สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 26 ตัวร้อนกว่าเดิม



ตอนที่ 26 ตัวร้อนกว่าเดิม

สติสัมปชัญญะของไปเฉิงยังคงเลอะเลือน แม้แต่มองสิ่งของ ยังเห็นเพียงลางๆ ราวกับว่ามีชั้นหมอกจางๆ ปกคลุมเอาไว้ แต่ ถึงอย่างนั้น ท่าที่ประหม่าและกระดากอายของเธอในเวลานี้ กลับปรากฏให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน

ช่างแตกต่างกับเมื่อครั้งที่เจอเธอครั้งแรกที่ดูเหมือนเจ้า แมวน้อยพร้อมจะปะตบใส่ผู้คน ตัวเธอในตอนนี้กลับเหมือน กระต่ายขาวที่แสนจะไร้เดียงสาตัวหนึ่ง

“กลัวเหรอ?” เขาเปิดปากถาม น้ำเสียงแม้จะแหบพร่าแต่ ยังแฝงการยั่วเย้าอยู่

เธอเร่งรัดเขา “คุณรีบหลับตาลงเดี๋ยวนี้

ไปเย่นิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเธอช่างน่าขันอย่างประหลาด เขาเหยียดปากยิ้มน้อยๆ แต่ก็ยอมหลับตาลง ในที่สุด และ แล้ว…เซี่ยซิงเฉินกัดฟัน กลั้นใจ มือสัมผัสกับกางเกงชั้นในของเขา

ปลายนิ้วเธอสั่นไปหมด

ตายแน่ๆ !

นี่มันหน้าที่อะไรกันเนี่ย

“คุณผู้หญิง ช่วยระวังหน่อย อย่าจับอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไปเย่นิ่งลืมตาขึ้นมา กำชับด้วยเสียงแหบพร่า แววตานิ่งๆ

เซียซิงเฉินหน้าแดงกว่าเก่า กัดฟันแน่น โต้กลับอย่างไม่ ยอมแพ้ “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ยังไงซะก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยจับ สักหน่อย…”

ทันทีที่หลุดคำพูดนี้ออกมา เธอสัมผัสได้ถึงแววตาสนอก สนใจของเขา ยิ่งโมโหตัวเองที่ไม่น่าปากไวไปเลย

นี่เธอกำลังพูดอะไรออกไปเนี่ย!

ไปเฉิงหรี่ตาลง มองด้วยสายตาลึกซึ้ง ทั้งที่น้ำเสียงยังคง รวยริน “ผมถึงบอกไงล่ะว่า เรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน สิ่งที่คุณจำได้ไม่ ได้มีแต่ความเจ็บปวดอย่างเดียว…

* เซียซิงเฉินหน้าแดงเถือกซับสีเลือด

จนป่านนี้แล้ว เขายังจะมีแก่ใจรื้อฟื้นเรื่องเมื่อ 5 ก่อนนั้น

ขึ้นมาอีก!

“ฉันว่าดูแล้วคุณไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาอะไร เรี่ยวแรงยัง ดีซะขนาดนี้” เธอบ่นอุบ

ไปเยถึงหลับตาลง ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีกเลย เซียซึ่ง เงินสะกดความอาย หยิบแอลกอฮอล์มาเช็ดเนื้อตัวของเขา

นิ้วมือของเธอสั่น แข็งเกร็ง ส่วนเขานั้นใช่ว่าจะดีไปกว่า เธอสักเท่าไหร่

ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเธอบังเอิญไปสัมผัสเข้า เขาจะรู้สึก ราวกับมีกระแสไฟวิ่งผ่านร่าง แขนขาชาและรุ่มร้อนขึ้น
พอนิ้วของเธอได้ไปสัมผัสกับต้นขาที่กระชับแน่นของเขา เขาลืมตาขึ้น ใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บฉวยคว้ามือของเธอ ในทันที

เชียซิงเฉินที่แต่เดิมก็กลัวๆ กล้าๆ อยู่แล้ว เมื่อโดนทำเช่น นี้ก็สะดุ้งตกใจ

เขาออกแรงดึงเพียงเล็กน้อย ร่างของเธอก็ถลาไปทั้งตัว

เธอร้อง “อ๊ะ” ออกมาเสียงแผ่ว อีกนิดเดียวก็จะเกือบจะ โถมทับบนตัวเขา บนบาดแผลของเขาแล้ว อารามตกใจ รีบ เอามืออีกข้างหนึ่งที่ยังเป็นอิสระมากันไว้ที่ข้างๆ ตัวเขา เพื่อรับ น้ำหนักตัวเธอเอาไว้

