ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 6 ของขวัญตอนเจอกัน เขาชอบ



ตอนที่ 6 ของขวัญตอนเจอกัน เขาชอบ

ทั้งสองพึ่งเดินเข้าไปในบ้าน คนชุดขาวตัวโตวิ่งออกมา จากด้านในตัวบ้าน เพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดตรงหน้าของพวก

เขา

“พี่ใหญ่ ! ในที่สุดพี่ก็กลับมา ! ”

จู่ลั่วหานเบิกตากว้าง นี….ชุดสูทรสีขาว ผมจัดทรงเอียง ข้างของชายหนุ่ม คือเด็กวัยรุ่นที่ถามทางเมื่อตอนกลาง วัน !

หน้าตาของหลงจื้อและหลงเซียวไม่ได้เหมือนกันมาก รูป ลักษณ์ของพวกเขาก็ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย หลงเชียว แผ่ออร่าความเย็นชายากที่จะเข้าถึง หลงจื้อกลับดูเป็นมิตร ทำให้คนรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดได้

เกิดเรื่องเมื่อตอนกลางวันขึ้น จู่ลั่วหานและหลงจื้อส่งยิ้ม

ให้กัน

“พี่สะใภ้สวัสดีครับ ! ได้ยินมานานแล้วว่าพี่สะใภ้เป็นผู้ หญิงที่สวยมากๆ ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอ แต่ว่า พี่สะใภ้สวยกว่าที่เขาลือกันอีกนะครับ พี่ใหญ่โชคดีจริงๆ ! ”

ฉู่ลั่วหานยิ้ม ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลงเชียวก็ทำหน้านิ่ง แล้วพูดขึ้น “ไปอยู่ต่างประเทศไม่ยอมตั้งใจเรียน ได้ยิน ข่าวลือบ้าๆอะไรกัน”

หลงจื้อเกาหัว ทำหน้าล้อเลียน “การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ชีวิตแต่งงานของพี่ใหญ่ผมเองก็ควรให้ความสนใจ”

หลงเซียวปรายตามองเขา จากนั้นยื่นถุงกระดาษที่คนขับ รถยื่นมาให้นั้นกับเขา “นี่เป็นของขวัญเจอหน้ากันที่พี่สะใภ้ ซื้อให้นาย”

ฉู่ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมองหน้าด้านข้างของเขา เพื่อที่จะหา

บางอย่างจากใบหน้าของเขา แต่สีหน้าของเขากลับเอาแต่ มองค้อนไปทางหลงจื้อ ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย

“ขอบคุณพี่สะใภ้มากครับ ! ของขวัญที่พี่สะใภ้เลือกให้ ผมต้องชอบแน่ๆ !”

ฉู่ลั่วหานคลายยิ้ม “ไม่ใช่ของดีอะไรหรอก นายชอบก็ดีแล้ว”

ท่าทางของหลงเซียวนิ่งไปครู่หนึ่ง

“พ่อกับแม่รออยู่ด้านในแล้วครับ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ เรา เข้าไปด้านในกันเถอะครับ ! ”

หลงเซียวไม่พูดไม่จา เดินสาวเท้าเข้าไปด้านใน หลงจี้ อปรายตามองฉู่ลั่วหาน คิดบางอย่างขึ้นมาได้ แต่กลับส่าย หน้าแล้วปฏิเสธความคิดของตนเอง

“บอกให้พวกเราเข้าไป นายยังจะยืนบื้ออยู่ทำไม?” ขณะ ที่กำลังเดินขึ้นบันได หลงเชียวหันไปพูดกับหลงจื้อที่ยังคง ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“มาแล้วครับๆ กำลังชื่นชมวิวตอนกลางคืนไงครับ ! ” หลง %3D

จื้อรีบวิ่งตามไป

จู่ลั่วหานบ่นพึมพำในใจ พี่น้องไม่ได้เจอกันห้าปี ถ้าเป็น ไปตามปกติแล้วนั้น ควรจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไม่ใช่หรอ อย่างเช่น “สูงขึ้นแล้ว หล่อขึ้นแล้ว” ต้องคำพูดประมาณนี้ ไม่ใช่หรอ?
ที่ คิดๆดูแล้ว ถ้าคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากหลงเชียว

จริงๆ จะต้องน่ากลัวแค่ไหน

ทั้งสองคนเดินเข้าบ้านไล่เลี่ยกัน ขณะที่กำลังเปลี่ยนเป็น รองเท้าใส่ในบ้านนั้น จู่ลั่วหานต้องแกะสายรัดรองเท้าสัน สูง ในมือถือกระเป๋าเอาไว้จึงลำบาก ขณะที่กำลังจะวางไว้ บนชั้นรองเท้า มือของทั้งสองคนก็ยื่นมาพร้อมกัน

มือของหลงเซียวและหลงจื้อลอยค้างอยู่บนอากาศ หลงจื้อดึงมือกลับ หลงเชียวรับกระเป๋าเธอเอาไว้ จากนั้น เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไป

ฉู่ลั่วหานตกใจ ท่าทีของเขาเมื่อกี้ กำลังแสดงบทคู่สามี ที่รักใคร่กลมเกลียวต่อหน้าน้องชายหรือไง?

ที ลำบากเขาแล้วจริงๆ

หลงจื้อคล้ายยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “พี่สะใภ้ครับ พี่ใหญ่

ใส่ใจพี่สะใภ้จัง”

จู่ลั่วหานไม่ได้ปฏิเสธ “อั้ม ดี”
หลงจื้อจึงพูดเสริม “พี่สะใภ้ครับ พี่อย่ามองว่าพี่ใหญ่ของ ผมจะดูเย็นชาเอาแต่ใจ แต่เวลาที่เขาอบอุ่นขึ้นมานั้นกลาย เป็นผู้ชายอบอุ่นไปเลยนะครับ”

จู่ลั่วหานมองดูแผ่นหลังกว้างของหลงเซียว กระตุกยิ้ม ในพจนานุกรมของหลงเชียวมีคำว่าอบอุ่นด้วยหรอ? อย่า

ไร้สาระเลย

โคมไฟคริสทัลขนาดใหญ่ส่องสว่างห้องรับแขก โซฟา สีแดงตัวยาวว่างอยู่ หลงถึงกำลังใช้กรรไกรตัดแต่งดอก กล้วยไม้ซึ่งวางอยู่บนชั้นวางวัตถุโบราณ

“พ่อครับ”

“พ่อคะ”

ทั้งสองร้องเรียกพร้อมกัน หลงถึงไม่แม้แต่จะเงยหน้า ยัง คงตั้งใจตัดแต่งดอกกล้วยไม้ด้วยความใส่ใจ “กลับมาแล้ว หรอ ไปนั่งที่ห้องรับแขกก่อนสิ”

“ครับ”

“ค่ะ..”
ห้องรับแขกที่เงียบเฉียบ ทำให้คนรู้สึกหายใจลำบาก

หลงจื้อแย่งเอากรรไกรจากมือของหลงถึงมา แขนยาวนั้น ขวางไป พูดขึ้นอย่างหยอกล้อและจริงจัง “พ่อครับ ไม่ง่าย เลยกว่าผมจะได้กลับมา พ่อเอาแต่ดูดอกไม้ไม่สนใจผม ผมเสียใจนะครับ”

หลงถึงกวาดตามองใบหน้าของลูกชาย “โตแล้ว ไม่ยอม เรียนรู้เรื่องดีๆ แต่กลับเรียนรู้ที่จะมาออดอ้อน”

“แหะๆ ใครให้พ่อเป็นพ่อของผมละครับ ถ้าผมไม่อ้อนพ่อ แล้วจะให้ผมอ้อนใคร มาครับๆ พ่อ เรามานั่งด้วยกัน”

ท่าทีของหลงจื้อทำให้ฉู่ลั่วหานตกใจจนหัวใจกระสับ กระส่าย ให้ตายสิ เจ้าเด็กหลงจื้อคนนี้ใจกล้ามาก ถึงขั้น กล้าทำตัวน่ารักต่อหน้าหลงถึง?

สิ่งที่แปลกกว่านั้นก็คือ หลงถึงกลับไม่ได้โมโหแต่อย่าง

ใด?

