ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 323 ถูกปืนข่มขู่



ตอนที่ 323 ถูกปืนข่มขู่

ตอนที่ 323 ถูกปืนข่มขู่

ไป์เวยถอนหายใจแล้วพูดว่า “แผนการโดยละเอียดฉันเองไม่ แน่ใจ เขาไม่บอกฉันหรอก แต่เธอลองคิดดูนะ ฉี่ซีทรานกับเงิน เหลียวถูกทำขนาดนั้น พวกเขาจะหยุดง่ายๆเหรอ ? ”

ลั่วหานหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูๆแล้วน้องสาวฉันจะไม่ยอมรามือ ง่ายๆนะ”

ไปเวยพูดว่า “เงินเหลียวอาจจะตั้งใจเข้ามาทำร้ายเธอโดยตรง ช่วงนี้ไปไหนมาไหนระวังหน่อยแล้วกันนะ เขาทำความร่วมมือ กับMBKแล้วตกหลุมพรางของหลงเชียว ทําให้เขาเสียเงินก้อน ใหญ่ไป เขาคับแค้นใจมากและอาจมาระบายที่เธอก็ได้นะ

ลั่วหานกดปุ่มปากกา ท่าทางของเธอไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “เส้น เหลียวตกหลุมพรางของสามีฉัน เป็นเพราะตัวเขาเองไม่มีสมอง กลับจะมาระบายที่ฉัน ? เหอะๆ ความคิดนี้นอกจากน้องสาวแสนดี ของฉันแล้วจะมีใครคิดแบบนี้กัน ? *

รอยยิ้มของไป๋เวยเปลี่ยนไป “ลั่วลั่ว น้องสาวเธอคนนี้แค้นเธอ มากนะ เธอควรจะระวังตัวให้ดี สองสามวันนี้ฉันเองก็จะคอยดู ความเคลื่อนไหวของเธอด้วย เพราะวิธีการของเสิ่นเหลียวแต่ละ ครั้งค่อนข้างจะบ้าบิ่น เธอต้องระมัดระวังตัวดีๆ
ล้วหานมองไปยังไป๋เวยพูดว่า “เมื่อกี้เธอวิ่งพรวดพราดเข้ามาก็ เพื่อเรื่องนี้ ? ”

“ก็ใช่ เอ่อ ก็ไม่ใช่ อีกเรื่องหนึ่งฉันไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงดี” ไป๋ เวยกัดฟัน มือเรียวงามของเธอจิกลงที่โซฟา ก้มหน้ามองพื้น ดู ออกว่าเธออยู่ในสถานะค่อนข้างอึดอัดใจ

“ระหว่างเราสองคนมีอะไรต้องปิดบังกันด้วยเหรอ บอกมาเถอะ น่าไม่ต้องกลัว ฉันจะช่วยเธอแน่นอน” ลั่วหานยื่นมือออกไปจับมือ เธอ

ไป์เวยขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมา “เธอรู้จักกู้เยนเซินดี ไหม ? ”

“หม ? ” คาดไม่ถึงว่าไป์เวยจะพูดถึงเขา “คุณชายกู้เป็นเพื่อน สนิทกับสามีฉัน ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ส่วนคุณชาย กู้มีนิสัยอย่างไรฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเพื่อนกับสามีฉันมา ได้ตั้งหลายปีแบบนี้ มองแล้วก็ไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่เขาค่อนข้าง จะ…….ชอบเที่ยว ไปผับบาร์อยู่บ่อยๆ ผู้หญิงก็ไม่ซ้ำหน้า

การแสดงความคิดเห็นนี้เป็นกลางและรอบคอบ

เมื่อพูดจบล้วหานก็เห็นสีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป ดวงตาดำ ขลับของเธอคล้ายถูกบดบังด้วยเมฆหมอก เหมือนมีบางสิ่งแฝงอยู่ในใจ ที่ไม่สามารถพูดออกมาได้

ไปเวยยิ้มกลบเกลื่อนแล้วยักไหล่ “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันกลับ บริษัทก่อนนะ”

ลั่วหานรู้สึกว่าท่าทีของไป๋เวยแปลกไป แต่คล้ายว่าเธอจะไม่ ต้องการพูดมันออกมา จึงไม่ได้เอ่ยถามไปมากกว่านี้ เธอเพียง พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนก่อนนะ สองสาม วันนี้หวังเคยจะเดินทางไปที่บริษัท เธออธิบายรายละเอียดให้เขา ฟังด้วย เขาเป็นคนละเอียดอ่อนมาก อย่ามองข้ามไปเชียว”

“ได้เลย ! ”

ไป๋เวยขึ้นรถเตรียมตัวกลับบริษัท ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงบางอย่าง ที่แข็งเย็นวาบบริเวณด้านหลังศีรษะ

ไป์เวยตกใจมาก เธอรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร มันคือปืน !

