ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 262 เปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อน



ตอนที่ 262 เปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อน

ตอนที่ 262 เปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อน

โรงพยาบาลหวาเซีย

“แอนน่า ! ห้องฉุกเฉินมีคนไข้รายหนึ่ง คุณไปดูสักหน่อย ได้ไหมคะ? หมอถึงกับหมอหวังต่างก็กำลังอยู่ที่ห้องผ่าตัด สถานการณ์ของผู้ป่วยรายนี้เร่งด่วนมาก ตอนนี้ไม่มีหมอ สามารถรับช่วงได้ คุณไปดูสักหน่อยได้ไหมคะ?”

ลั่วหานเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเลิกงานกลับบ้าน หมอที่ห้อง ฉุกเฉินก็วิ่งตรงมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของเธอ รายงาน สถานการณ์ที่มาอย่างกะทันหันด้วยท่าทีที่เหนื่อยหอบ

“ค่ะ ! “

หลินซีเหวินกับหวาเทียนเห็นลั่วหานวิ่งไปทางห้องฉุกเฉิน ก็ รีบตามไปที่ด้านหลัง

ลั่วหานคว้าเอาเครื่องตรวจฟังขึ้น ฝีก้าวเดินขึ้นลิฟต์ด้วย ความรวดเร็ว ชุดกาวน์ของเธอที่เพิ่งจะปลดกระดุมออกยังไม่ ถอดลง ตอนที่วิ่งนั้นชายเสื้อราวกับปีกสีขาวที่กางออก มอง จากทางด้านหลัง ราวกับนกพิราบขาวที่กางปีกออก บินอยู่บนระเบียงทางเดิน

หลินซีเหวินดูไปดูมาก็ค่อนข้างที่จะนิ่งอึ้งไป อ้าปากค้างมอง ดูเงาร่างสีขาวที่อยู่ด้านหน้า “หวาเทียน เธอเห็นหรือเปล่าว่า เมื่อครู่นี้มีนางฟ้าคนหนึ่งบินผ่านไปจริงๆ?

หวาเทียนเหลียวมองเธออย่างเยือกเย็น ไม่มี เห็นเพียงแค่ คนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง

“WTF ! ! เธอผู้ชายแบบนี้ ฉันขอให้เธอไม่มีผู้หญิงมาชอบ ตลอดทั้งชีวิต ! ”

ลั่วหานระหว่างทางสอบถามสถานการณ์พื้นฐานของผู้ป่วย หลังจากที่ฟังจบก็มีความคิดที่เป็นระเบียบ “ฉันรู้แล้ว”

คนที่ห้องฉุกเฉินมองเห็นล้วหานมากอบกู้สถานการณ์ ด้วยตนเอง หัวใจที่ตื่นตระหนกวิตกกังวลก็วางลงแล้วครึ่ง หนึ่ง ทยอยกันถอยไปข้างหลังครึ่งก้าวเปิดทางให้กับลั่วหา น สายตาราวกับแหงนหน้ามองเทพนักบวชหญิงลัทธิเต๋าด้วย ความเลื่อมใสยังไงอย่างงั้นมองไปยังลั่วหาน

ผู้ป่วยอายุยังน้อยมาก ดูเหมือนไม่เกินยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี แม้ว่าจะถูกความเจ็บปวดที่หัวใจทรมานจนสีหน้าซีดเผือด อีก ทั้งตกอยู่ในอาการช็อกที่รุนแรง แต่กลับสามารถมองสีสันแห่งความหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาจากบนลายเส้นส่วนของ ใบหน้าของเขาออก

ลั่วหานโน้มตัวลงหันข้างฟังเสียงหัวใจเต้นของผู้ป่วย ข้าง ใบหูดังสะท้อนเสียงหัวใจเต้นที่อ่อนระทวยของชายหนุ่มเข้า มา “ผู้ป่วยมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่รุนแรงมาก ญาติของผู้ ป่วยอยู่ที่ไหน?”

