ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 551 เรียนรู้มารยาทกับคุณหลง



ตอนที่ 551 เรียนรู้มารยาทกับคุณหลง

ตอนที่ 551 เรียนรู้มารยาทกับคุณหลง

ลั่วหานถูกเขาทำให้สงสัยขึ้นมา ก่อนจะออกปากรีบถาม เขา “รอหรือ? รอใครกัน? ในเมืองหลวงมีคนคอยประสาน ด้วยหรือ? ใครกัน? ฉันรู้จักไหม?”

เธอถามคำถามออกมารวดเดียว พร้อมทั้งแววตาที่จ้อง หลงเชียวไม่ปล่อยอย่างเป็นประกายวิบวับ เพราะกลัว กว่าเขาจะไม่พูดความจริงกับเธอ

ซึ่งหลงเซียวก็ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรเธอ จึงรอให้เดิน เข้าห้องโถงบริษัทอู่ซ่อไปก่อน

หลังจากที่หลงเซียวกับลั่วหานหลุดกลับมาจากเงื้อมมือ ของเสิ่นเหลียวได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้กลับมา รวมตัวกัน ทำให้ทันทีที่เข้ามาก็ดึงดูดสายตาจากทุกคนไว้ หมด

สาวสวยส่วนหน้าที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ พอเธอได้เห็น หลงเซียวเท่านั้น โทรศัพท์ในมือก็ร่วงผล็อยด้วยอาการ ตื่นตะลึงดัง “ปัง!”

ส่วนผู้หญิงที่กำลังจัดการใบรายชื่อลูกค้า ใน คอมพิวเตอร์อยู่นั้น ก็ตื่นตกใจด้วยการกระทำของเธอ เมื่อครู่ “คุณพระ เธอเป็นอะไรไปล่ะเนี่ย เห็นผีหรือไง?”
พลันสาวน้อยก็จ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ อย่างตะลึงตาค้าง โอ้สวรรค์ ช่วงขณะที่ประตูกระจก ถูกเปิดออกนั้น ร่างกายที่สูงโปร่งของคนสองคน ก็ เดินเหยียบเข้ามาบนพื้นกระเบื้องใสวาววับ พร้อมด้วย แสงอรุณที่ส่องวางคลุมหลังของพวกเขา ราวกับเป็นคู่รัก แห่งเทพที่ลงมายังพื้นโลก ทำให้เธอจ้องตาค้างราวกับ ตาบอด

“ฉะ…ฉันไม่ได้เห็นผี แต่ฉันเห็นเทพต่างหาก! ท่าน ประธานกับท่านเซียวมาด้วยกัน พวกเขามาด้วยกันล่ะ!” สาวน้อยคนนั้นกำมือกดหน้าอกแน่นด้วยความตื่นเต้น จน กลัวว่าตัวเองจะเป็นลมล้มพับไปเลย

“อย่าทำให้ตกใจสิ…” เพียงแค่พูดไปไม่กี่คำ ผู้หญิงที่ อยู่ข้างๆ ก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน “พระเจ้า! รีบต่อสายหาเลขาฯ ของท่านประธานด่วนเลย พวกเราไม่ได้เตรียมต้อนรับไว้ ก่อนเลย อ๊าๆๆ นี่พวกเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า! รีบต่อ สายเร็วเข้า!”

“โอ๊ะ….ค่ะๆๆ!” สาวน้อยไม่เคยเห็นหลงเซียวตัวเป็นๆ มา ก่อน เธอรู้สึกเพียงว่าฝ่ายชายที่สุกสกาวตรงหน้าของเธอ ทำให้เธอยากที่จะเคลื่อนสายตาออกไปได้ ก่อนจะหลง มัวเมาไปอย่างไม่รู้ตัว

ในที่สุดก็โทรติดก่อนจะรายงานเรื่องทั้งหมดให้รู้ ซึ่งทั้ง สองคนมาแบบไม่ได้นัดมาก่อน
“สะ…สวัสดีค่ะท่านประธาน…”

“สวัสดีค่ะ คะ…คุณหลง”

ทั้งสองคนต่างก็พยักหน้ากล่าวทักทาย

ลั่วหานยืนมองหญิงสาวที่กำลังตัวสั่นงันงกอยู่หน้า เคาน์เตอร์นั้น ก่อนจะยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน “พวกเธอกลัว ฉันหรือ?”

