ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 303 ลั่วหานฝืนขีดจำกัดของตัวเอง



ตอนที่ 303 ลั่วหานฝืนขีดจำกัดของตัวเอง

ตอนที่ 303 ลั่วหานฝืนขีดจำกัดของตัวเอง

ทันทีที่ดึงตะปูออกมา เลือดจากร่างของผู้ชายคนนั้นก็พุ่ง กระจายไปทั่ว แม้ว่าในระยะเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อมาก็ถูกห้าม เลือดไว้ได้ทัน แต่ทั่วทั้งใบหน้าและชุดผ่าตัดของลั่วหานก็ถูก เลือดของผู้ป่วยสาดเข้าเต็มๆ

เลือดสีแดงกับกลิ่นคาวๆ ดูแล้วน่ากลัวอยู่ไม่น้อย

กลิ่นคาวฉุนๆจากเลือดสีแดงเข้มข้นลอยอยู่ใต้จมูกไม่ทันตั้ง ตัว ลั่วหานแทบอยากจะอ้วก เธอต้องรีบจัดการกับกลิ่นนี้ซะ “เช็ด สะอาด”

ผู้ช่วยเช็ดเลือดบนใบหน้าเธอเบาๆ แต่ก็ยังทิ้งล่องลอยคราบ เลือดของคนไข้อยู่ กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ทั่วทั้งใบหน้ากับชุด ผ่าตัดเต็มไปด้วยสีอันน่าสะพรึงกลัว

หลินซีเหวินอดร้องเสียงหลงไม่ได้ “ไอดอล สมกับที่เป็นไอดอล ฉันจริงๆ เวลาแบบนี้ก็ยังสงบขนาดนี้ได้ ไอดอล ฉันกราบคุณเลย! อยากจะก้มกราบคุณจริงๆ!
มือทั้งสองข้างของล้วหานเคลื่อนไหวไปมาในผนังหุ้มหัวใจของ คนไข้อย่างคล่องแคล่ว หญิงสาวตอบกลับขณะก้มหน้า “ที่ฉัน นิ่งได้มากกว่าเธอ ก็เพราะเคยเห็นเคสที่โหดกว่านี้มากเยอะ อีก หน่อยประสบการณ์เธอมากขึ้นรับรองว่าเธอจะนิ่งได้มากกว่าฉัน อีก…คีม”

หลินซีเหวินมองเจ้าหน้าที่เครื่องมือส่งคีมให้ลั่วหาน เธอเม้มปา กนิดๆแล้วถาม “ไอดอล เคสที่โหดที่สุดที่คุณเคยเจอมาเป็นยังไง คะ? คุณลองบอกมา บางทีฉันอาจจะรู้จักก็ได้

ล้วหานจ้องไปที่หัวใจของคนไข้ตาไม่กระพริบ ดูด”

“ฟู่!” เสียงเครื่องดูดดังขึ้น เลือดปริ่มๆถูกสูบออกไป จากนั้นลั่ วหานถูกได้ตอบคําถามของหลินซีเหวิน “เป็นอีกครั้งที่ฉันได้พบ กับนักกีฬาบนยอดเขา ชายคนนั้นตกลงมาจากหน้าผา ช่วงตัวถูก โขดหินบาดจนผิวหนังถูกเปิดออก เครื่องในทั้งหมดไหลออกมา อยู่ด้านนอก…

“แหวะ!”

ยังไม่ทันที่ล้วหานจะบรรยายจบ หมอคนนึงก็ทําท่าอยากจะอ้วก

หลินซีเหวินกลับยิ้ม “ว้าว นี่มันภาพหาดูยากชัดๆ! บรรยากาศ ตอนนั้นคงตื่นเต้นระทึกขวัญน่าดูเลยใช่ไหมคะ?”
ล้วหานถือมีดดำเนินการผ่าอย่างต่อเนื่อง “ใช่ ระทึกใจมาก ระทึกใจสุดๆ ตอนนั้นแทบจะเรียกได้ว่าฉันจับเครื่องในพวกนั้น ย้ายกลับเข้าบ้าน ถ้าได้ผ่าตัดเคสแบบนี้สักครั้งเธอจะเรียนรู้อะไร ได้เยอะมาก แต่โอกาสแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะมี

“ฉันรอคอยโอกาสแบบนี้จังเลยค่ะ!”

