สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 27 คุณกำลังเป็นห่วงผม



ตอนที่ 27 คุณกำลังเป็นห่วงผม

เสร็จธุระพวกนี้แล้วก็โทรหาเซียต้าไป

“หม่ามี้ สอบเป็นยังไงบ้าง?” เสียงใสกังวานของเซียต้าไป ดังมาจากทางนั้น

“อืม สบายมาก” เธอไม่อยากให้ตาไปผิดหวัง จึงทำได้ เพียง โกหกเล็กน้อย

“งั้นก็ดีแล้ว ผมรู้อยู่แล้วว่าหม่ามีเซียของเราต้องผ่านฉลุย แน่ๆ” เซี่ยต้าไปภูมิใจสุดๆ ราวกับได้รับเกียรติสูงส่ง

เซี่ยซิงเฉินได้ฟังจากทางนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมาก ถึงแม้จะไม่ ได้เข้าสอบ แต่ตอนนี้ได้ยินเสียงลูกแล้ว ความห่อเหี่ยวในใจก็ ลดลงมากทีเดียว

“ต้าไป ช่วงนี้ลูกอาจจะต้องอยู่ที่นั่นคนเดียว ตอนกลางคืน แม่กลับไปอยู่เป็นเพื่อนลูกไม่ได้

“ทําไมล่ะครับ?”

“อืม…แม่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่หลายวัน ฉะนั้น ลูกอยู่บ้านคนเดียวต้องเป็นเด็กดีนะ รู้ไหม? มีเรื่องอะไรก็โทร หาแม่ได้”

“กี่วันครับ?”

“เรื่องนี้แม่เองก็ไม่แน่ใจ” ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของเขา

“ถ้าอย่างนั้น หม่ามีจะคิดถึงผมใช่ไหม?” เซียต้าไปทำ เสียงเหมือนเด็ก แถมยังดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนนี้เค้า คิดถึงแม่แล้ว”

เซี่ยซิงเฉินรู้สึกเพียงว่าอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเองก็ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดถึงเจ้าหนูนั่นอยู่เหรอ?

เธอดูแลเขา โดยไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

จนกระทั่งฟ้าสว่างขึ้นทีละน้อย หลังจากดูหลายครั้งจน แน่ใจว่าอาการไข้ของเขาทุเลาลงแล้ว ในที่สุดเธอก็เบาใจ ความเหนื่อยล้าอย่างหนักคืบคลานเข้ามา เธอจึงฟุบหลับอยู่ ข้างเตียงนั่นเอง

ไปเย่นิ่งลืมตาขึ้น ใบหน้าเอียงเล็กน้อย สีหน้ายามหลับ

ของเธอสะท้อนเข้าสู่ดวงตาเขา

เธอคอยเฝ้าเขาอยู่ข้างเตียงเช่นนี้ตลอดเลยเหรอ?

เธอดูเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด หลับลึกมาก ใบหน้า เล็กขาวหมดจดทับอยู่บนหลังมีอยู่เล็กน้อย ท่าทางเช่นนี้กลับ ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าเด็กต้าไปนั่น เครื่องหน้าเหมือนเขาเงียบ แต่ว่าความ น่ารักแบบนั้นช่างละม้ายกับเธอในยามนี้

นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ยกขึ้น ปลายนิ้วลากผ่านใบหน้าเธอแผ่วเบา สัมผัสอ่อนนุ่มละมุนละไม่ทำให้เขารู้สึกหลงรักจนไม่ อยากปล่อยมือขึ้นมาเสียเฉยๆ

นิ้วมือที่ข้อต่อชัดเจนลากจากหน้าผากงดงามลงมาถึง ปลายจมูกเล็กกระจิ๋มกระจิ๋มของเธอโดยไม่รู้ตัว และต่ำลงไป

นิ้วเรียวหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีแดงอ่อนนุ่ม ค่อยๆ ลูบไล้

คราวก่อนเคยจูบปากเล็กๆ ของเธอ ผ่านมาห้าปีแล้ว เธอยังคงสดชื่นหอมหวานอ่อนนุ่มเฉกเช่นในความทรงจำ

