ตอนที่ 231 เยาไปหายตัวไป (1)
สุดท้ายจึงตกลงตามนั้น
เซียซิงเฉินกลับไปทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ดีที่ ร่างกายเงินหมิ่นดีขึ้นทุกวันๆ แม้ส่วนมากยังต้องการคนดูแล คอยอยู่เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้การจะลงจากเตียง หรือทำบางสิ่ง ในชีวิตที่ทำได้ก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
วันนี้
เซี่ยซิงเฉินได้รับคำสั่งให้ติดตามทีมงานในประเทศไป สัมมนาที่ประเทศ Y เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เนื่องจากพนักงานมีน้อย จึงไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ เธอจึงจำ ต้องรับปาก
เดินออกจากกระทรวงการต่างประเทศพร้อมฉือเว่ยยัง มองดูฟ้าที่มืดครึ้มเล็กน้อย ตอนนี้อากาศเย็น แถมตอนนี้ยังฝน ตกหนัก ยิ่งทำให้มืดไปกันใหญ่ หนาวจนรู้สึกแย่
“อากาศมันหนาวขึ้นจริงๆ เลยนะ” ถือเว่ยยังกางร่มสับ เท้าไปมาเพื่อรอรถแท็กซี่ เซี่ยชิงเฉินยืนชิดติดเธอไว้เป็นการ ขอความอบอุ่น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเลิกงานแถมฝนยังตก ถนน ใจกลางเมืองคงรถติดน่าดู รอไปพักใหญ่ก็ไม่มีรถมา ขณะที่ทั้งสองหนาวจนแทบจะถอยกลับเข้าไปรอให้ผ่านช่วงเวลาเลิกงาน ในกระทรวงก่อนนั้น มีรถคันหนึ่งค่อยๆ จอด เทียบข้างถนน หน้าต่างถูกลดลง กลับเป็นเงิน
ฉือเว่ยยังนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เบนสายตาหนิ
ทำเป็นมองไม่
เห็น
“ขึ้นรถ” เฉินเรียก แต่ถือเว่ยยังก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เซียซิงเฉินหนาวจนแทบทนไม่ไหวจริงๆ ใจอยากเข้าไปพึ่งต เตอร์สักหน่อย แต่เจ้าตัวที่ถูกเรียกกลับยืนนิ่งไม่ขยับ แล้วเธอ จะกล้าขยับได้อย่างไร? เฉินปกติผ่าตัดจึงมีความอดทนสูง แต่ตรงหน้าเห็นคือเว่ยยังหนาวจนปากซีด สั่นเทิ้มไปทั้งตัว แต่ ยังดื้อกับเขา จู่ๆ ก็หมดความอดทนขึ้นทันใด
เปิดประตูไม่แม้แต่กางร่ม เดินลงมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เมื่อครู่ถือเว่ยยังยังมีสีหน้าบึ้งตึงเพราะความโกรธ พอเห็นเขา ฝ่าฝนลงมาทั้งอย่างนั้นก็หลุดทันที แทบจะยื่นร่มให้เขา โดย อัตโนมัติ
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นหมอเลยเก่งนักเห รอ เลยป่วยเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม?”
