าไปไว้ เห็นได้ชัดว่า คุณหญิงไปกลัวจะทำเด็กตกใจจึงไม่กล้าร้องไห้ ทำได้แต่ไป ยังคุณหญิงหลันถึงแล้วบอกกับตาไปว่า “เรียกคุณยาย

เซียต้าไปเอ่ยเรียกขาน คุณยาย อย่างเชื่อฟัง

ทั้งสามคนฟังแล้วทั้งปวดใจและตื้นตันใจ คุณหญิง หลันถึงลูบศีรษะเด็กน้อยพร้อมเอ่ยชมว่าเด็กน้อยนั้นน่ารักและ เป็นเด็กดี พอนึกได้ว่านี่เป็นหลานชายแท้ๆ ของตนก็ยิ่งเกิด หลากหลายความรู้สึกในใจ เดิมที่เธอควรใช้ชีวิตหลายสิบปี มานี้กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่น่าเสียดายที่ พลาดช่วงเวลาอันแสนดีทั้งหมดไป

ความรักในครอบครัว ความรักกับคนรัก ล้วนสูญหายไป กับกาลเวลา ในอดีตที่ย้อนกลับไม่ได้ แล้วจะไม่ให้ปวดใจได้ อย่างไร?

“ต้าไป” เซี่ยซิงเฉินเพิ่งพูดออกเสียง

ทุกคนเพ่งสายตามาทางนี้ ใบหน้าเล็กของเซียต้าไป

ซีดเซียว พอเห็นเธอก็ยังดีอกดีใจ สองแขนกางออกเรียกร้องหาอ้อมกอด

เซี่ยซิงเฉินไม่ได้กอดเขา แค่นั่งลงข้างเตียง คุณหญิง หลันถึงดึงผ้านวมผืนหนาคลุมตัวเขี่ยต้าไปไว้เสร็จสรรพเพราะ กลัวเขาจะเป็นหวัด

“หม่า ผมทานผิดสำแดงอีกแล้ว ทำให้แม่ตกใจใช่ ไหม?” เซียตาไปมองเธอแล้วหันมองคุณหญิงไปแวบหนึ่ง “คุณย่า ตาคุณย่าก็แตง ต้าไปทำให้คุณย่าตกใจจนร้องไห้เลย ใชไหม?”

เด็กน้อยไม่พูดยังดี แต่พอพูดแล้วก็พานจะกลั้นน้ำตาไว้

ไม่อยู่

เซี่ยซิงเฉินกลืนก้อนสะอื่นลงไปแสร้งตีหน้าขึงขังกล่าว “ใช่สิ ลูกทำให้แม่กับเสี่ยวไป คุณปู่คุณย่าตกใจหมดแล้ว ลูก บอกว่าคราวหน้าลูกจะทานไปเรื่อยอีกหรือเปล่า?”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ทานไปเรื่อยอีกแล้ว! แต่ว่าวันนี้ผม ทานช็อกโกแลตไปแค่สามลูกเอง” เซียต้าไปเอียงศีรษะ ครุ่นคิดแล้วพยักหน้าไปพลาง “ใช่ๆ แค่สามลูก

คุณหญิงไปปวดใจแทบตาย สูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมหัน หน้าหนี

เซี่ยซิงเฉินรีบเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที “ลูกรัก ลูกหิวไหม?” ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว ทุกคนต่างยังไม่ได้ทานข้าวมื้อค่ำ “ลูก อยากทานอะไรแม่ไปซื้อให้ดีไหม?”
“ฉันไปซื้อเอง พวกคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยเหมือนกัน คุณท่านที่ไม่สบายใจเช่นกันจึงอยากออกไปเดินเล่นเพื่อผ่อน คลาย

เซียต้าไปย่อมไม่อยากทานอะไรทั้งสิ้น ความจริงคนอื่นๆ เองก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่นิด เพียงแต่ก็ต้องทานสัก หน่อย