แววตาไปเย่นิ่งเข้มขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะถูกรบกวน ถึงได้กระสับกระส่ายเล็ก น้อย แล้วอยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น

เขานิ่งอึ้งไป ชั่วพริบตาถัดมากำลังจะรีบหดมือกลับ แต่

เพราะอาการบาดเจ็บรุนแรง ร่างกายจึงตอบสนองไม่ไวนัก

จนกระทั่ง…พอเธอรู้สึกตัวตื่นขึ้น มือเขาก็ยังคงหยุดอยู่บน ริมฝีปากเธออย่างเก้อๆ

เซี่ยซิงเฉินนอนหลับไม่เป็นสุขนัก ตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกคัน ยุบยิบที่ปาก คว้าเอาสิ่งที่รบกวนเธอไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว พอ เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้น ถึงได้รู้ว่าเป็นนิ้วมือเข

อุ้ย?

สบตากับเขา สัมผัสได้ถึงความอึดอัดบนใบหน้าเขา ใจ เธอเต้นแรง รีบปล่อยมือเขาทันที
“ฉัน…เป็นอะไรเหรอ?” เธอที่ปากตัวเอง แล้วมองมือเขา แวบหนึ่ง

“ไม่มีอะไร” ยามนี้แววตาของไปเย่นิ่งกลับมาเป็นปกติ แล้ว จึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เปื้อนนิดหน่อย

“อ๋อ” ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

เซี่ยซิงเฉินเชื่อสนิทใจและไม่ได้ใส่ใจอีก เพียงแค่โน้มตัว ลงมาแตะมือบนหน้าผากเขา พบว่าอุณหภูมิปกติก็ถอนใจยาว อย่างโล่งอก “ยังดีที่ไม่เป็นไข้อีก หิวไหม? อยากดื่มน้ำหรือ เปล่า? ฉันต้มโจ๊กไว้ให้คุณ จะไปยกมาเดี๋ยวนี้แหละ

ไม่รอให้เขาตอบ เธอก็ลุกออกไป

ไปเย่นิ่งมองร่างบางที่หัวหมุนอยู่เป็นเวลานาน กระทั่ง ประตูปิดลง เธอหายลับไปจากสายตา เขาก็ยังไม่ถอนสายตา กลับมา หลายปีมานี้คนที่ดูแลเขามาตลอดคือคนรับใช้และพ่อ บ้าน ตั้งแต่เล็กจนโต คนข้างกายนอกจากแม่แล้ว ยังไม่เคยมี ใครเข้าครัวทําอาหารให้เขามาก่อนเลยจริงๆ

ผู้หญิงที่เขารู้จักส่วนใหญ่ก็เป็นแบบซ่งเหวย งานบ้าน งานเรือนไม่เคยแตะ

สูงส่ง มีความเป็นกุลสตรี แต่ก็น่าเบื่อสุดๆ

ขณะกำลังคิดอยู่นั้น เซี่ยซิงเฉินก็ยกโจ๊กเข้ามา

เธอหยิบหมอนมารองศีรษะเขาให้สูงขึ้นเล็กน้อยด้วย ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ใช้ช้อนตักโจ๊ก
ร้อนนิดหน่อย เธอใช้ปากเป่าอย่างระมัดระวัง “นี่อะไร?” ไปเฉิงถาม ต้องโจ๊กในมือเธอเขม็ง

“โจ๊กไก่เส้น ถึงจะปรังนกพวกนั้นที่คุณดื่มประจำไม่ได้ แต่รสชาติที่ฉันทำนี่ถือว่าชั้นหนึ่งเลยนะ” ตอนที่อวดฝีมือทำ อาหารนั้น สีหน้าดูภูมิใจมากทีเดียว

“งั้นเหรอ?”