เมื่อกี้เฉินยังตีหน้าบึ้งตึง แต่เพราะประโยคของเธอ
ประโยคนี้สีหน้าของเขาเลยพลันอ่อนโยนขึ้นเป็นกอง ถอดเสื้อ นอกบนตัวคลุมให้เธอ อีกมือรับร่มเธอไว้ ส่วนอีกมือก็เปิด ประตูรถ “ขึ้นรถ”
ฉือเว่ยยังเห็นว่าเขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ต ไม่หนาวแปลก! แสร้งตีหน้าแขยงพลางถอดเสื้อคลุมออก “ฉันไม่เอา เสื้อของคุณเปียกหมดแล้ว คุณใส่เองเถอะ
เฉินกดมือไว้ ไม่รอให้พูดอะไรก็ยังเธอเข้าไปในรถ ทันที จากนั้นหันมามองเซียซิงเฉิน “ขึ้นรถเถอะ ผมจะไปส่ง พวกคุณเอง”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ” เซียซิงเฉินยิ้มให้อย่าง ขอบคุณ เข้าไปในรถ ฮีตเตอร์ได้ทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดี เธออุ่นขึ้นมาก มองอีกที ฉือเว่ยยังหยิบกระดาษทิชชูจาก กระเป๋าพลางยื่นให้ฟู่เฉินเม็ดหยดน้ำที่เปียก
ปากบอกไม่สนใจมากเท่าไร สุดท้ายก็สู้การกระทำเล็กๆ
ครั้งเดียวไม่ได้
ขณะที่เซี่ยซิงเฉินกำลังคิดเช่นนี้อยู่ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอควักออกมาดูเห็นว่าเป็นเบอร์โทรจากคนขับรถพี่ ต้าไป
น่าจะถึงบ้านแล้ว
แต่เพิ่งแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู ก็ได้ยินเพียงเสียงรีบร้อน ของพี่อู๋จากอีกฝั่ง
“คุณเซีย แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“คุณชายเล็กหายตัวไป
เซี่ยซิงเฉินหัวใจหล่นวูบสีหน้าขาวซีด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“วันนี้ตอนที่ผมมารับเขา คุณครูบอกว่ามีคนมารับ คุณชายเล็กไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้ผมกำลังดูกล้องวงจรปิด ที่สถานีตำรวจเฉิงซี คุณก็รีบมาเถอะ
สิ้นเสียงพี่อู๋ เซียซิงเฉินก็ลนไปทั้งตัว ในหัวเธอนึกได้เพียง ว่าเป็นการลักพาตัว! ครั้งก่อนซ่งเหวยอลักพาตัวเธอไป ทั้ง ร้ายกาจและรุนแรง ตอนนี้ตระกูลซึ่งลงจากเวทีการเมืองไปแล้ว อาจจะรู้ถึงความเป็นอยู่ของเด็กน้อยเลยคิดแก้แค้น ยิ่งคิดก็ยิ่ง กลัว มือที่กำโทรศัพท์ของเธอสั่นระริก
คือเว่ยยังหันกลับมา แวบแรกก็เห็นท่าทางผิดปกติของ เธอ จึงถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไร? ซิงเฉิน
เดิมทีเซียซิงเฉินอยากขอร้องฟู่เฉินให้ไปส่งตนที่สถานี ตำรวจ แต่พอเงยหน้าก็เห็นว่าทั้งถนนรถติดจนแทบขยับไม่ได้ แล้ว! อย่าว่าแต่จะกลับรถตรงหน้านี้เลย!
เธอไม่มีเวลารีรอแล้ว! ต่อให้รอเพียงวินาทีเดียว สำหรับ เธอก็ทรมานอยู่ดี!
“เว่ยยัง คุณหมอ พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันมีธุระนิด หน่อยขอลงรถก่อนนะ” เธอพูดจบไม่รอให้ทั้งสองได้สติ พลาง หยิบกระเป๋าเปิดประตูรถเดินฝ่าสายฝนออกไป
“ชิงเฉิน! เซียซิงเฉิน เธอบ้าไปแล้วเหรอ!” ถือเว่ยยัง ตะโกนเรียกอยู่ในรถ แต่คนที่ฝ่าฝนอยู่กลางถนนนั้นไม่ได้ยิน อีกต่อไป “แม้แต่ร่มก็ไม่กาง แถมยังวิ่งอีก เกิดอะไรขึ้นกัน แน่?”