พอพูดถึงญาติของผู้ป่วย หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินมา จากด้านข้าง สีหน้าของเธอดูเหมือนยังจะห่อเหี่ยวยิ่งกว่าชาย หนุ่มเสียอีก คนทั้งคนตัวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกหวาด กลัว เดินขึ้นไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง ดวงตาทั้งสอง ข้างบวมแดงอย่างสุดจะทนเพราะผ่านการร้องไห้

“หมอคะ ลูก…ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

ล้วหานวางเครื่องตรวจฟังลง มองดูญาติของผู้ป่วย ปลอบใจ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “คุณป้า ก่อนหน้าที่ลูกชายของคุณป้า จะสลบไปอารมณ์ถูกกระตุ้นมากจนเกินระดับใช่หรือเปล่าคะ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรที่มากระตุ้นเขา?”

เธอพยักหน้า ก้มศีรษะคราวนี้ น้ำตาที่แต่เดิมแขวนค้างเอา ไว้ที่บริเวณหางตาก็ไหลลงมาด้วยความรวดเร็ว เอามือปิดปาก ร้องไห้จนไม่เป็นเสียง “เป็นฉันที่ไม่ดี โทษฉันคนเดียว….

“คุณป้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตำหนิตัวเอง คุณป้าเล่า สถานการณ์ในตอนนั้นมาอย่างง่ายๆสักหน่อยสิคะ นี่มีส่วน สําคัญมากต่อการรักษาผู้ป่วย

หญิงวัยกลางคนควบคุมอารมณ์ให้นิ่งสงบลงมา นำ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเล่าออกมาอย่างคร่าวๆ

ลั่วหานพยักหน้า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว พยาบาลเฉิน พาญาติผู้ ป่วยไปพักผ่อน ผู้ช่วยหลิน ผู้ช่วยหวา ตามฉันเข้ามา

“ค่ะ ! “

ล้วหานมองดูผู้ช่วยทั้งสองคน กำชับด้วยน้ำเสียงที่เด็ด ขาด “ฟังนะ หัวใจของผู้ป่วยคนนี้มีเนื้อเยื่อตายเป็นบริเวณ กว้าง ต้องทําการผ่าตัดตัดทิ้งเนื้อเยื่อประสาทที่ตายแล้วและ ซ่อมแซมให้กลับคืนมาใหม่

ดวงตาของหลินชีเหวินเบิกโพลง “..….”

ความยากของการผ่าตัดยากเกินไปแล้วล่ะมั้ง? !
หวาเทียนมองดูผู้ป่วยที่สลบไม่ฟื้น “หมอฉี่ ผมแนะนำว่า ทําการตรวจเช็คอย่างรอบด้านให้กับผู้ป่วยก่อน อย่างน้อย ทําการเอกซเรย์และอัลตร้าซาวด์ก่อน

ล้วหานไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับเขา “เคสแบบนี้ฉันเคย เจอมาก่อน อาการของเขากับผู้ป่วยที่ฉันเคยเจอตรงกันโดย สมบูรณ์แบบ ปัญหาในตอนนี้ขึ้นอยู่กับระดับความยากในการ ผ่าตัดมีมาก พวกคุณทั้งสองคนไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัด ประเภทเดียวกัน”

หลินซีเหวินกัดริมฝีปาก กําหมัดเข้าหากันแน่น ทั้งยังมองดู ชายหนุ่มที่กำลังให้ออกซิเจนอยู่บนเปลหาม “แต่ว่า หากไม่ ทำการผ่าตัด ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะตายได้นะคะ”

หวาเทียนกอดอกพิงไปบนกำแพง โน้มสายตามองลงไปที่ผู้ ป่วย “ผมมีประสบการณ์ในการผ่าตัดที่คล้ายคลึงกับแบบนี้

ล้วทานเงยศีรษะมองดูหวาเทียนในทันที ค่อนข้างที่จะ เซอร์ไพรส์ ค่อนข้างประหลาดใจ “คุณเคยทำการผ่าตัดใน แบบเดียวกัน?”

