สวัสดีประธานาธิบดีที่รักของฉัน

ตอนที่ 236 มีความรักไม่ได้เท่ากับมี อนาคต (2)



ตอนที่ 236 มีความรักไม่ได้เท่ากับมี อนาคต (2)

พ่อบ้านพาเธอไปยังห้องทานอาหาร “รอสักครู่นะครับ ห้องครัว กำลังเตรียมอาหารเช้าเบาๆ ให้คุณ

เซี่ยซิงเฉินพยักหน้าแล้วเดินไปห้องทานอาหาร กำลังจะ ถามพ่อบ้านว่าเขายังอยู่หรือไม่ก็เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ อาหาร เขาสวมชุดที่ดูเรียบร้อยเป็นทางการด้วยชุดสูทดำทั้ง ตัว นั่งรับประทานอาหารอย่างสง่าอยู่ตรงนั้น เหลิงเฟยกำลัง รายงานตารางงานของเขาในวันนี้ให้เขาฟังอยู่ด้านหลัง เขา บอกว่าต้องหาเวลาว่างช่วงบ่ายออกมาให้ได้

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเซีย” เอ่ยได้ครึ่งหนึ่ง เหลิงเฟยก็เงย หน้าทักทายเธอ

ต่อจากเสียงของเขา สายตาไปเฉิงก็ทอดมองมาที่เธอ เดิมทีเขาเป็นขี้โมโหอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าจนตอนนี้ยังโกรธเธอ อยู่เพียงเพราะประโยคที่เธอพูดเมื่อคืน สีหน้าเย็นชาดังเดิม สายตากวาดผ่านเธอเพียงวินาทีเดียวแล้วเป็นหนี ไร้แววใดๆ

เซี่ยซิงเฉินทำเพียงแค่ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อตอบรับค่า ทักทายของเหลิงเฟย ไม่รอคนรับใช้ เธอดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง ห่างจากไปเฉิงเพียงแค่ที่นั่งเดียว เขาชายตาขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง ปากบางเม้มแน่นไม่พูดจา

เธอไร้ชีวิตชีวา ในหัวมีแต่เรื่องของลูก คนรับใช้เข็นรถ อาหารมาเสิร์ฟอาหารเช้า เธอก็ทำได้แค่ทานไปเรื่อยๆ รสชาติ เหมือนขี้ผึ้ง ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย

ไปเย่นิ่งมองท่าทางเช่นนั้นของเธอก็เกิดไม่อยากอาหาร

ขึ้นมา กระแทกอุปกรณ์ทานอาหารลง ลุกขึ้นก้าวเดินออกจาก ห้องทานอาหาร เมื่อรอเขาไปแล้วเซี่ยซิงเฉินเพิ่งรู้สึกตัวทีหลังว่าตนมอง

แผ่นหลังนั่นแล้วถอนหายใจ

ระหว่างทางที่ไปสำนักงาน ภายในรถ ท่านประธานาธิบดี ทำหน้าตึงตลอด ไม่พูดสักคำ เหลิงเฟยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพอ เดาได้ว่าเป็นเรื่องของคุณเซีย เช้านี้มองดูพวกเขาก็รู้สึกว่า แปลกไป จึงทำได้เพียงปิดปากไม่พูดอะไร

ถึงกลางทางเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น

บนจอเป็นเบอร์โทรของเธอ

เขาปล่อยให้เสียงดังประมาณห้าครั้งถึงยกขึ้นแนบหู

“มีอะไร?” ค่าเย็นชาสองพยางค์

“ลูก วันนี้คุณจะไปรับไหม?” เงียบสักครู่ สุดท้ายเธอก็ เอ่ยปากอย่างอึดอัด
เขาขมวดคิ้ว “คุณวางใจได้ วันไหนถ้าผมแต่งงานกับผู้ หญิงคนอื่นจริงๆ ลูกก็ยังเป็นของคุณ! คำพูดของผมเมื่อวาน ไม่มีทางเปลี่ยนไปเพียงเพราะผมแต่งงานกับคนอื่น

น้ำเสียงเย็นชาจนเธอต้องเก็บคำพูดอื่นไว้

“ยังมีเรื่องอื่นไหม?” ไปเย่นิ่งถามเสียงตึง

เดิมทีอยากบอกว่าวันนี้เธอจะไปสัมมนาที่ต่างประเทศ… แต่ขยับปากไปมาสุดท้ายก็บอกไปเพียง “ไม่มีแล้วค่ะ….