เซี่ยซิงเฉินไม่สนว่าจะหนาวหรือไม่ แม้แต่เม็ดฝนขนาด เท่าเมล็ดถั่วที่คมดุจใบมีดตกกระทบใส่หน้า เธอก็ไม่รู้สึกอะไร
เหมือนเป็นบ้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น วิ่งเข้าไปในตรอก
ซอยเพื่อเรียกรถมอเตอร์ไซไว้
“คุณลุง ช่วยไปส่งฉันที่สถานีตำรวจเฉิงซีที” ในที่สุดก็ เรียกได้หนึ่งคัน เธอไม่สนถึงอันตราย พลางยืนขวางอีกฝ่าย ตรงกลางถนน
คนขับรถมอเตอร์ไซตกใจ กะจะอ้าปากกันว่า แต่เห็น ใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนผีของเธอ คำด่าทั้งหมดก็ถูกกลืนกลับ เข้าไปใหม่ กล่าวเพียง “ฝนหนักขนาดนี้ ไปไกลขนาดนั้นต้อง หนาวตายแน่! รถผมมีเสื้อกันฝนแค่ตัวเดียว
“ฉันไม่ต้องใส่เสื้อกันฝนก็ได้ค่ะ ฉันไม่กลัวหนาวด้วย! เซี่ยซิงเฉินเอ่ยจบก็ขึ้นนั่งที่รถมอเตอร์ไซ ทั้งตัวเปียกโชก ย่ำแย่เหลือเกิน ปากบอกไม่หนาวแต่กำลังสั่นไปทั้งตัว
“คุณไม่กลัวหนาวก็ช่าง แต่รถเราจะไป…
“เงินทั้งหมดฉันจ่ายเอง! จะเป็นค่าปรับ หรือโดนรับรถก็ ช่าง เงินทั้งหมดฉันจ่ายเอง!” เซี่ยซิงเฉินกล่าวไปพลางหยิบเงิน เป็นพ่อนออกมาจากกระเป๋า รวมๆ ทั้งหมดก็หลายพัน ยัดใส่ มืออีกฝ่าย “เงินทั้งหมดนี้ไม่พอล่ะก็ฉันจะไปถอนแล้วให้คุณ อีก!”
เงินให้มาแล้ว แถมยังเพียงพอซื้อรถมอเตอร์ไซคึกคัน คน ขึ้นซ้อนท้ายเท่านั้น
ขับจะกล้าปฏิเสธที่ไหนอีกเล่า? รู้สึกแค่ว่าตนรับผู้หญิงคนบ้า
“ถ้าอย่างนั้นคุณนั่งให้ดีล่ะ!” บิดรถแล้วมอเตอร์ไซก็พุ่งตัว ออกไปทันที
เซี่ยซิงเฉินนั่งซ้อนท้ายอยู่ตรงนั้น ลมและฝนคล้ายใบมีดที่ กรีดลงใบหน้าเธอ เธอนึกถึงเซียตาไปจนดวงตาแดง น้ำตา ถูกลมพัดไปท่ามกลางสายฝน
เมื่อเธอไปถึงสถานีตำรวจ คนในสถานีทั้งหมดรวมไปถึง พี่อู๋ก็ตกใจไม่เบา
ใบหน้าเธอซีดเซียว ร่างกายสั่นระริกไปทั้งตัว เสื้อผ้าบน กายเปียกโชก
“รีบไปทำให้ตัวเองอุ่นหน่อยเถอะ อยู่อย่างนี้ต่อไปต้อง
หนาวตายแน่ๆ แม้แต่ตำรวจยังทนดูไม่ได้จึงพูดอย่างใจดี
เซี่ยซิงเฉินกลับฟังไม่เข้าหู เท้าเดินไปทางพี่ “เป็นยัง ไงบ้าง? เห็นเขาจากกล้องวงจรปิดไหม? หาเขาเจอหรือยัง?
ถามไปทีเดียวสามคำถาม จากนั้นน้ำตาก็ไหลทะลักจาก
ดวงตา
พอเห็นสภาพเช่นนี้แล้วก็อดใจไม่ได้ แถมยังรู้สึกผิด “คุณ อย่าเพิ่งกังวลไปมากเลย ตอนนี้ยังตามหาอยู่ ผิดที่ผมเองที่วัน นี้ไปถึงช้าไปหน่อย….
“คุณได้คุยกับไป…พ่อของต้าไปแล้วหรือยัง?” เซียซิงเฉิน ถามพี่อู๋
พี่ก้มหน้า “โทรศัพท์หารองผู้กำกับเหลิ่งแล้ว แต่เป็น เลขาที่รับแทน บอกว่าตอนนี้ท่านกำลังพบแขกนอกอยู่ ผมก็ เลยไม่กล้าพูด…
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