หวาเทียนพยักหน้า “แต่ว่า…การผ่าตัดล้มเหลว”

“WTF ! งั้นเธอพูดมาทำบ้าอะไร ! ” หลิน

ซีเหวินแขวะออกมาประโยคด้วยความโมโห

ลัวหานปิดตาลง “การผ่าตัดของหมอถัง ดำเนินการได้เป็นยัง ไงบ้าง?

หวาเทียนมองดูเวลา “สี่ชั่วโมงสี่สิบห้านาที ดูเหมือนใกล้จะ เสร็จแล้วครับ”

ลั่วหานพยักหน้า “จัดหาคนสองคนทำการตรวจเช็ครอบด้าน ให้กับผู้ป่วย หลังจากที่ผลลัพธ์ออกมานำมาให้ฉันทันที ฉันไป หาหมอถังปรึกษาเรื่องแผนการ พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”

หลินซีเหวินดึงแขนของลั่วหานเอาไว้ “ฉันไม่กลับค่ะ ฉันไป หาหมอถึงกับคุณ”

หวาเทียนก็ไม่ได้คิดที่จะจากไปเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรผู้ ป่วยที่พบได้ยากก็คือโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของหมอ สามารถยกระดับทักษะทางการแพทย์ของตัวเองได้ดีมาก จะ ทำใจให้พลาดไปได้ยังไงกัน

“ได้ค่ะ”

ทั้งสามคนมาถึงยังด้านนอกประตูห้องผ่าตัดหมายเลขหนึ่งผู้ป่วยเพิ่งจะถูกเข็นออกมา จากนั้นก็มองเห็นถึงสิ้นเหยียนกับ หมออีกสองสามคนเดินมาพร้อมกับกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่

เห็นวทานที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู ถังจิ้นเหยียนก็จบการ สนทนาลง เดินนำขึ้นมาข้างหน้าสองก้าว “เป็นอะไรไป? เกิด เรื่องอะไรขึ้น?”

หลินซีเหวินมองเห็นถังจิ้นเหยียน ใจก็สั่นไหวอย่างแรง หัวใจดวงหนึ่งแทบจะหลุดโพล่งออกมา “หมอถัง คุณเพิ่ง ทําการผ่าตัดเสร็จ ลำบากคุณแล้วค่ะ ! ”

สายตาที่สุภาพอ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนพยักหน้าด้วยรอย ยิ้มให้กับเธอ จากนั้นก็นำความสนใจทั้งหมดรวบรวมไปไว้ที่สั่ วหานในทันที

“มีผู้ป่วยรายหนึ่ง สถานการณ์พิเศษมากค่ะ…. วานนำราย ละเอียดของผู้ป่วยอธิบายไปรอบหนึ่ง แล้วรอการตอบกลับ ของถังจิ้นเหยียน

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นิ้วมือของถังจิ้นเหยียนจิ้มไปที่คางของ ตนเอง “ยุ่งยากมากจริงๆ ต้องพยายามดำเนินการผ่าตัดให้เร็ว ที่สุด”
“โชค่ะ แต่ว่าตอนนี้คนที่สามารถทำการผ่าตัดแบบนั้นได้ มี เพียงแค่คุณ

ล้าหานจ้องมองถึงจิ้นเหยียน พูดอย่างเชื่องช้าและชัดเจน

เธอพูดจบ หลินเหวินกับหวาเทียนต่างก็นิ่งอึ้งไปในทันที แม้แต่ถังจิ้นเหยียน ต่างก็มองลั่วหานด้วยความประหลาดใจ ทั้งสามคนแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน “คุณล่ะคะ?”

ล้วหานสายศีรษะอย่างค่อนข้างที่จะผิดหวังท้อใจ “หมอถัง ก็คงจะพอรู้ว่า การผ่าตัดแบบนี้เวลาจะต้องต่อเนื่องกันสิบกว่า ชั่วโมง แต่ว่า…

ไม่รอให้ลั่วหานพูดจบ ถังจิ้นเหยียนก็ตัดบทเธอ “ผมเข้าใจ แล้ว หลังจากที่กำหนดเวลาผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมมา ลงมีด ถึงเวลารบกวนหมอมาเป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของผม เป็นยังไงครับ?