หลังจากวางสาย

เซี่ยซิงเฉินนั่งอยู่ข้างกระเป๋าเดินทางในห้องเช่าหลังเล็ก ถอนหายใจ เงินหมิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกข้างแล้วมองเธอ “ทะเลาะกันใช่ไหม?”

“…เปล่าค่ะ” เธอสายศีรษะ

เงินหมื่นเห็นท่าทางไม่อยากพูดของเธอจึงไม่ถามไถ่อะไร

อีก

“กินยาหรือยัง? แม่ว่าสีหน้าลูกแย่แบบนี้ ไปสัมมนาจะ ไม่มีปัญหาแน่นะ?” เงินหมิ่นเป็นห่วง ตอนเปิดประตูเมื่อครู่ เห็นสภาพของเธอก็ทำให้ตกใจไม่เบา ใบหน้าที่มีแผลนั่นอีก พอถามถึงรู้ว่าไปหกล้มกลางถนนที่ฝนตกหนักเมื่อวาน

“ไม่เป็นไรหรอก ลูกพกยาไว้ในกระเป๋าเดินทางแล้ว บิน แปดชั่วโมงลูกจะนอนพักบนเครื่อง พอนอนสักหน่อยหวัดคง หาย”
เงินหมิ่นลูบแผลบนใบหน้าเธอ ไม่กล้าออกแรง ทำเพียง แตะเบาๆ เธอก็เจ็บจนหดหน้ากลับไป เงินหมิ่นพูด “โตขนาดนี้ แล้วทำไมยังเหมือนเด็กเลยล่ะ แค่เดินก็ล้มได้

เซี่ยซิงเฉินหัวเราะไม่พูดอะไร เงินหมิ่นเก็บเสื้อผ้าที่พับ เสร็จแล้วไว้ในกระเป๋าเดินทางของเธอ

“แม่ ลูกไปไม่กี่วันคงดูแลแม่ไม่ได้ เว่ยยังจะมาบ่อยๆ แม่ มีอะไรก็บอกเธอนะ คนกันเองทั้งนั้น

“แม่รู้ ลูกก็ไปทำงานเถอะ อย่าเป็นห่วงแม่เลย

“อืม ส่วนต้าไป…” เซียซิงเฉินกล่าว “ถึงตอนนั้นให้เขาอยู่ ที่ทำเนียบประธานาธิบดีนะคะ อยู่ที่นี่จะกลายเป็นว่าแม่ต้อง ดูแลเขาอีก”

“เขาอยากอยู่ไหนก็อยู่นั่น เขาโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องห่วง

มากมาย มีเขาอยู่แม่ก็มีเพื่อนคุยด้วย

ได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนี้ เซี่ยซิงเฉินจึงไม่ว่าอะไรอีก

สิบโมงกว่า เธอถึงสนามบินตามเวลานัด ภายในห้อง รับรองแขก VIP แขกส่วนใหญ่ทยอยมาถึงกันแล้ว เซี่ยซิงเฉิน เดินไปแนะนำตัวแถมจับมือทักทายกับพวกเขาทีละคนๆ จาก นั้นก็ไปเตรียมข้อมูลอยู่ข้างๆ อาการยังคงมึนๆ อ่อนแรงไปทั้ง ตัว

ตอนนั้นเองเซียวซินและหญิงสาวอีกคนนามว่าหร่วนซึ่งกำลังดื่มเครื่องดื่มร้อนพลางนั่งลงตรงข้ามเธอ เธอได้ยินสอง คนพูดคุยกันเสียงเบา

“เธอว่าจริงไหม? บนใบรายชื่อไม่มีเขา

“ฉันก็เพิ่งรู้เอง เพิ่มมาทีหลัง น่าจะจริงแหละ

เชียวชนตื่นเต้นขึ้นมา “ถ้าจริงก็ดีสิ เขาไม่ได้พาล่ามของ ตัวเองมาด้วยสินะ?”

