สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 259 ความรักที่แท้จริง (9)



ตอนที่ 259 ความรักที่แท้จริง (9)

ช่วงเย็นของวันศุกร์

เซี่ยซิงเฉินเลิกงานก็ไปยืนรอรับเซียต้าไปที่หน้าประตู ห้องเรียน อากาศยิ่งอยู่ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานเด็กๆ ก็ จะปิดเทอมฤดูหนาวกันแล้ว

“หม่ามี้!”

สิ้นเสียงกริ่งเลิกเรียน เซียต้าไปก็พุ่งออกจากห้องเรียน ทันที ด้านหลังเหมือนสะพายกระเป๋าระเบิดแทนที่กระเป๋าเรียน เสียอย่างนั้น

เห็นลูกชาย เชี่ยซิงเฉินก็อารมณ์ดีขึ้นมาก พลางรับ

กระเป๋าเรียนของเขามาถือไว้โดยอัตโนมัติ

“คุณนายเซีย” คุณครูของเซียต้าไปเดินมา เซียซิงเฉิน ได้ยินคำเรียกนั้นก็รู้ทันทีว่าคุณครูเข้าใจผิดเสียแล้ว ไม่ได้พูด แย้งแต่อย่างใด เซียต้าไปกลับทนไม่ไหว แหงนศีรษะเล็กขึ้น เอ่ย “คุณครูหยาง หม่ามี้ผมไม่ใช่คุณนายเซีย แต่เป็นคุณนาย ไปต่างหาก!”

เซี่ยซิงเฉินเงียบไปเพียงครู่ ตบท้ายทอยเซียต้าไปเบาๆ ไปที “พูดไปเรื่อย”

“ผมพูดความจริงนี่นา คุณพ่อนามสกุลไปไม่ใช่เหรอ?”
นามสกุลไปก็ถูก แต่เธอก็ไม่คู่ควรกับค่าเรียกว่าคุณนาย ไปนี่นา!

“ขออภัยจริงๆ ค่ะคุณนายไป” คุณครูรีบเปลี่ยนคำเรียก จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “คืออย่างนี้ค่ะ วันอาทิตย์ทางโรงเรียนเรา จะมีกิจกรรมครอบครัว ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่ร่วมงานด้วย เพราะฉะนั้นรบกวนคุณแม่แจ้งให้คุณพ่อของนักเรียนเซียมา ด้วยนะคะ”

คุณพ่อของเซียต้าไป?

เซียซิงเฉินปวดหัวเป็นอย่างมาก หากเขามาออกงาน อย่าว่าแต่โรงเรียนนี้เลย ต้องวุ่นวายไปทั้งประเทศแน่ที่จู่ๆ ท่านประธานาธิบดีก็มีบุตรชายโผล่มา จากนั้นก็จะกลายเป็น ข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เซียซิงเฉินแค่คิดก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ ได้แล้ว

“กิจกรรมครอบครัวมีกิจกรรมคร่าวๆ อะไรบ้างคะ?

“ก็เล่นเกม หลังเล่นเกมจะมีงานดนตรี เด็กๆ แสดงเองทั้ง นั้นค่ะ ฉะนั้นคุณครูอยากให้พ่อแม่มาร่วมงานด้วยจะดีมากๆ เลยค่ะ”

เซี่ยซิงเฉินก้มหน้ามองเซียต้าไป เซียต้าไปพึมพำ “ปกติ คุณพ่อผมยุ่งมาก…..

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่น้ำเสียงกลับเศร้ามากอย่างชัดเจน เซี่ยซิงเฉินสงสารเหลือเกิน
พูดตามตรง ในช่วงแรกที่ให้เด็กน้อยอยู่กับบิดา เธอแอบ หวังอยู่ลึกๆ ว่าไม่อยากให้เด็กน้อยพึ่งพิงเขามาก อย่าผูกพัน กับเขามาก กลัวว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันเกินไป แต่ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นกลับค่อยๆ เปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว

ใจเธอเองก็หวังให้เขาสามารถมีกิจกรรมร่วมกับลูกได้ไม่ มากก็น้อย ให้เวลากับลูกมากกว่านี้ แต่สถานะของเขาดัน

“ฉันจะบอกเขาเอง วันอาทิตย์ประมาณกี่โมงคะ?”