“คุณทำแบบนี้มันอันตรายมากนะ ” เธอกล่าวอย่างเป็น กังวล ขมวดคิ้วหากัน มองเขาด้วยสายตาที่แฝงแววตำหนิ

ไปเย่นิ่งจ้องเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อน “คุณแน่ใจนะว่านี่

เป็นวิธีลดไข้ที่หมอฟเฉินสอนคุณไว้? ”

“แน่ใจ” เธอพยักหน้า ท่าของทั้งสองคนในตอนนี้ ฝ่าย หญิงอยู่ข้างบน ฝ่ายชายอยู่ข้างล่าง ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ใกล้ซะจนเธอได้กลิ่นเขม่าดินปืนและกลิ่นยาสมุนไพรบนตัวเขา ได้อย่างชัดเจน

เธอรู้สึกเพียงว่า ใจเต้นรัวแรงอย่างประหลาด ราวกับว่า มันพร้อมจะทะลุออกมานอกอกได้ทุกเวลา

เขาหรี่ตาลง “ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอุณหภูมิไม่ลดลงเลยสักนิต ตรงข้ามเหมือนตัวจะร้อนกว่าเดิมด้วย?

เซี่ยซิงเฉินกระดากอาย

ไม่แค่เขาหรอกที่รู้สึกว่าร่างกายร้อนกว่าเดิม แม้ตัวเธอ เองก็รู้สึกว่าร่างกายดูจะร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างประหลาดเหมือน กัน!

“ท่านประธานาธิบดี…” เธอพยายามเลียริมฝีปากล่างที่ แห้งผาก “หากว่า คุณยังคงดึงชั้นไว้ในท่านี้ต่อไปล่ะก็ ตัวคุณ คงจะร้อนยิ่งกว่านี้อีก…

มันไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้นหรอก เป็นไปได้อย่างมากว่า อาการนี้จะลามมายังเธอด้วยอีกคน

ชายหญิงทั่วไปที่ยังโสด ต้องมาทำอะไรแบบนี้ จะไม่รู้สึก ร้อนรุ่มขึ้นมาได้อย่างไร

ไปเฉิงต้องเธอด้วยสายตารุ่มร้อนนานพอควร แววตาที่ ยากจะแยกได้ชัดว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ จนในที่สุด เขาก็ค่อยๆ คลายมือที่กุมเธอไว้ออก

เซี่ยซิงเฉินรีบหยัดตัวขึ้น ระบายลมหายใจอย่างหนัก หน่วง มือปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก

เธอมองดูเขาที่นอนบนเตียงตรงหน้า รู้สึกอึดอัด ก้มหัว เก็บของไปพลาง พูดไปพลาง “คือว่า…คุณพักผ่อนสักครู่ อีกสัก ประเดี๋ยวฉันจะมาวัดไข้ให้คุณแล้วกัน”

เขาได้แต่ส่งเสีย “อืม” ออกมานัยว่ารับทราบแล้ว แล้วหลับตาลง เหมือนจะอ่อนเพลียอย่างมาก แล้วเขาก็ผล็อยหลับ ไม่ได้สติไปอีกครั้งในเวลาอันสั้น

เซี่ยซิงเฉินเก็บข้าวของเรียบร้อย จากนั้นจึงค่อยๆ คลี่ ผ้าห่ม บรรจงห่มให้เขาอย่างระมัดระวัง พอเหลือบเห็นใบหน้า ที่แดงก่ำด้วยพิษไข้ ก็อดกังวลใจไม่ได้

คืนนี้ ดูสถานการณ์แล้วคงต้องคอยเฝ้าเขาทั้งคืน คงนอน ไม่ได้เสียแล้ว แต่จะว่าไป ตัวเธอเองก็คงข่มตาให้หลับไม่ลง อยู่ดี

เป็นห่วงเขา

ทว่า เหตุใดเธอถึงต้องเป็นห่วงเป็นใยเขาถึงเพียงนี้ เซี่ย ซิงเฉินก็ไม่กล้าจะตรองหาเหตุผลที่ลึกลงไปกว่านั้น

เมื่อจัดแจงเก็บของเสร็จเรียบร้อย ก็พอดีที่โทรศัพท์ของ ฉือเว่ยยางดังขึ้น เธอเกรงว่าเสียงจะดังรบกวนเขา จึงเอามือ

ป้องลำโพงรีบวิ่งออกไปคุยด้านนอก

“เซี่ยซิงเฉิน บอกฉันมานะว่าเธอกำลังเล่นบ้าอะไรกันแน่”

ฉือเว่ยยังแผดเสียงอยู่ที่ปลายสาย “นี่เธอถูกผีเข้าหรือยัง ไง? อุตส่าห์ทุ่มเทมาตั้งนานก็เพื่อการสอบในวันนี้ ตอนนี้กลับ ไม่สอบเอาเสียดื้อๆ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเธอมีเหตุผลสลัก สําคัญอะไรกัน!”