พูดถึงตรงนี้เธอก็วางเครื่องดื่มร้อนในมือลง “ไม่ได้ ฉันจะ ดื่มไม่ได้แล้ว อันนี้แคลอรี่สูง ฉันต้องรักษาหุ่นไว้ให้ดี” ขณะที่ พูดก็ควักกระจกมาจากกระเป๋า ส่องไปมาแล้วเติมเครื่อง สําอาง “อีกเดี๋ยวต้องให้เขาเลือกฉันเป็นล่ามให้ได้

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก!” หร่วนซึ่งก็เริ่มเติม เครื่องสําอาง

เซี่ยซิงเฉินไม่รู้ว่าใครคือคนที่เธอสองคนกำลังพูดถึง เพียงแค่เหลือบมองพวกเธอแวบหนึ่งแล้วเคาะลงแป้นพิมพ์ โน้ตบุ๊กของตนอีกครั้ง หร่วนซึ่งมองเธอแวบหนึ่ง กล่าวอย่าง สนิทสนม “ซิงเฉิน เธอไม่แต่งหน้าเลยสีหน้าดูแย่มากนะ แต่ง หน้าหน่อยไหม? ฉันมีเครื่องสำอาง ให้เธอยืมนะ

“ไม่ต้องหรอก” เซี่ยซิงเฉินสายศีรษะ “อยู่บนเครื่องนาน ขนาดนั้น แต่งหน้าจะไม่ค่อยสบายตัว ฉันอยู่แบบนี้แหละ ยัง ไงนอกจากพวกเธอก็ไม่มีใครรู้จักฉันแล้ว

หร่วนชิงหัวเราะพร้อมเก็บเครื่องสําอางกลับไป “นั่นสิ ยังไงเธอก็สวยอยู่แล้ว หน้าที่เป็นทุนเดิม ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวย กว่าเรา

ใบหน้าเล็กจมูกบิดปากหน่อย ไม่แต่งหน้าแต่กลับใส

กว่าเดิม

แม้สีหน้าจะดูแย่ แต่ก็มีความสวยแบบกำลังป่วย ยิ่งขับ อย่างไรไหว?

ให้สวยงามจนน่าใจสั่น ท่าทางแบบนี้จะไม่ให้ผู้ชายเอ็นดู

เซียวในไม่ชอบคำพูดของหร่วนซึ่งเป็นอย่างมาก เหลือบ มองเซียซิงเฉินแวบหนึ่ง “เขาไม่อยากแย่งเราหรอก เธอต้อง เป็นคนที่ท่านประธานาธิบดีถูกใจ สวยขนาดนี้ท่าน ประธานาธิบดีต้องชอบเธอแน่!”

คำพูดนี้แฝงนัยประชดอยู่หน่อย คราวก่อนเธอพูดคุ ยกับเว่ยยัง คำพูดล้อเล่นของเว่ยยังคงเข้าหูเซียวซิน เธอมา จนถึงตอนนี้และประชดมาถึงตอนนี้ เซียซิงเฉินไร้คำพูดอื่นแล้ว เซียวซินเป็นคนขี้อิจฉา ตอนที่กระทรวงการต่างประเทศรับเซีย ซิงเฉินเข้าทำงานอีกครั้งเป็นกรณีพิเศษ ก็ไม่ชอบใจเป็นอย่าง มากแล้ว จากนั้นในงานเปิดประมูลเพื่อการกุศลนั้น ชุดราตรี และเครื่องเพชรบนกายเธอกลายเป็นจุดสนใจ ใจขี้อิจฉาของ เซียวซินยิ่งเก็บไว้ไม่ผิด

เซี่ยซิงเฉินไม่พูดต่อ แค่อดนึกถึงไปเย่นิ่งไม่ได้ ตอนนี้เขายังโกรธตนอยู่หรือเปล่า?
ความจริงคำพูดของเธอเมื่อคืนไม่ใช่เพราะมีสติหรือ ใจเย็น แต่เป็นเพราะเดี๋ยวได้เดี๋ยวเสียบ่อยเกินไป

สําหรับเด็กน้อย เดี๋ยวเธอได้เดี๋ยวเธอเสีย คล้ายว่าไม่ทัน ระวังก็จะเสียไป กับเขา…ยิ่งกว่าเดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย…เพราะเธอ ไม่เคยรู้สึกว่าได้ครอบครอง ข้างกายเขาเหมือนไม่มีผู้หญิงคน ไหน แต่กลับมีผู้หญิงสถานะไม่ธรรมดาแย่งกันจะแต่งงานกับ เขา แถมแต่ละคนยังมีสิทธิ์แต่งงานกับเขามากกว่าเธอ…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