“ใช่ ทุกครั้งที่ต้าไปเป็นหวัดเลย ไม่สบายเอย ฉันก็ต้มไอ้นี่ ให้เขา ดื่มปุ๊บมีแรงปั๊บเลย

พูดเกินจริงไปแล้วมั้ง ไม่ใช่ยาวิเศษสักหน่อย

แต่ว่าเห็นท่าทางภูมิอกภูมิใจของเธอแล้ว ไปเยถึงกลับไม่ พูดอะไรขัดคอเธอ

ยังอยากลองชิมรสชาติมาก ตอนแรกยังไม่รู้สึกอยาก

อาหาร พอตอนนี้ได้กลิ่นโจ๊กหอมกรุ่นก็เริ่มหิวขึ้นมาจริงๆ

“รอเดี๋ยว ฉันลองดูว่าร้อนไหม จะได้ไม่ลวกปาก” เซี่ยง เฉินเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง แลบลิ้นเลียโจ๊กในช้อนเบาๆ โดยไม่รู้ตัว

เลียเสร็จก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

นี่ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? ปกติเวลาป้อนต้าไปก็ทำแบบนี้ สุดท้ายเลยชินเสียแล้ว!

ช้อนสายตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันเผลอทำตามความเคยชินน่ะ คุณรอสักครู่ ฉันจะไปเปลี่ยนช้อนใหม่ในครัว ให้

คุณ”

เธอพูดพลางจะขยับลุก

“นี่!” ไปเยฉิงยื่นมือมาดึงมือเธอไว้ เธอหันกลับมามองเขา อย่างสงสัย เขาคว้ามือเธอที่ถือซ้อนอยู่มาที่ปากตัวเอง

อ้าปาก กินโจ๊กค่นั้นทีเดียวหมดเกลี้ยง

ไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นยังมาเก๊กท่าวิจารณ์ว่า “รสชาติไม่เลวนี่”

“คุณ…ไม่ติดนิสัยรักสะอาดแล้วเหรอ?”

ไปเฉิงทำสีหน้าเมินเฉย “ผู้หญิงที่แม้แต่จูบกับผมก็เคย มาแล้ว คุณคิดว่า ผมยังแคร์เรื่องเล็กพวกนี้จะไม่ดูเกินไป หน่อย?”

เซียซิงเฉินเงิบไปเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้อยู่ๆ ก็ขุดเรื่องสมัย ก่อนขึ้นมาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนี้โดยไม่อายเลย สักนิด

แต่ว่าชั่วพริบตาถัดมา พอนึกอะไรบางอย่างได้ก็ทำเสียง ฮึดฮัด “เรื่องเล็กแบบนี้ ไม่ใช่ว่าท่านประธานาธิบดีลืมไปตั้ง นานแล้วเหรอ จะพูดขึ้นมาทำไม?”

“คงโดนระเบิดเรียกสติล่ะมั้ง”

เขากลับพูดได้อย่างหน้าตาเฉย เซียซิงเฉินฟังที่หู แต่ที่ใจกลับถูกบีบจนเจ็บปวด

ป้อนโจ๊กให้เขาได้ค่หนึ่ง ในที่สุดก็อดถามไม่ได้ “เจ็บ

ไหม?”

เสียงแผ่วเบา นุ่มนวลราวกับฝนฤดูใบไม้ผลิที่พาให้ผู้คน หลอมละลาย

ไปเย่งหวั่นไหวเล็กน้อย เลื่อนสายตาขึ้นมองเธอ ความ เจ็บปวดในแววตาเธอยังไม่จางหาย นวดคลึงดวงตาทั้งคู่อย่าง อ่อนโยนราวกับมีผ้าโปร่งบางเบาคลุมทับไว้ชั้นหนึ่ง ชวนให้ หลงใหลอย่างบอกไม่ถูก

แววตาไปเย่นิ่งเข้มขึ้นเล็กน้อยขณะจ้องมองเธอ “คุณเป็น ห่วงผม?”

เสียงเขาก็แผ่วเบาเช่นกัน

แหบแห้ง

เซ็กซี่เหลือเกิน

แววตา กลับฉาบด้วยความรุ่มร้อนชวนให้ใจเต้นแรง

“แน่นอน สองพยางค์ เซี่ยซิงเฉินเกือบจะพูดโพล่งออก มา แต่กลับรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน คำว่า “แน่ ก็เลยติดอยู่ แค่ในสําคอ

รออยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาเลิกคิ้ว

จากนั้น ได้ยินเธอเอ่ยเพียงว่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