หลินซีเหวินพูดจบ หวาเทียนก็เหลือบไปมองเธอนิ่ง “จัดการ เรื่องในมือเธอตอนนี้ให้เสร็จดีซะก่อนเถอะ พิลึกคน”

“ชิ! ฉันเนี่ยนะ? ถึงรสนิยมฉันจะพิลึกไปหน่อย แต่ฉันก็ไม่ได้ ชอบนาย

“ดีจัง”

ตลอดการผ่าตัดเป็นไปอย่างยาวนานและตึงเครียด แต่เพราะ การพูดคุยของทั้งสองคนทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง ลั่วหานคอยวิเคราะห์สถานการณ์ของคนไข้ด้วยสมองที่ตื่นตัว เธอคอยถามชีพจรกับอัตราการเต้นของหัวใจอยู่เป็นระยะ หรือ ถามระบบหมุนเวียนภายนอกร่างกายเป็นไปตามปกติหรือไม่ บาง ครั้งก็พูดแทรกขึ้นมานิดหน่อยเพื่อปรับบรรยากาศ

เป็นอยู่แบบนี้จนผ่านไปแล้วสี่ชั่วโมง มือทั้งสองของหญิงสาว เริ่มชา ในระหว่างการผ่าตัดเมื่อถึงช่วงที่พักมือผู้ช่วยจะนวดให้ จากนั้นก็เริ่มผ่าตัดต่อ

หวาเทียมกวาดตาไปมองนาฬิกา หมอน ระวังของมือคุณด้วย อย่าฝืนเกินกำลัง อย่าทำลายพรสวรรค์ในสายอาชีพของคุณเพื่อ ช่วยคนไข้คนเดียว

หวาเทียนพูดจาอย่างตรงไปตรงมาและหนักแน่น ความเห็นของ เขาล้วนเข้าเป้า ตรงจุดที่ล้วหานกังวลมากที่สุด

“ตอนนี้ไม่เป็นไร การผ่าตัดยังต้องดำเนินต่อ พยาบาลเฉินโทร เข้าห้องผ่าตัดหมายเลขสอง ถามการผ่าตัดของหมอถังจะสิ้นสุด เมื่อไหร่

พยาบาลเฉินกดหมายเลขของห้องผ่าตัดข้างๆ ไม่นานพยาบาล ที่อยู่ตรงนั้นก็รับสาย

การผ่าตัดของคุณหมอถึงจะเสร็จเมื่อไหร่?

เสียงจากปลายสายจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นกระวนกระวาย “ตอนนี้การ ผ่าตัดของหมอถังเกิดเรื่องขึ้น ขณะกำลังผ่าตัดอัตราการเต้น หัวใจของคนไข้ผิดปกติอย่างรุนแรง มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิด

โรคแทรกซ้อน หรืออาจทำให้การผ่าตัดล้มเหลว
พยาบาลพยายามบ่มน้าเสียงให้นิ่งที่สุด แต่ก็ปิดความร้อนรน กระสับกระส่ายไม่มิด

หลังจากที่พยาบาลเฉินเล่าสถานการณ์ของห้องข้างๆให้ฟัง จนจบ คิ้วเรียงสวยก็ขมวดเข้าหากันแน่นจนเกือบจะรวมเป็นเส้น เดียวกัน “วางสายซะ ไม่ต้องให้หมอถังรู้สถานการณ์ของเรา”

“แต่หมอฉู่…คุณจะทำยังไง?”

ล้วหานมองมือขวาของตัวเอง ตอนนี้ถ้าไม่นับเรื่องความเหนื่อย ล้านิดหน่อยทุกอย่างก็ยังปกติดีอยู่ หัวของเธอก็ไม่ได้รู้สึกวิง เวียนเพราะเลือด นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี

“ฉันไม่เป็นไร ผ่าตัดต่อ

เวลาเดินไปทุกนาที ทุกวินาที จนผ่านไปเนิ่นนาน…

“เพลง!”