ทั้งสองคนรีบยกมือขึ้นบอกปัดทันที “มะ…ไม่ใช่แบบนั้น เลยค่ะ”

ส่วนหลงเซียวก็เอามือข้างหนึ่งสอดกระเป๋ากางเกงเอา ไว้ เอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไร

ลั่วหานจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ทำงานต่อเถอะ”

ต่อมา ก็มีพนักงานอีกไม่น้อยที่ทักทายพวกเขากันอย่าง ระมัดระวัง ซึ่งลั่วหานเองก็พยักหน้าตอบรับเป็นลำดับ

“น่าแปลก ตอนที่ไปบริษัทโม่ซื่อ พวกนั้นก็ไม่เห็นจะกลัว อะไรฉันเลย แต่พอเป็นคนที่บริษัทฉู่ซื่อ ทำไมถึงกลัวฉันแบบนั้นล่ะ?” เธอไม่เข้าใจจริงๆ

หลงเซียวยังคงยิ้มบางๆ อยู่แบบนั้น เขาไม่มีทางจะบอก เธอแน่ๆ ตอนที่บริษัทโม่ซื่อสร้างแผนกและรวมกิจการ ใหม่ เขาก็ไปคุมงานเองทั้งสามวัน ทำให้พนักงานของ บริษัทโม่ชื่อคุ้นเคยกับเขา แต่กับของบริษัทฉู่ชื่อนั้น เขา แทบจะไม่ได้มาเลย

“พนักงานต้องกลัวสิ ดูเหมือนว่าจะทำงานได้ไม่ดีพอ ก็ เลยกลัวว่าจะถูกพบความจริงเข้า เอาไว้คุณค่อยไปตรวจ สอบบันทึกประจำเดือน ประจำวันและประจำสัปดาห์ของ พวกเขาให้ดีแล้วกันนะ”

ลั่วหานเองก็พูดอะไรไม่ออก “สมกับที่ท่านเซียวเป็นนัก ลงทุน แถมยังเป็นคนเจ้าเสน่ห์อีกต่างหาก”

หลังจากที่ขึ้นลิฟต์ ลั่วหานก็ถามขึ้นต่อ “เมื่อกี้คุณที่คุณ พูดชื่อของเสิ่นคั่ว คุณยังไม่ได้ตอบอะไรฉันเลยนะ รีบ บอกมาเร็วสิ”

หลงเซียวก็อธิบายขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“เสิ่นคั่วทำอย่างน้อยสามเรื่องในเมืองนี้ อย่างแรก ร่วมมือกับ MBK อาศัยโอกาสนี้ในการดึงเงินลงทุนจาก ภายในบริษัทเงินชื่อกลับมา เพื่อให้ตำแหน่งของบริษัท เสิ่นชื่อในเมืองเจียงเฉิงกลับมามั่นคง อย่างที่สอง เขารู้อยู่แล้วว่าหลงถึงเป็นคนช่วยเสิ่นเหลียวออกมา แน่นอน ว่า คนที่ฉลาดเฉลียวอย่างคุณนายหลงก็ต้องรู้อยู่แล้ว แน่”

ลั่วหานพยักหน้าหงิก “ฉันเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่การควบคุมดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ซึ่งปัญหานี้คุณเองก็ได้ คิดหาวิธีรับมือแล้ว ฉันจึงไม่กังวลใจเท่าไหร่ แต่เรื่องที่ สามล่ะคืออะไรหรือ?”

ทั้งสองคนที่โดยสารลิฟต์อยู่ ตัวเลขชั้นก็ค่อยๆ เพิ่มมาก ขึ้น หลงเซียวก็ทำการคุ้มครองลั่วหานอยู่ตลอด ภรรยาที่ กำลังตั้งท้องของเขาอยู่ตอนนี้สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ทำให้ เขาไม่กล้าที่จะประมาทใดๆ เลย “ส่วนเรื่องที่สาม ด่าน ศุลกากรของเสิ่นคั่วมีสินค้าที่ถูกกักไว้ ทำให้เขาต้องหา คนที่เมืองหลวงนี้เพื่อสร้างสัมพันธ์”