“เริ่มตอนเก้าโมงเช้าค่ะ

“ได้ค่ะ” เซี่ยซิงเฉินรับค่ “ขอบคุณคุณครูนะคะ

เธอจูงมือเซียต้าไปเดินออกจากโรงเรียน ฉงมารออยู่ หน้าโรงเรียนแล้ว พอเห็นพวกเขาทั้งสองเดินมาก็รีบเปิดประตู รถรอทันที

เมื่อขึ้นรถเซียต้าไปก็พูดงุบงิบ “หม่าม แม่ว่าเราจะบอก ให้คุณพ่อมาได้ไหม?”

เธอไม่ตอบ ความจริงตอนนี้ไม่ใช่ว่าควรแจ้งให้เขารู้ หรือไม่ แต่ปัญหาคือแจ้งเขาแล้วเขาก็ไม่อาจมาได้ต่างหาก

“ช่างเถอะ เสี่ยวไปยุ่งขนาดนี้ แม่ไปกับผมก็พอแล้ว” เซียต้าไปพูดต่อ จากนั้นก็พูดเสริมอีกประโยคเป็นเชิงปลอบใจ ตัวเอง “ยังไงโรงเรียนเราก็มีแบบผมอีกเยอะที่คุณพ่อไม่ว่าง มา”

เซี่ยต้าไปพูดความจริง โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนผู้ดีอันดับหนึ่งของประเทศ เด็กที่เรียนที่นี่ล้วนเป็นบุตรหลานของตระกูล ผู้ร่ำรวย หรือไม่ก็เป็นบุตรหลานของคนใหญ่คนโต คนเหล่านี้ มีงานในมือมากมาย เด็กน้อยจึงมักถูกพวกเขาเพิกเฉยไปเสีย อย่างนั้น

“ไม่ว่ายังไงคืนนี้ก็ลองถามดูละกัน” เซียซิงเฉินมือลูบ ศีรษะเล็กของเด็กน้อย

สำคัญคือสถานะของเด็กน้อยที่ห้ามเปิดเผย หากให้สื่อ นำเสนอข่าวออกไปล่ะก็ ตอนนั้นเซียต้าไปต้องเต็มไปด้วย อันตรายอยู่ทุกช่วงเวลา เซียซิงเฉินไม่มีทางยอมใช้ชีวิตที่ต้อง คอยหวาดระแวงแบบนั้นทุกวันเป็นแน่แท้

กลางคืนกลับไป หลังทั้งคู่ทานอาหารเย็นเสร็จ เซียต้าไป นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแล้วถีบขาเล็กทั้งคู่ไปมากลาง อากาศ

“ต้าไป แม่บอกหลายครั้งแล้วว่าห้ามอ่านหนังสือแบบนี้ จะเสียสายตานะ” เซียซิงเฉินถือถาดผลไม้เข้ามา พูดเตือนเขา ไปที มือตบ ๆ ที่โต๊ะหนังสือเล็กตรงมุม “มาทำการบ้านตรง

เซียต้าไปพูดตอบรับ จากนั้นก็ถือหนังสือไปนั่งที่โต๊ะ หนังสืออย่างเชื่อฟัง เด็ดองุ่นลูกเล็กเข้าปากเคี้ยวอย่าง เอร็ดอร่อย

เซี่ยซิงเฉินสีหน้าหนักใจ เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่ สนใจเขาอีก ยืนอยู่ห้องนั่งเล่น ถือโทรศัพท์ลังเลอยู่พักใหญ่ถึงตัดสินใจกดโทรออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย แต่กลับไม่ได้โทร ออกมาสักพักหนึ่งแล้ว

คราวก่อนเขาเตือนให้ตนรักษาระยะห่างกับเขา ตนโทร หาเขาแบบนี้อีกไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร…