อีกฝั่ง

เมื่อไปเย่นิ่งมาถึงห้องทำงานของเฉิน คุณท่านรองไป ถูกพาไปทำการตรวจทั้งหลายแล้ว คุณหมอและพยาบาลอื่นๆ ก็ประจําตำแหน่งตน

ฟูอี้เฉินกำลังเปิดเอกสารอยู่ เห็นเขาเข้ามาจึงเหลือบขึ้น มองเล็กน้อย ไม่พูดทักทายแม้แต่นิดทั้งเพ่งสมาธิจดจ่อกับ เอกสารตรงหน้า

“อาการของเด็กถือว่าหนักไหม?” ไปเยถึงสีหน้าตึงเครียด ฟู่อี๋เฉินตอบรับ “อืม”

“ตอนนี้นายรีบหาตับสำรองจากที่อื่นเลย เมื่อคุณอาฉันไม่ ได้ ฉันไม่ต้องการให้มีการชักช้าแม้แต่นิด ”

ฟูเฉินตอบรับเสียง “อืม” อีกครั้ง ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง
เขาเริ่มเสียอารมณ์ขึ้นมา นิ้วยาวเคาะโต๊ะทั้งใบหน้าเรียบ นิ่ง “คุณ หมอ ฟู่!”

กัดฟันเรียกที่เป็นการตักเตือน

“ท่าน ผมรู้บางอย่างเข้า!” ทันใดนั้นเอง เฉินก็เงยหน้า

ขึ้นมา

“เรื่องอะไร?”

“คุณรู้กรุ๊ปเลือดของคุณพ่อดี แต่คุณรู้กรุ๊ปเลือดของคุณปู่ คุณย่าคุณไหม?”

ไปเฉิงสีหน้าแย่ขึ้นเรื่อยๆ จนอดหยิบเอกสารข้างมือโยน ใส่เขาไม่ได้ “นี่เวลาไหนแล้วยังจะมาสงสัยกรุ๊ปเลือดบรรพบุรุษ ของฉันอีก!”

ฟู่เฉินมือหนึ่ง เอกสารไว้แล้ววางทิ้งข้างๆ รีบตอบกลับ อย่างไว “ตอนที่ผมรับช่วงต่อเป็นทีมรักษาประจำ ประธานาธิบดี เอกสารรายงานสุขภาพของพวกคุณทุกคนรวม ถึงบรรพบุรุษเคยผ่านมือผมมาครั้งหนึ่ง นอกจากของคุณท่าน รองไป ขอแค่ผ่านมือผม ผมจำได้หมด กรุ๊ปเลือดของคุณปู่คุณ คือ AB คุณย่าคือ 8 ส่วนคุณท่านคือ B

ไปเย่นิ่งเริ่มเอะใจบางอย่างจึงกล่าว “พูดจุดสำคัญมา

“แต่เมื่อกี้ผมพาคุณท่านรองไปไปตรวจเลือด ผลออกมา ว่ากรุ๊ปเลือดของท่านคือ O ซะได้

“กรุ๊ป O?” ไปเย่นิ่งที่คงท่าทีเรียบนิ่งมาโดยตลอดก็ตกใจไปชั่ววูบ

คนที่มีความรู้ทั่วไปย่อมรู้ดีว่าเด็กที่เกิดจากกรุ๊ปเลือด AB และ B ไม่มีทางมีกรุ๊ป O

ฟู่เฉินยื่นเอกสารเกี่ยวกับคุณปู่คุณย่าของเขาให้แล้ว กล่าวต่อ “แน่นอนว่าทางการแพทย์ก็เคยมีเหตุการณ์ที่ยืน กรรมพันธุ์เปลี่ยนไป แต่มันเป็นไปได้น้อยมาก ถ้ายืนของคุณ ท่านรองไปไม่ได้เปลี่ยนไป แปลว่าผมมีเหตุผลที่จะสงสัย…

เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่เป็นสายตาไปทาง ไปเย่ฉิง

ไปเฉิงก็ตอบกลับทีละคำๆ “คุณอาฉัน อาจจะไม่ใช่ลูก ของคุณปู่คุณย่าฉัน?”