ในความทรงจำ หลงถึงเป็นคนไม่พูดไม่ยิ้ม เอาแต่ทำหน้า นิ่งทั้งวัน ทุกอารมณ์ของเขาเหมือนก้อปปี้แล้ววาง
แต่เมื่ออยู่กับหลงจื้อ กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน

“กลับมากันหมดแล้ว ให้ทางห้องครัวเตรียมเสิร์ฟอาหาร

ได้”

เสียงอ่อนโยนของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นมาจากชั้น สอง หยวนชูเฟินสวมชุดกี่เพ้าปักดอกไม้เสียเลือดหมูเดิน จับราวบันไดลงมาจากชั้นสอง หยวนชูเฟินที่อายุมากกว่า ห้าสิบปีแล้วนั้นดูแลตนเองอย่างดีจนถึงตอนนี้ใบหน้าของ เธอไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ผมสาวสลวยมวยเป็นทรง ปัก ด้วยปิ่นปักผม มือที่จับราวบันไดนั้นสวมแหวนเพชรสีน้ำเงิน สองเม็ดใหญ่ รูปร่างอวบอิ่ม เดินลงมาอย่างเชื่องช้า

ทั้งสามคนรีบลุกขึ้น หลงเซียวเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง “แม่ ครับ”

คนด้านหลังยังไม่ทันได้ร้องเรียก หยวนชูเฟินก็ดึงมือ ลูกชายตนเองไปวางไว้บนมือจากนั้นตบเบาๆ มองดู ใบหน้านั้นด้วยความปวดใจ “อั้ยย๊า ทำไมผอมลงละลูก? ไม่ได้กลับมาแค่ไม่กี่วัน กลับผอมแบบนี้ บอกให้ลูกๆอยู่ ที่บ้าน กลับไม่ยอมฟัง อยู่ข้างนอกใครจะเป็นคนดูแล? ดู สีหน้าสิ.”
ในใจของคู่ลั่วหานหัวเราะในลำคอ การเหน็บแนมของแม่ สามีนั้น ขั้นสูงจริงๆ

“ผมสบายดีครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าควรจะจัดการยังไงกับชีวิต” หลงเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำ เสียงรำคาญเล็กน้อย

หลงจื้อจงใจขยับเข้าไปใกล้หลงเซียว “พี่ใหญ่แก้มแดง และมันวาว ดูดีไม่น้อยนิครับ ผมว่าพี่สะใภ้ดูแลพี่ใหญ่ได้ ไม่เลวเลย”

หยวนชูเฟินไม่ได้ตอบ แต่กลับหันไปมองจู่ลั่วหาน “เธอ อยากจะอยู่โรงพยาบาลทำอะไรก็ช่างฉันไม่ยุ่ง แต่เมื่อ กลับมาถึงบ้าน สามีต้องเป็นทุกอย่างของเธอ มีปัญญา ดูแลคนป่วยที่โรงพยาบาล สู้อยู่บ้านดูแลผู้ชายของตัวเอง ให้ดียังจะดีเสียกว่า”

หลงเซียวขมวดคิ้ว “วันนี้เป็นวันแรกที่เสี่ยวจื้อกลับมาจาก ต่างประเทศ แม่อย่าผิดประเด็นสิครับ”

นี่ เขากำลังช่วยเธอพูดอยู่หรอ?

ฉู่ลั่วหานเม้มปาก ต่อหน้าแม่สามี เธอไม่มีที่ยืนแม้แต่น้อย ตอนนี้หลงเซียวผอมลงเพราะป่วย คนแรกที่ต้องรับ

ผิดชอบความผิดนี้ก็คือเธอ

“แม่ค่ะ ช่วงนี้หลงเชียวทำงานหนักมาก ต้องอยู่ทำงานที่ บริษัทจนดึกดื่น กลับมาถึงบ้านก็กลางดึกแล้ว เขากลับมา ดึกเกินไป อาหารทำเสร็จแล้วเอาไปอุ่นใหม่ก็ทำให้เสีย รสชาติ ดังนั้นจึงไม่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ หลังจากนี้ หนูจะรอให้เขากลับมาแล้วค่อยทำอาหารนะคะ จะได้สด ใหม่มากกว่าเดิม”

่ลั่วหานมโนร่ายยาว ด้านหนึ่งก็พูดเอ่ยชมการทำงานที่ ขยันขันแข็งของหลงเชียว ด้านหนึ่งก็ปกปิดความจริงเรื่อง ที่พวกเขาทั้งสองคนแยกกันอยู่ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เธอสามารถตอกกลับแม่สามีได้ครั้งหนึ่ง