หลงเซียวเผยยิ้มมุมปากที่เรียวบางราวกับมีด ทั้งดูเซ็กซี่ และดูมีสง่าราศีอย่างมาก

ลั่วหานที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหายใจหอบ มือที่ เรียวบางของเธอดึงชายแขนเสื้อของหลงเซียวเอาไว้ ซึ่ง ปลายเล็บของเธอก็เกี่ยวไว้ตรงกระดุมทองที่ชายแขน เสื้อสูทของเขาพอดี “คุณจะบอกว่าเสิ่นเหลียวขนส่ง สินค้าที่ผิดกฎหมายหรือ? แล้วมันใช่ของอย่างที่ฉันคิด หรือเปล่า”
ลั่วหานยังไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของคนกลุ่มนั้นเลย แต่ก็มีความรู้สึกเฉียบคมและฉับไวกับสิ่งของเหล่านั้น ทำให้เธอเบิกตาโพลง ขนตาทุกเส้นตั้งตรง จนเห็นความ ว่างเปล่าในแววตาได้ชัด

หลงเซียวกลับยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ของที่คุณคิดไว้น่ะ ตอนนี้เสิ่นเหลียวไม่กล้าที่จะขนส่งของล็อตใหญ่แบบนั้น หรอก แต่ข้อมูลที่ผมได้รับมาก็คือ การขนส่งของเสิ่นคั่ว ในครั้งนี้ คืองาช้างและอิฐล็อตใหญ่ที่มีราคาสูงจากทวีป แอฟริกา แถมยังขนส่งผลไม้เขตร้อนเข้าประเทศมาด้วย

ทันใดนั้นลิฟต์ก็ถึงชั้นที่ต้องการ แต่ลั่วหานยังคงยืนนิ่ง อยู่แบบนั้น พลางส่ายหัวเพื่อยืนยันความคิดที่อยู่ในสมอง ของตัวเอง ไม่ใช่หรอกมั้ง ความสัมพันธ์ของเสิ่นคั่วกับ ข้าราชการของเมืองเจียงเฉิงก็สนิทสนมกัน แถมที่งาน เลี้ยงของเงินคั่วครั้งก่อนนั้นท่าทีที่เขามีต่อเจิ้งซินกับเจิ้ง เฉิงหลินนั้น ทําให้สินค้าที่เขาอยากจะนําผ่านเข้าด่านมา ไม่ได้ยากเย็นมากนัก แม้แต่ผู้บริหารของด่านศุลกากรก็ ยังไว้หน้าเขาเลย”

ลั่วหานจ้องมองใบหน้าของหลงเซียวอย่างสงสัยใคร่ รู้ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาราวกับแกะสลักจากหยกนั้น ยิ่งดู กว้างมากขึ้นในดวงตาของเธอ พร้อมด้วยแววตาที่มีแต่ ความดำขลับ “นั่นมันก่อนหน้านั้น ตอนนี้ความสัมพันธ์ ของตระกูลเจิ้งกับตระกูลเสิ่นนั้น บอกได้เพียงว่าเกิดการ เปลี่ยนแปลงจนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ”
ลั่วหานยังคงเบิกตาโพลงอยู่แบบนั้นด้วยความสงสัย ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ดูเหมือนจะมีความลับอยู่ มากมาย จนเธอยากที่จะคาดเดาได้ ราวกับกำลังเล่นกับ ของสูงอยู่เลย

“อย่ามาหลอกล่อฉันเลยหลงเซียว พูดมาเถอะ หลังจาก นี้คุณจะทำอะไรกับตระกูลเจิ้งกันแน่?” ลั่วหานกระพริบ ตาปริบๆ อย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมถามเขาอย่างมีชีวิตชีวา

“ฮิ!” กลับกันหลงเซียวเองก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น “ไม่ได้ทำ อะไรหรอก ก็แค่ใช้วิธีง่ายๆ ทำให้เจิ้งซินช่วยอะไรผมแค่ นั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าประโยชน์ของเธอจะดีกว่าที่ผมคิด ไว้เสียอีก อีกอย่างเธอก็ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง แถมยัง กักสินค้าของเสิ่นคั่วไว้ด้วยตัวเองอีกด้วย ข้อมูลนี้ผมก็ได้ มาจากเธอนั่นล่ะ”

ทันทีที่มีเสียงติ้งดังขึ้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออก

ลั่วหานเผยรอยยิ้มไว้บนหน้า ก่อนจะคล้องแขนของเขา เดินออกมา “นี่คุณไปขู่อะไรเจิ้งซินไว้หรือเปล่า? ด้วย นิสัยที่ดื้อดึงของเธอแบบนั้น คงจะไม่ฟังคำพูดของคุณ ง่ายแน่ๆ”

“วิธีอะไรแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก ขอเพียงทำให้ได้ตาม เป้าหมายเท่านั้น อีกอย่างลูกของเราก็กำลังฟังพวกเราพูดอยู่นะ การอบรมลูกในท้องก็ถือเป็นสิ่งสำคัญนะครับ ผมไม่อยากให้ลูกในท้องรู้เรื่องอะไรมากตอนนี้หรอกนะ ครับ”

สายเลือดอะไรเทือกนั้นหรือ เพราะงั้น…เอาเถอะ เธอก็ เข้าใจน่ะนะ

“อบรมลูกในท้อง?”