“ได้อย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณนะคะ” ลั่วหานราวกับยกภูเขา ออกจากอก

หลินซีเหวินกับหวาเทียนเดินออกจากโรงพยาบาล ทั้งสอง คนต่างก็รู้สึกไม่เข้าใจ
“คิดไม่ถึงว่ายังมีการผ่าตัดที่หมออู่ทำไม่ได้? ไม่ใช่มั้ง? ไอ ดอลของฉันไม่ใช่ไอดอลครบทุกด้านหรอก?

หวาเทียนอุทานออกมาอย่างเยือกเย็นด้วยความดูหมิ่น มือ ทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์เอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางที่เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี “เธอไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ คือไม่สามารถทำได้

หลินซีเหวินเบ้ปาก “มีความแตกต่างกันหรอ?”

“แน่นอนว่ามี แต่ว่าคืออะไรนั้น ต่อไปเธอขุดเอาเองก็แล้ว

กัน”

“เฮ้ย ! หวาเทียน ! เธอพูดให้ชัดเจน ! ”

“ใช้สมองของเธอ คิดเอง”

“เจ้าบ้าซึนเดเระ ! อย่าให้ฉันจับได้ว่าเธอมีความลับ ! ”

บนตึก ภายในห้องทำงาน

สายตาของถังจิ้นเหยียนเวียนวนอยู่บนร่างกายของฉู่ลั่วหาน ด้วยความรักใคร่สงสารอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยุดลงบนมือของเธอ “เป็นเพราะมือของคุณใช่หรือเปล่า?”

ล้วหานถมือขวาของตนเอง พยักหน้าเบาๆ หลังจากเกิด อุบัติเหตุ บนร่างกายของฉันกระดูกหักหลายแห่ง ฝ่ามือก็ได้ รับความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีในความโชคร้าย ความ เสียหายอย่างหนักกลับทำให้เส้นประสาทที่ตายด้านในก่อน หน้านี้ถูกกระตุ้นจนกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง เพียงแต่ไม่ สามารถดำเนินงานระดับสูงเป็นเวลานานมากจนเกินไปได้ สิบ ชั่วโมงคือมีดจํากัดของฉัน”

ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าเบาๆ คิดถึงหน้าผา ฝนที่ตกหนัก ใน ใจก็เจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นคุณทำการผ่าตัด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมให้อยู่ภายใน เวลาสิบชั่วโมง จึงกลายเป็นหมอที่ใช้เวลาได้ไวที่สุดในการ ผ่าตัดแบบเดียวกัน

ลั่วหานหัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมา “คิดไม่ถึงว่าจะถูกคุณพบ เข้าแล้ว”

“ต่อไป การผ่าตัดที่ระยะเวลานานทั้งหมดให้ผมทำเอง อย่า ท้าทายขีดจํากัด ดูแลมือของคุณให้ดี คุณก็รู้ว่ามือของหมอ แผนกศัลยกรรมมีความหมายว่าอะไร ดังนั้น ลั่วหาน ดูแลพวก มันให้ดี”
ดูแลตัวคุณเองให้ดี ดูแลตัวคุณเองให้ดีแทนผม

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ หมอถัง” ลั่วหานยิ้มขึ้นอย่างไม่ค่อยเป็น ธรรมชาตินัก ยิ้มจนเพราะว่าแข็งทื่อมากจนเกินไป ส่วนใบหน้า ต่างก็ปวดเมื่อยไปหมด

บรรยากาศอบอุ่นจนไม่ค่อยสบายนัก เธอก็ยิ่งไม่สบาย วนไป รอบๆมาหลายปี พวกเขาทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่าจะยังคงกลับมา ถึงสถานการณ์ที่เก้ๆกังๆแบบนี้อีก

ถังจิ้นเหยียนกลับเป็นฝ่ายยิ้มขึ้นมาอย่างสง่างามและอ่อน โยน “คุณดูเหมือนจะยังหลบผมอยู่ ตอนนี้หลงเซียวดีกับคุณ มากขนาดนี้ ผมวางใจมาก ดังนั้นผมจะทำเพียงแค่อวยพรให้ พวกคุณในฐานะเพื่อนที่ดี จะไม่เข้าไปรบกวน