เธอพูดแบบนี้ เป็นจริงตามนั้นหยวนชูเฟินไม่สามารถพูด อะไรขึ้นมาได้อีก ทำได้เพียงหน้านิ่งแล้วตอบอื้มเบาๆ

หลงเซียวกระตุกมุมปาก ผู้หญิง คุณมีความสามารถใน การโกหกไม่น้อย

หลงจื้อเอ่ยชม “พี่ใหญ่วาสนาดีจริงๆครับ ! แต่งงานกับภรรยาที่ดีแบบนี้อย่างพี่สะใภ้ ! ”

อาหารมาวางไว้บนโต๊ะแล้ว ทุกคนนั่งลงบนที่นั่ง หลังจาก ที่ทุกคนนั่งลงกันครบหมดแล้วหยวนชูเฟินจึงพูดถึงเรื่อง เมื่อกี้อีก เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจแต่กลับพูดเหน็บแนมอย่าง เย็นยะเยือก

“ลูกบอกว่าพี่สะใภ้เป็นภรรยาที่ดี? ถ้าเป็นภรรยาที่ดีจริงๆ แต่งงานกันมาสามปีแล้ว ทำไมถึงไม่มีอะไรให้ท้องเลย ห์ แม่อยากจะถามตรงๆ ว่าแบบนี้มันดียังไง ! ”

มือที่จับตะเกียบเอาไว้เพื่อคีบผักของจู่ลั่วหานถึงกับคืบ

ไม่ได้ ต้องวางลง

หลงจื้อยิ้มหรี่ตาจากนั้นตักบล็อกโคลี่ไปวางบนจานของ หยวนชูเฟิน “คุณแม่ไม่เข้าใจเลยครับ สามีภรรยาที่อยู่ต่าง ประเทศในสมัยนี้แต่งงานกันหลายปีก็ยังไม่ยอมมีลูกด้วย กัน พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้พึ่งแต่งงานกันได้แค่สามปี แม่จะไม่ ปล่อยให้พวกพี่ๆใช้ชีวิตกันสองคนก่อนหรอครับ?

หยวนชูเฟินมองหลงจื้อตาขวาง “เสี่ยวจื้อ ลูกได้อะไรมา จากพี่ใหญ่ของลูก ถึงยังคงหน้ามืดตามัวไม่ยอมตาสว่างสักที? ที ไม่อยากมีลูกหรือมีไม่ได้กันแน่ มันคนละ ความหมายกันนะ !”

เสียงทุ้มต่ำของหลงเซียวพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เสี่ยวจื้อ นาย ชอบกินปลาไหลริบบิ้น สดและนุ่มกว่าเนื้อปลาของต่าง ประเทศ กินเยอะๆหน่อย”

“ขอบคุณครับพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พี่เองก็กินด้วยสิครับ”

ผิวหนังตรงหน้าของอู่ลั่วหานตึงจนไม่สามารถยิ้มออกมา ได้ พยายามที่กะพริบตา “จ๊ะ”

หยวนชูเฟินพูดเหน็บแนมขึ้นมา “อาหารบนโต๊ะ ไม่มีอัน ไหนที่ช่วยในการทำให้ท้องได้ ถ้ามีใจจริงๆละก็ คนที่เป็น หมอจะไม่เข้าใจหรือไง? ปัญหาหลักยังไม่ได้แก้ไขจัดการ กินเยอะเท่าไหร่จะมีประโยชน์อะไร?”

ู่ลั่วหานกัดฟันกรอด ทุกครั้งที่มา หยวนชูเฟินไม่เคยทำ สีหน้าดีๆกับเธอเลยสักครั้ง วันนี้ต่อหน้าน้องสามี กลับยิ่ง รุ่นแรงมากกว่าเดิม

หลงถึงพูดขึ้น “พอได้แล้ว กินข้าวกันเถอะ”
หยวนชูเฟินจะยอมได้ยังไง หันหน้าไป ยิ้มแล้วพูด ขึ้น”เซียวเอ๋อ ตอนนี้ลูกกับคุณหนูตระกูลโม่ยังติดต่อกันอยู่ ไหม? ผู้หญิงที่ชื่อหรูเฟยคนนั้น”