“ก็หมายความว่าคุณกับคุณเซีย….

“ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด

ฟูอี้เฉินพยักหน้า

ไปเย่งปิดเอกสาร “รีบตรวจ DNA ของคุณพ่อกับคุณอา ฉันเดี๋ยวนี้! ฉันต้องรู้ผลให้เร็วที่สุด!

ผลสุดท้ายที่ออกมา คุณท่านรองไปเข้าเกณฑ์ทุกประการอย่างที่คิดวันรุ่งขึ้นก็คือวันผ่าตัด
เซียซิงเฉินหวั่นใจอยู่ไม่น้อย แม้คุณท่านรองไปจะยังไม่ 60 ปี แต่ก็อีกไม่นานแล้ว

กลางคืนรุ่ยทั้งส่งทุกคนกลับไป ซึ่งขณะนั้นเซียซิงเฉินกำ ลังบิดผ้าของเซียต้าไปอยู่ในห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงจากด้าน นอกจึงหยุดชะงักชั่วครู่ จากนั้นก็ทิ้งผ้าไว้พลางเปิดประตูดู

“ฉันไปส่งพวกท่านข้างล่างเองค่ะ” เธอไม่รู้ว่าพูดกับใคร

เหมือนกัน ก้มหน้าเดินแทรกไประหว่างผู้ใหญ่ทั้งสี่คน

ทั้งสี่คนส่งสายตาให้กัน ไม่ได้พูดอะไร คุณหญิงหลันถึง และไปชิงรั่งใจต่างก็รู้สึกถึงคลื่นใหญ่ในใจ

ไปเย่นิ่งมองแล้วเข้าใจก็กล่าวเพียง “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ซึ่ง เดินไปส่งพวกท่านเถอะ ส่วนผมไม่ลงไปแล้ว เพื่อเป็นการไม่ ให้เกิดความวุ่นวาย

“ก็ดี” คุณหญิงไปพยักหน้าจากนั้นก็พูดเตือนหลายอย่าง

ให้ดูแลเด็กดีๆ ถึงได้เดินจากไปอย่างอาลัย

ลงไปชั้นล่างออกจากลิฟต์แล้วคุณท่านกับคุณหญิงไปก็ เดินควงแขนนหน้า แต่ก็แอบเหลียวหลังมองทั้งสามคนด้าน หลังเป็นพักๆ

ด้านหลัง มีหลันถึง ไปชิงสั่งรวมถึงชิงเฉินที่เดินขนาบข้าง กัน เซี่ยซิงเฉินเดินคั่นกลาง

ทั้งสามคนต่างก็เงียบไปพักใหญ่ ลมหนาวพัดพาความ

หนาวเย็นผ่านมาจนเกิดเสียงลมที่ข้างหู
ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ไม่พูดอะไร ผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็รู้สึกพึง พอใจแล้วที่สามารถเดินเคียงข้างลูกสาวมาระยะหนึ่ง โดยที่ ก่อนหน้านี้พวกเขาแทบไม่กล้าคาดฝัน

จนกระทั่งถึงลานจอดรถ ท้ายสุดไปชิงรั่งก็ชิงเปิดปาก “พอแล้ว ซึ่งเฉิน หนูไม่ต้องส่งแล้ว ค่ำขนาดนี้ข้างนอกหนาว

เซียซิงเฉินหยักหน้า ก้มตัวเพื่อเปิดประตูให้ทั้งสองคน สายตาคอยมองทั้งสองคนจนในที่สุดก็อดกล่าวไม่ได้ “สุขภาพ ของทั้งสองไม่ค่อยดี เวลาออกจากบ้านก็สวมเสื้อหนาๆ ตอนนี้ อากาศยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ…

แค่ประโยคแสดงความเป็นห่วงเพียงประโยคเดียวก็ ทำให้ทั้งสองดีใจเป็นอย่างมาก สบสายตาแวบหนึ่งอย่างตื่นเต้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