มีคนแอบขึ้นมาบนรถเธอ !

“ไป์เวย แกกล้ามากนะที่หักหลังเถ้าแก่” น้ำเสียงเยือกเย็นแฝง ไปด้วยความข่มขู่ดังมาจากที่นั่งด้านหลัง ปืนนั้นยังคงจ่ออยู่ที่หัว ของเธอ
สีหน้าของไปเวยขณะนั้นตกตะลึงมาก จากนั้นเธอพยายามกลับ คืนสู่สภาพเดิม เธอหัวเราะแล้วถามว่า “แกหมายความว่ายังไง ?

ชายผู้อยู่ด้านหลังสวมหมวกปิดบังใบหน้าไว้ จึงมองไม่เห็นตา และหน้าผาก แต่ใบหน้าด้านซ้ายของเขามีรอยแผลเป็นที่โดด เด่น คล้ายกับเคยถูกของมีคมบาดลึก แม้จะหายดีแล้วแต่ทิ้งรอย ไว้อย่างรักษาไม่ได้

*หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ ? แกหักหลังท่านเงิน ทําให้ โครงการของท่านเสิ่นเกิดปัญหาขึ้นมากมาย และก็การที่แกทำ งานให้นังลั่วหานนั่น คิดว่าไม่มีใครรู้จริงๆงั้นเหรอ ? ”

“แกร๊ก ! ” เสียงปืนดังเข้ามาใกล้กว่าเดิม คล้ายกับจะปล่อย กระสุนออกมาได้ทุกเวลา

ไป๋เวยค่อยๆปล่อยมือจากพวงมาลัยเพื่อควานหามือถือ “ฉัน ทํางานให้หล่อนก็เพียงต้องการรู้ความเคลื่อนไหวภายในเท่านั้น จะได้รายงานไปยังท่านเสิ่นได้ทันท่วงที ท่านเสิ่นน่าจะให้รางวัล ฉันมากกว่า ทําไมกลับส่งหมามากัดกันนะ”

ชายผู้นั้นหัวเราะ “แกคิดว่าตอนนี้ท่านเสิ่นยังจะเชื่อคำหลอกลวง ของแกอีกเหรอ ! แกปีนขึ้นเตียงท่านเจิ่น เป็นผู้หญิงของท่าน เสิ่น ก็ควรจะจงรักภักดีกับเขา ! แม่งกลับไปเป็นสายให้ศัตรูไป เวย ชีวิตแกคงจะดีเกินไป ไม่รู้ว่าความลำบากเป็นยังไงแล้วซินะ

นิ้วมือของไปเวยสัมผัสไปโดนเข้ากับหน้าจอมือถือ

“สารเลว ! ”

ทันใดนั้นหมัดของเขาก็พุ่งมายังหัวของไป์เวยเข้าอย่างจังจน เธอมึนงง ผ่านไปชั่วครู่จึงได้รวบรวมสติกลับคืนมา เนื่องจาก การกระทำเมื่อครู่ทำให้กระเป๋าลื่นไปข้างใต้ เธอไม่สามารถหยิบ มันได้ในตอนนี้

“เหอะๆ แกกล้าลงมือกับฉันงั้นเหรอ ? แกอย่าลืมไปว่าฉันเป็น ใคร ! ถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาท่านเสิ่นก็เหมือนขาดแขนไปข้าง หนึ่ง”

“ถุย !!! ” ชายผู้นั้นถุยน้ำลายออกมา “นั่งนี่ ! แกคิดว่าท่าน เสิ่นยังอยากจะเห็นน้ำหน้าแกอีกหรือไง ! หุบปากแล้วขับรถไป ซะ!

ไป๋เวยถูกปืนจี้อยู่ เธอไม่กล้าขัดขืนจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง ไป ไหน ? ”

“ท่าเรือ”
ท่าเรือ ?