แผ่นหลังของคู่ลั่วหานเกร็งขึ้นมาทันที เธอหันไปมอง หลงเซียวด้วยสีหน้าตกใจ โม่หรูเฟย ชื่อที่เป็นข้อห้ามนี้ ถูกหยวนชูเฟินพูดอย่างลื่นไหล

หลงเซียวกินไปด้วยและพูดไปด้วย “ยังติดต่อกันอยู่ครับ ช่วงนี้เธอจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าในบริษัทครับ”

หยวนชูเฟินขยับตัวท่อนบน สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้หรูเฟยยังโสดไหม? หรูเฟยเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แม่ชอบมาก เฮ้อ ถ้าตอนนั้.น….เธอปรายตามองคู่ลั่วหาน “ก็คงไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ !”

ฉู่ลั่วหานกัดฟันกรอด เธออยากจะวางตะเกียบลงแล้ว ออกไปทันที !

หลงจื่อมองดูกิริยาท่าทางทุกอย่างของคู่ลั่วหาน รู้จักกัน เพียงไม่กี่นาที เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าฐานะในตระกูลหลง ของพี่สะใภ้ตนเองเป็นอย่างไร ในใจอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชา ตระกูลหลง ที่ !

“คุณแม่ครับ เนื้อเพลงร้องได้ดี สิ่งที่ไม่มีวันได้ล้วนอยาก ได้ คนที่ถูกรักมีที่พึ่งพิงนั้นจะไม่มีความกลัว พี่ใหญ่ แต่งงานกับพี่สะใภ้ แสดงว่าพี่สะใภ้ดีที่สุด ถ้าคนที่ชื่อเฟ ยอะไรนั่นมา ไม่แน่ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกันนะครับ”

หยวนชูเฟินมองหลงจื้อตาขวาง “แกไปเรียนถึงต่าง ประเทศ ก็คือเรียนรู้หลักการเหตุผลบ้าๆพวกนี้หรอ? ฉัน ไม่รู้จักหลักการมีที่พึ่งพิงแล้วจะไม่มีความกลัว ฉันรู้แค่ว่า ใครบางคนไม่ควรที่จะปรากฏตัวมาด้วยซ้ำ !”

พ่นคำพูดออกมาตามตรง แม้แต่สิ่งที่เคยปิดบังเอาไว้ก่อน หน้านี้ก็รู้ทั้งไปจนหมด ความเกลียดที่หยวนชูเฟินมีกับคู่ล วหานนั้นสุดจะบรรยาย

โต๊ะอาหารเงียบในทันที ฉู่ลั่วหานลอบมองไปที่หลงเชียว เดิมที่คิดว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่เปล่าเลย เขายังคงเงียบ เหมือนใช้มือผลักเธอเข้าไปในเหวลึก ด้วยแรงที่หนักและ โหดร้าย

หยวนชูเฟินยังคงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “มีอีกเรื่องหนึ่ง ได้ยินว่าช่วงนี้ธุรกิจของตระกูลฉู่ไปได้ไม่สวย? ที่ คิด จะมาเอ่ยปากขอเงินอีกแล้วใช่ไหม?”

มือของคู่ลั่วหานกำหมัดแน่น นิ้วมือซีดขาว เจ็บปวด เจ็บ ไปจนถึงกันปั้งของหัวใจ เหมือนถูกเย็บปิดอย่างถี่ยิบ

หลงจื้อไม่กล้าพูดขัดขึ้นมาอีก

หลงเซียววางตะเกียบลง “บนโต๊ะกินข้าวไม่พูดเรื่อง งาน อีกอย่าง ไม่ว่าธุรกิจของตระกูลจู่จะเป็นยังไงก็ไม่ เกี่ยวข้องกับตระกูลหลง และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับแม่”

หลงถึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลงเซียว “พูดแบบนี้ เกิด เรื่องขึ้นกับตระกูลจู่ ลูกก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วย?”

หลงเซียวเช็ดมุมปาก เตรียมตัวที่จะออกไปนั้น “ครับ”

ใจของฉู่ ลั่วหาน ตกวูบลงไปบนธารน้ำแข็ง !


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