ริมฝีปากของลัวหานถูกฟันกัดจนเป็นรอยซีดเผือดออกมา “ขอบคุณนะคะ…

“เรียกผมจิ้นเหยียนเถอะ พูดเอาไว้แล้ว ต่อไปผมจะเป็น เพื่อนที่ดี” รอยยิ้มของเขา สบาย ปลอดภัยขนาดนั้น ราวกับถูก ลมในช่วงฤดูใบไม้ผลิพัดขึ้นมาบนใบหน้า มั่นคง จริงแท้โดย ไม่มีเหตุผล

“เพื่อนที่ดี เพื่อนตลอดทั้งชีวิต ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักกับคุณค่ะ จิ้นเหยียน” เธอหายใจเข้าออกเบาๆ ในที่สุดก็ยิ้มอย่างเป็น ธรรมชาติมากขึ้นมาหน่อย

เขาสามารถปล่อยวางได้ช่างดีมากจริงๆ แม้จะไม่รู้ว่าในใจ ของเขาคิดแบบนี้จริงๆหรือเปล่า

ด้านนอกหน้าต่างคือทิวทัศน์ในยามค่ำคืนของเมืองหลวงที่มี ความมืดปกคลุมลงมา แสงจากดวงดาวและแสงไฟผสมผสาน ร้อยเข้าด้วยกัน สวยงามดุจดังอยู่ในจินตนาการและความฝัน

ถังจิ้นเหยียนเคลื่อนสายตาจากด้านนอกหน้าต่างเข้ามา ภายในห้อง เอ่ยเย้ยหยันตนเองอย่างค่อนข้างที่จะจําใจ “คุณรู้ ไหมว่าทําไมผมตัดสินใจที่จะยอมแพ้?”

คิ้วงามของล้วทานขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างตรง ไปตรงมา “ไม่รู้ค่ะ…หากคุณยินดีล่ะก็ บอกกับฉันได้

ถังจิ้นเหยียนสูดหายใจเข้าเต็มปอด ราวกับพลังงานที่อยู่ ภายในร่างกายถูกสูดเข้าไปแล้วก็ไม่ปาน ค่อนข้างเงียบเหงา ค่อนข้างเบาบาง แต่ก่อนผมรู้สึกว่า หากผมสามารถรู้จักคุณ ก่อนหน้าหลงเซียวสักหน่อย กลายเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาใน ชีวิตของคุณ คุณจะต้องเลือกผมอย่างแน่นอน
แต่ต่อมาสวรรค์ได้มอบโอกาสแบบนี้ให้กับผมจริงๆ แต่ผมก็ ยังไม่สามารถทําให้ใจของคุณสั่นไหวได้ ไม่ว่าจะเป็นแอนน่า หรือว่า วทาน คุณก็ไม่มีทางที่จะหวั่นไหวกับผม

ในขณะที่เขาพูด มุมริมฝีปากฉีกออกเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นเล็ก น้อย ยิ้มจนทําให้คนที่เห็นปวดใจอย่างประหลาด

“ฉัน…ขอโทษค่ะ จิ้นเหยียน ฉันขอโทษจริงๆ…

“ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่รักก็ไม่ได้ผิด แต่ผ่านเรื่องนี้ มา ผมประจักษ์ชัดเรื่องหนึ่ง ดังนั้นผมจะไม่ยืนหยัดอีกต่อไป แล้ว และก็ไม่หวังให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณส่งผลกระทบ ต่อความสุขของคุณ ผมปล่อยมือแล้ว”

เขาพูด ผมปล่อยมือแล้ว ความรู้สึกจนปัญญา เจ็บปวด สง่า งาม แต่ที่มากที่สุดก็ยังคงเป็นความเศร้าโศกและเสียใจ