“ท่าเรือไหน ? *

ไป๋เวยใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากในเมืองหลวงนี้ไม่มี ท่าเรือ ส่วนท่าเรือที่ใกล้ที่สุดอยู่ในเมืองจิน หากขับรถจากที่นี่ไป ต้องใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมง หากไปถึงที่นั่นเธอก็ไม่ต่างอะไร กับนกปีกหัก เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าเธอต้องทำตามคำสั่งของเงิน เหลียวทุกประการ

“ไม่ต้องเสแสร้ง ! ท่าเรือที่เมืองจิน ! ออกรถ ! ” ปืนของเขาจ่อ เข้ามาใกล้เธออีกครั้ง ไป๋เวยรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

“โธ่เว้ย ! ยิงฉันให้ตายๆไปเลยไป ! ปวดหัว ! ให้ฉันขับรถ เดี๋ยวก็รถคว่ำหรอก แกก็ไม่รอดด้วย ! ”

ชายผู้นั้นตอบว่า “แกคิดว่าฉันมีชีวิตดีหรือไง ? แกทำให้ท่าน เงินสูญเสียไปไม่น้อย รอยมีดที่ท่านเสิ่นกรีดลงใบหน้าฉันยังไม่ หายดีเลย ถ้าแกขัดขืนอีกละก็ ฉันเองก็ตายเหมือนกัน ! ”

ไป์เวยติดเครื่องรถ เธอขับรถไปพลางคิดไปว่าจะติดต่อคน ภายนอกอย่างไรดี
รถขับออกมาจากโรงพยาบาลหวาเซี่ย ขับไปบนถนนใหญ่ กระทั่งถึงทางด่วน “ฉันขับมาถึงที่นี่แล้วนะ เมื่อไหร่แกจะเอาปืน ออกไปสักที ถ้าแกกล้ายิงฉันจริงๆ กลับไปก็ตายเหมือนกัน”

“แม่งเอ๊ยพูดมาก หุบปาก ! ”

ไปเวยกัดฟัน เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วใช้เท้าเขี่ยกระเป๋า จนกระทั่งเจอมือถือ แล้วพยายามเขียมือถือมาทีละนิด……

ณ ห้องทำงานผู้บริหารMBK

หลงเซียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มจนหมด เอกสารในมือก็จัดการ เรียบร้อยแล้ว เขาย้ายสายตาจากเอกสารเหล่านั้นแล้วพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเหลียวจะมีปฏิกิริยารวดเร็ว ขนาดนี้ มองออกว่ากําลังเสียเปรียบอยู่

จี้กงหมิงพูดว่า “เจ้านายครับ เงินเหลียวไม่หยุดแค่นี้แน่ จาก นิสัยของเขาแล้วเขาจะต้องแก้แค้นเจ้านายแน่นอน

หลงเซียวยิ้มที่มุมปากกึ่งหัวเราะ “ผมแค่กลัวเขาไม่มาเท่านั้น แมงกินฟันอย่างเสิ่นเหลียวต้องกําจัดออกไปให้สิ้นซาก

ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ แววตาของหลงเซียวเต็มไป ด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร

จัดงหมิงโค้งคํานับแล้วพูดเสริมว่า “อีกอย่างหนึ่งในช่วงนี้ น ปิงเหวินและโม่หรูเฟยกำลังแสวงหาองค์กรขนาดเล็กและขนาด กลางในเมืองหลวง พวกเขาต้องการรวบอำนาจในเมืองหลวง จุด ประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือ MBK”

“ก็แค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น บริษัทของซุนปิงเหวินเพิ่งถูกธนาคาร ปฏิเสธการกู้ยืมเงินจํานวนหนึ่งไป เขาแสวงหาบริษัทเล็กๆ ทําความร่วมมือเพื่อให้ผ่านเกณฑ์กู้ยืมนี้”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ดวงตาของหลงเซียวก็ฉายความเยือกเย็น “ช่วงนี้ เกาจิ่งอานกำลังทำอะไรอยู่ ? ”

จี้ตงหมิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ช่วงนี้เขาไม่ได้ทำอะไร เลย ทุกวันเขาไปทํางาน เลิกงานก็ไปสนามกอล์ฟและบางครั้งก็ ไปดีมที่บารไม่เห็นอะไรผิดปกติ

“อืม ไม่ได้ไปที่คุกเหรอ ? ” หลงเซียวมองไปที่รูปถ่ายที่วางอยู่ บนโต๊ะ มันเป็นภาพครอบครัวของตระกูลหลง รูปถ่ายเดียวกันนี้ถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานในห้องของหลงถึงและหลงจื้อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ถึงความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกันของพ่อและ ลูกชายตระกูลหลง ตลกสิ้นดี

ยังครับ” นับแต่ซุนเจียลี่ถูกจับได้ เกาจึงอานก็ไม่เคยเหยียบไป ที่คุกเลย

ทำไมถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลย มันเป็นธรรมชาติเกิน กว่าหลงเซียวจะเชื่อได้