เซี่ยซิงเฉินถูกตวาดตกใจจนสติแทบหลุด หนังศีรษะชาไป หมด แต่จะว่าไปมันก็น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
งานนั้นเป็นงานในฝันของคนตั้งเท่าไหร่

มาตอนนี้นึกทบทวนดูแล้วความพยายามที่ทุ่มเทมาอย่าง ยาวนานกลับต้องสูญเปล่า น่าเสียดายไม่น้อย

“ช่างมันเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ฉันก็หางานใหม่

แล้วกัน”

“เหตุผลล่ะ!”

เซี่ยซิงเฉินเหลือบมองประตูที่ปิดสนิท “เพื่อนของฉัน คนหนึ่ง ……..เขาไม่สบายกะทันหัน อาการหนักมาก ฉันก็เลย ต้องมาดูแลเขาน่ะ”

“เพื่อนหรอ? เพื่อนผู้ชาย?”

“..อืม”

“ใช่คนที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับเธอคนนั้นหรือเปล่า?”

“ที่จริงเราสองคนก็ไม่เชิงว่าอาศัยอยู่ด้วยกัน ก็แค่มีเหตุ จําเป็นบางอย่างจึงต้องมาพักร่วมกัน พูดให้ถูกคือเราสองคน ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันด้วยซ้ำ

“ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันแต่กลับยอมละทิ้งโอกาสได้ ทำงานดีๆ อย่างนี้เพียงเพราะเขาไม่สบายนี่นะ! แล้วอีกอย่าง พ่อคนนั้นเขาไม่มีญาติพี่น้องหรือยังไง ทำไมต้องให้คนที่ไม่ได้ สนิทสนมคุ้นเคยกันอย่างเธอมาคอยดูแลด้วยล่ะ?”

คำที่คือเว่ยยังกล่าวอันที่จริงแล้วก็เป็นสิ่งที่เซี่ยซิงเฉินคิดไม่ตก
บรรดาคนรับใช้และผู้จัดการบ้านที่อยู่กับเขามานานเป็น สิบปีก็มี เขาไม่ไว้ใจเลือกคนพวกนั้น แต่กลับเลือกเธอผู้ซึ่งไม่ ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันแทน….

เป็นเพราะอะไรกัน?

เขาไว้ใจเธอ?

จะว่าไป ความรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจอย่างนี้ มันก็ไม่ เลวเหมือนกัน

เซียซิงเฉินปุ๋ยปาก “พูดอะไรตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ

“สายไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ ชื่อของเธออยู่ในรายชื่อที่ถูก

ตัดออกแล้ว”

ก็พอจะเดาได้

ถึงอย่างไร ต่อให้ชื่อของเธอไม่ถูกตัดออก แต่การที่ต้อง มาดูแลเขาใน 3-4 วันนี้ เธอก็ไปทำงานไม่ได้อยู่ดี จะว่าไป ตอนนี้ก็ไม่ต้องลำบากทำเรื่องลาหยุดให้ยุ่งยากแล้ว

ฉือเว่ยยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเชี่ยซิงเฉินถึงทำเช่นนั้น แต่เธอเองก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไรอีก ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีก สัก 2-3 ประโยคก็วางสาย

เซี่ยซิงเฉินผลักประตูมองไปด้านในห้อง เขายังคงนอน หลับอยู่ จึงค่อยโล่งใจ แล้วหมุนตัวกลับเดินไปยังห้องครัว

ลองดูว่าจะทำอะไรให้เขาทานบำรุงร่างกายดี
ในห้องครัวมีของอยู่ครบครัน วัตถุดิบล้วนเป็นของสด ใหม่ทั้งนั้น

เซี่ยซิงเฉินเริ่มหิวหน่อยๆ จึงต้มบะหมีให้ตัวเองทานรอง ท้องไปก่อน ระหว่างทานไปก็คิดรายการอาหารที่จะทำให้เขา ทานไปด้วย

เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ คงทานได้แต่อาหารอ่อนๆ เท่านั้น

แต่ว่า เขาเป็นเลือกกินขนาดนั้น อาหารที่เธอทำเป็นก็มีแต่ อาหารพื้นๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะทานได้หรือเปล่า

เชียซิงเฉินคิดไปคิดมา สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกทำโจ๊กไก่ เส้นให้เขาทาน อุ่นบนเตารอไว้ ตั้งใจว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้ว หิวเมื่อไหร่ก็พร้อมทานได้ทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