รอบดวงตาของลั่วหานร้อนผ่าว หยดน้ำตาเอ่อล้นออกมาร อบดวงตา “จิ้นเหยียน คุณจะต้องมีภรรยาที่ดีมากคนหนึ่งอย่าง แน่นอน จะต้องมีอย่างแน่นอนค่ะ”

ถังจิ้นเหยียนลำคอแห้งผาก ปลายจมูกแสบร้อนจนน้ำตาจะ หยดลงมาหลายครั้ง แต่หวังว่า…ล้วหาน ผมสามารถกอดคุณ สักหน่อยได้ไหม? เพียงแค่กอดเดียว”
ล้วหานกางแขนออก กอดถังจิ้นเหยียน เธอกำลังอำลาถังจิ้น เหยียนที่ยึดมั่นจะรักตนเองคนนั้น และก็กำลังต้อนรับถังจิ้นเห ยียนที่จะเข้ามาในชีวิตของเธอใหม่อีกครั้งในฐานะเพื่อนสนิท

“เพื่อนสนิทคือตลอดทั้งชีวิต บางทีอาจจะยังยาวนานกว่า ความรัก” เธอคลายบ่าของเขาออก เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เก็บ ซ่อนน้ำตาที่รอบดวงตาเอาไว้

“งั้นหรอ? แต่ทำไมผมรู้สึกว่า ความรักยาวนานกว่าล่ะ?”

เสียงที่ไพเราะทุ้มต่ำดังสะท้อนมาจากด้านนอกประตูอย่าง กะทันหัน จากนั้นก็คือเงาร่างสีดำที่สูงใหญ่ ใบหน้าที่คมชัด และประณีตภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างเจิดจ้า

“หลงเซียว? คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ?” ลั่วหานรีบร้อนถอย หลังออกมาสองก้าวจากข้างกายของถังจิ้นเหยียน กลัวคน บางคนจะเข้าใจผิดโดยอัตโนมัติ

ถังจิ้นเหยียนยิ้มขึ้นเล็กน้อย “คุณหลง ดูเหมือนคุณจะเห็น หมดแล้ว”

แขนของหลงเซียวโอบรั้งไหล่ของลั่วหานเอาไว้ “เห็นแล้ว แล้วก็ได้ยินแล้วเช่นเดียวกัน คำสารภาพและการปล่อยวางของหมอถึง ผมเลื่อมใสมาก เพียงแต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิท ของภรรยาผม การกอดคำร้องขอแบบนี้ ต่อไปทางที่ดีที่สุด อย่าให้มีเลยจะดีกว่า

หมัดเล็กๆของลั่วหานทุบไปบนหน้าอกของเขาเบาๆ “เอาล่ะ ค่ะ คุณก็รู้ว่าไม่ใช่ความหมายนั้น

หลงเซียวยื่นมือขวาออกไป มือที่เรียวยาวได้สัดส่วนตะแคง อยู่ระหว่างเขากับถังจิ้นเหยียน ดวงตาดำขลับที่ล้ำลึกจ้องไป ยังดวงตาที่สง่างามของถังจิ้นเหยียน “ในเมื่อคุณคือเพื่อนของ ลั่วลั่ว ต่อไปก็คือเพื่อนของผมหลงเซียวเช่นเดียวกัน”

ถังจิ้นเหยียนหัวเราะขึ้นอย่างจนปัญหาทั้งหมดคำพูด ทุกสิ่ง ทุกอย่างนี้ช่างมาได้อย่างกะทันหันจริงๆ

สองมือจับเข้าไว้ด้วยกัน การแนบชิดกันระหว่างฝ่ามือและ ฝ่ามือ ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน

การจับมือคราวนี้ ราวกับได้ผ่านแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา กลับไปถึงด้านนอกประตูโรงพยาบาลในคืนนั้น มือที่ยื่นออก ไปของถังจิ้นเหยียนถูกหลงเซียวไม่แยแสค้างไว้กลางอากาศ หลังจากได้ผ่านลมฝนมาอย่างมากมายแล้ว ในที่สุดก็ยังคงจับ มือคืนดีกัน
“ครับ เห็นแค่หน้าของล้วทาน ความเป็นเพื่อนของคุณผม

คบแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