ดังอยู่ครู่ใหญ่อีกฝั่งของสายถึงรับ

“…” เขาเงียบ ไม่ได้ปริปากพูดก่อน ได้ยินเพียงเสียงลม หายใจหนักๆ ของชายหนุ่มจากอีกฝั่ง ในยามค่ำคืนเช่นนี้เธอ ฟังแล้วกลับรู้สึกบีบรัดที่หัวใจแปลกๆ

เหมือนจะเป็นเพราะไม่ได้ยินเสียงของเธออยู่นาน เขาที่รอ อยู่อีกฝั่งเริ่มทนไม่ไหว เปิดปากถาม “มีเรื่องอะไร?

เธอเพิ่งได้สติ “อืม อยากถามคุณว่าวันอาทิตย์คุณว่าง

ไหม…”

ไปเย่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงได้พูดเสียงเรียบ “เซี่ยซิงเฉิน คุณกำลังนัดผมเดทเหรอ?”

อืม พอท่านประธานาธิบดีหลงตัวเองขึ้นมาก็หลงตัว

เองสุดๆ

อีกอย่างเขาก็ช่างเข้าใจผิดเสียจริงๆ

เซี่ยซิงเฉินรีบแก้ตัว “อีกไม่นานต้าไปก็จะปิดเทอมฤดู หนาวแล้ว ที่โรงเรียนเลยมีกิจกรรมครอบครัว ต้องการให้พ่อ แม่ร่วมงานด้วย ก็เลย…มาถามคุณว่าว่างไหม
ไปเย่นิ่งไม่ตอบเธอ

เซียซิงเฉินรอไปครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงก็ถอนหายใจ “ถ้าคุณมาไม่ได้ต้าไปก็เข้าใจคุณ ฉันรู้ว่าคุณทำไม่ได้เพราะ ความปลอดภัยของเขาเอง ฉันจะอธิบายกับเขาดีๆ

เพิ่งสิ้นเสียงของเธอ จู่ๆ อีกฝั่งของสายก็กดตัดสาย ไม่รอ ให้เธอทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูของอีกห้องที่เชื่อมอยู่ ถูกเปิดออก เดิมทีตอนที่มารดาอาศัยอยู่ที่ ประตูบานนี้เสียซิง เฉันไม่เคยปิด แต่พอมารดากลับไป ฝั่งนั้นว่างเปล่า ทำให้เธอ รู้สึกอ้างว้าง เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก ช่าง ทรมาน เธอจึงปิดประตูนั้นไว้ และตอนนี้เธอยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่าง นั้น

ชายหนุ่มที่เมื่อกี้ยังโทรคุยกับตนอยู่นั้น กลับยืนอยู่ตรง หน้าตน ในเวลานี้

เธอยืนนิ่งค้างค่าโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น มองเขาพร้อมใจที่ สั่นไหว จู่ๆ รู้สึกเหมือนฝันไป

พักหนึ่ง เมื่อเขาเดินเข้าใกล้ เธอถึงปริปากเอ่ยเสียงออก มาได้ คุณ…มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

เขาเพียงตอบกลับเธอสั้นๆ “บ้านผม

ก็ถูก เซี่ยซิงเฉินรู้สึกว่าตนถามคำถามโง่ๆ ออกไป ข้างๆ นั้นเป็นที่ของเขา เขาอยากมาก็ย่อมมาได้

“เมื่อกี้คุณบอกว่ากิจกรรมครอบครัว ประมาณกี่โมง” เขาถามเสียงนิ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยร่างที่สูงใหญ่ เหนือศีรษะมีแสง ไฟสาดส่องลงมา พลางกลบพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันอย่าง

ระยะใกล้ชิดขนาดนี้ เซียซิงเฉินแทบได้กลิ่นกายของเขาที่ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง เขามาตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมคืนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่? ในเมื่อเขาบอกเองว่าให้เธอรักษา ระยะห่างกับเขา แล้วตอนนี้ตัวเขาเองปรากฏตัวอยู่ที่นี่เพื่อ อะไรกัน?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