“เกาจึงอานไม่ธรรมดาจับตามองไว้

“ครับเจ้านาย”

“อืม เสร็จธุระแล้ว ออกไปได้

จี้ตงหมิงเดินออกไป หลงเซียวหยิบมือถือขึ้นมาโทรหากู้เย็น เซิน ฝั่งตรงข้ามรับสายอย่างรวดเร็ว

กู้เยนเซินหัวเราะและพูดว่า “คุณชายหลง เรื่องอะไรอีกละทีนี้ ? ผมรู้ว่าถ้าไม่มีธุระคุณคงไม่โทรหาผมหรอก”

หลงเซียวมองดูนาฬิกา “บริษัทอู่ซื่ออาทิตย์หน้าจะมีสินค้าล็อต หนึ่งส่งไปยังเยอรมัน ส่งรายละเอียดให้ผมหน่อย
กู้เยนเป็นมือพิมพ์ข้อความเพื่อค้นหาข้อมูล จากนั้นส่งอีเมล์ไป ให้หลงเชียว “ส่งไปแล้วนะ ลองดู บิลนี้มีปัญหาอะไรงั้นหรือ ?

“ผมขอดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน

คำสั่งซื้อจากเยอรมันเป็นบิลค่อนข้างใหญ่ ตอนที่กู้เยนเซินได้ รับคำสั่งซื้อนี้ก็ยังแคลงใจอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าหลงเซียวเองก็ จับตาดูอยู่เหมือนกัน

“อืม เรื่องของภรรยาที่ใส่ใจมากกว่าเรื่องของตัวเองอีกนะ”

หลงเซียวเปิดดูอีเมล์ สายตามองไปยังตัวหนังสือภาษาอังกฤษ นี้อย่างรวดเร็ว “สินค้าล็อตนี้ระงับการจัดส่งไปก่อน

“ทำไม ? นี่เป็นเงินจำนวนมากเลยนะ คุณมีความโกรธแค้นกับ เงินหรือไง ? อีกอย่างสินค้าก็กำลังเร่งผลิตออกมาแล้ว ถ้าไม่ส่ง ออกไปตามกำหนดจะต้องชดเชยเงินนะ ยังมีค่าต้นทุนการผลิต อีก ! *

หลงเขียวตอบกลับไปว่า “คำสั่งซื้อนี้มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ถ้าส่งออกไปจะทำให้บริษัท ซื่อเดือดร้อนได้ ส่วนเรื่องค่าผิด สัญญาผมจะรับผิดชอบเอง”
“หะ ! ใคร ! ใครกล้าดียังไงมาบงการบริษัทฉ่ซื่อ ! ” กู้เยนเซิ นรีบค้นหาและดูคำสั่งซื้ออย่างละเอียด แต่เขากลับไม่เห็นความ ปกติใด

“ตู้หลิงเซวียน” หลงเซียวพูดออกมาเพียงสามคำสั้นๆ แต่ไม่ อธิบายอะไรอีก

กู้เยนเซินอ้าปากสบถออกมาว่า “ไอ้ชาติชั่ว ! หลิงเซวียน ! ”

“สรุปแล้วก็คือห้ามส่งออกไปเด็ดขาด ส่วนที่เหลือผมจะดำเนิน การเอง” หลงเซียวมองดูคำสั่งซื้อนั้นและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม

“ก็ได้ ! แหมคิดว่าจะได้เนื้อชิ้นโตซะแล้วงานนี้ ให้ตายเถอะ เกือบได้กินยาพิษแล้วไง

“เดี๋ยวอีกสักครู่ผมมีประชุม จะติดต่อกลับไปทีหลังนะ

“โอเค ! “

กู้เยนเซินวางสายไปด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก เขารีบบิดขี้เกียจ และกำลังจะนำข้อมูลนี้ไปบอกกับไป๋เวย เมื่อเขาจัดแจงเสื้อผ้า เรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังห้องทำงานของเธอ ปรากฏว่าภายในห้องไม่มีแม้แต่เงา

แปลกจริง นี่มันเวลางาน ทำไมยัยบ้างานที่ถึงไม่อยู่ ?

ทันใดนั้นมือถือของกู้เยนเซินก็ดังขึ้น ปรากฏชื่อขึ้นมาว่าไป์เวย

เมื่อกู้เยนเซนเตรียมจะถามออกไป ก็ได้ยินเสียงตะคอกดังมา จากในสายว่า “หุบปากแล้วฟังซะ ! ”

อะไรกัน ? ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ร้ายจริงๆ !


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