คำที่ว่ามันสะกิดใจเธออย่างมาก ลั่วหานจึงหลุดขำออก มา “ของแบบนี้ต้องสอนด้วยหรือคะ? ยีนของท่านหลง แข็งแกร่งแบบนี้ แค่ชั่วแปปเดียวเขาก็น่าจะเข้าอนุบาลได้ แล้วล่ะนะคะ”

หลงเซียวเองก็พยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณลั่วลั่วที่กล่าว

ชมผมนะครับ”

“ฮี อย่าหลงตัวเองเลย!”

ทั้งสองคนเดินไปพูดคุยไปตามทางเดินสายยาว ด้าน หน้าของพวกเขาเป็นห้องทำงานของประธานที่ชั้นสูงสุด เลขาฯไป๋เวย ผู้ช่วย พนักงานทุกส่วนของประธาน ต่าง ก็ยืนอยู่ทั้งสองข้างทางเดินอย่างเป็นระเบียบ ทั้งก้มหัว ประสานมือคำนับราวกับต้อนรับราชาเดินเข้ามา

ทั้งยี่สิบกว่าคนที่ยืนอยู่ต่างก็ตะโกนกันพร้อมเพรียง*สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านประธาน!”

“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณหลง!”

ลั่วหานได้เห็นก็ตะลึงงันไป ให้ตายเถอะ ต้องอลังการ แบบนี้เลยหรือ? มันสมควรแล้วหรือ?

แค่ได้เห็นก็ทำให้เหงื่อตกทันที!

หลงเซียวคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว จึงโอบลั่วหาน เดินเข้าไป ท่ามกลางฝูงคนที่ห้อมล้อมไปสองข้างทาง

เส้นทางที่เธอเดินไปตอนนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับราชาคน ใหม่ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์ยังไงยังงั้นเลย

ฮ่าๆ!

“ดูพวกเขามีชีวิตชีวามากเลยนะคะคุณสามี หลังจาก นี้คงจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเลยนะคะ เพราะตอนนี้ฉัน ขนลุกชูชันไปหมดแล้วเนี่ย” ลั่วหานตัวสั่นจนไหล่สะท้าน

พลันหันมองไปส่งสัญญาณให้กับพนักงานเหล่านั้น ให้พวกเขากลับไปทํางานของตนเองได้ ก่อนจะหันกลับมา พูดว่า “จะให้น้อยกว่านี้ไม่ได้หรอก ผู้นำของบริษัทต้อง มีอำนาจให้เห็นอย่างเพียงพอ ถ้าหากไม่กดดันพนักงาน บ้าง เวลาจะออกคำสั่งอะไรไปลูกน้องก็คงทำไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ดีถึงที่สุดแน่

ลั่วหานทําหน้าขรึม ความกดดันมันช่างเยอะเหลือเกิน เธอรู้สึกว่าชอบเป็นหมอธรรมดามากกว่าเสียอีก

“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้นำนี่นา”

“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ในอนาคตเป็นผู้นำของผมแค่คน เดียวก็พอแล้ว ท่านราชินีโปรดสนใจเพียงนั่งบัลลังก์แล้ว บัญชามาก็พอแล้วล่ะครับ” เขายิ้มกริ่มพร้อมพูดอย่างมี ความนัยลึกซึ้ง

ลั่วหานเองก็คุ้นเคยกับบริษัทฉู่ซื่อนี้ดี จึงไปห้องทำงาน ประธานชั้นบนสุดก่อน แต่กู้เยนเซินกับไป๋เวยกลับไม่อยู่ ลั่วหานจึงให้หัวหน้าแผนกบัญชี เลขาฯของไป๋เวย คอย ช่วยเหลือบัญชีต่างๆ ของบริษัทอู่ซื่อ โครงการสำคัญๆ ทิศทางการลงทุนและการทำรายงานเกี่ยวกับเงินสะพัด ขนาดใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา

ลั่วหานนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารของไป๋เวย พร้อมทั้งยกแก้วชาอันใหม่เอี่ยมขึ้นดื่ม แววตาของเธอมองไปยัง หัวหน้าแผนกบัญชีตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม พูดมาสิ แผนกบัญชีเป็นแผนกที่สําคัญมาก ฉัน อยากจะฟังสถานการณ์การเงินของบริษัทช่วงสองเดือน ที่ผ่านมานี้หน่อยน่ะ

หัวหน้าแผนกบัญชีหอบเอกสารกองใหญ่พะรุงพะรังด้วย สีหน้าซีดขาว อีกทั้งยังมีเม็ดเหงื่อไหลซึมอยู่ตามไรผม เธอเพียงยิ้มแห้งๆ แต่ไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ

ลั่วหานขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะพูดเพื่อปลุกใจ “ทำไมล่ะ? จะเกร็งอะไรกัน? ฉันไม่ได้กินเธอสักหน่อยนะ พูดมาสิ”

หัวหน้าแผนกบัญชีกับเลขาฯต่างก็หันหน้าแลกสายตา กันเงียบๆ พร้อมด้วยขาของทั้งสองที่สั่นระรัว พวกเธอ หอบเอกสารเอาไว้แน่นเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าเอกสารเหล่า นั้นเป็นของอ่อนๆ แล้วล่ะก็ มันคงจะถูกรัดจนเละแน่

เธอไม่มีทางกินใครอยู่แล้ว แต่กับคนที่นั่งอยู่ในห้อง ทำงานอยู่อีกมุมนั่นสิ เป็นท่านหลงที่กำลังนั่งดื่มชาอ่าน นิตยสารอย่างสบายใจเฉิบ แต่กลับเป็นปีศาจธุรกิจที่กินคู่ แข่งไม่เลือกเลยถ้าหากพูดผิดไปแม่แต่นิด ชีวิตก็คงจบเป็นแน่

หลงเซียวนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวอย่างสบายๆ เขายกขา ทั้งสองขึ้นไขว่ห้าง พร้อมทั้งเอนตัวพิงพนักแขน และเอา มือที่เรียวยาวนั้นถือนิตยสารแฟชั่นอ่านอยู่

ดูแล้วก็เหมือนกับทำงานโดยไม่ได้หวังเงินอะไร แต่ถึง แม้เขาจะนั่งโดยไม่เปล่งเสียงอะไรออกมาเลยก็ตาม แต่ก็ ชวนให้คนที่พบเห็น รู้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล

ลั่วหานหันสายตาไปมองหลงเซียว ก่อนจะเม้มปากแอบ ยิ้ม มิน่าล่ะ!

เธอจึงเงยหน้าพูดขึ้น “ในห้องทำงานมีแค่พวกเราอยู่ นี้เอง จะกลัวอะไรกัน? ผ่อนคลายแล้วก็พูดอย่างกล้าๆ หน่อย หากพูดผิดไปฉันไม่โทษอะไรพวกเธอหรอกนะ พูดมาเถอะ”

หัวหน้าแผนกบัญชีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ บนใบหน้าหนาๆ ของเธอตอนนี้ก็เต็มไปด้วย รอยย่นจากการขมวดกัน บางๆ “คะ…ครับ ท่านประธาน”

หัวหน้าแผนกบัญชีจึงเริ่มอ่านเอกสารที่อยู่ในมือเธอ อย่างตะกุกตะกัก พอถึงช่วงกลางดูเหมือนเขาก็จะเริ่มพูด คล่องขึ้น พอผ่านไปช่วงหลังๆ ก็เริ่มพูดน้ำไหลไฟดับ พอ เวลาที่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา มือก็จะเป็นระวิงกันไปหมด

“สรุปแล้วนะครับท่านประธาน การพัฒนาของบริษัทใน ช่วงนี้ ถือว่าค่อนข้างดีครับ เมื่อได้เข้ากองทุนของเมือง A ก็สามารถได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับครับ แหะๆ”

ลั่วหานได้ยินแบบนั้นก็คึกคักขึ้นมา เธอตื่นเต้นเสียจน แทบจะปรบมือ “อืม ทำได้ดี…”

หลงเซียวปล่อยนิตยสารในมือลง ก่อนที่น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ของเขา จะดังขึ้นขัดคำชมของลั่วหาน “ค่อนข้างดีหรือ? หัวหน้าหวัง การที่นายพูดว่าค่อนข้างดีแบบนั้น ฉันไม่ ค่อยเห็นด้วยหรอกนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