เสียงกระทบกันของมีดผ่าตัดกับถาดดังขึ้น ทําลายความกดดัน ตึงเครียดของทั้งห้องผ่าตัด วินาทีนั้นห้องทั้งห้องเงียบสงัดเฉ เช่นป่าช้าก็ไม่ปาน
ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างมองไปยังลั่วหา น สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก กระวนกระวาย ร้อนรน ทำอะไรไม่ถูก…

ลั่วหานมองมือของตัวเองนิ่ง ในแววตาแฝงไปด้วยความเหนื่อย หน่าย มือขวาของเธอเริ่มปวด ในเริ่มแรกมีอาการจืดๆ แต่ผ่านไป ไม่นานก็กลายเป็นความเจ็บปวดราวกับถูกของแหลมทิ่มแทงเป็น ระยะๆ จนความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ็บลึกไปจนถึงกระดูก

อย่างที่พูดกันว่านิ้วมือทั้งสิบเชื่อมโยงกับหัวใจ ในระดับความ เจ็บปวดแบบนั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลไปถึงหัวใจโดยตรง เธอรู้สึกหมดแรงจะสู้ เธอเจ็บปวดจนอยากยอมแพ้

ลั่วหานกัดฟันกรอด เหงื่อเม็ดเล็กๆบนหน้าผากรวมตัวเป็นเม็ด ใหญ่ร่วงลงจากใบหน้า

“มีด”

“หมอฉู่ คุณผ่าตัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ขืนยังฝืนทำต่อมือของ คุณได้พิการแน่ คุณปล่อยมือเถอะ ผมจะทำต่อเอง” หวาเทียน เดินจากฝั่งตรงข้ามมายังตำแหน่งที่ล้วหานยืนอยู่ ตั้งใจจะสลับ บทบาทกับเธอ

ล้วหานหันไปมองหวาเทียนอย่างมีสติ “นายเคยมีประสบการณ์ผ่าตัดคล้ายๆแบบนี้หรือเปล่า? แล้วผ่านไปด้วยดี ไหม? ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด การเย็บหัวใจให้คืนสู่สภาพ เดิมหากท่าพลาดแม้แต่นิดเดียวการผ่าตัดทั้งหมดจะล้มเหลว นายรับผิดชอบไหวไหม?”

คําถามรัวๆที่ส่งมาจากลัวหานทําเอาหวาเทียนมีสีหน้า เคร่งเครียดหนัก “หมอจู่ ผมมีประสาบการณ์การผ่าตัดอยู่หลาย ปี ผมไม่ใช่นักศึกษาหน้าใหม่ที่ไม่เป็นอะไรเลย ผมจะทําให้การ ผ่าตัดนี้จบลงด้วยดี แต่ถ้าคุณไม่ยอมปล่อยมือ คุณอาจจะเหนื่อย ตายอยู่ตรงนี้ ทําไมไม่ให้อากาสตัวเอง พร้อมทั้งให้โอกาสคนอื่น ดูสักครั้งล่ะครับ?”

ลัวหานคํามีดในมือแน่น ความเจ็บแปล๊บก่อตัวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ “ฉันให้โอกาสนาย พร้อมทั้งให้โอกาสตัวเองได้ แต่ชีวิตของ คนไข้ล่ะ? ไม่ใช่ใครจะให้ก็ได้ หมอสามารถผิดพลาดได้ แต่คนไข้ ผิดพลาดครั้งเดียวเขาจะต้องตาย นายเข้าใจไหม?”

หลินซีเหวินกับหวาเทียนหันไปมองลั่วหานพร้อมกัน ทั้งคู่มอง เห็นกฎเกณฑ์ เห็นความแน่วแน่ เห็นคุณธรรมของความเป็น แพทย์จากสายตาของเธอ

หวาเทียนหายใจลึก “มือของคุณ…อาจจะพิการ คุณรู้เรื่องนี้ดี
ลั่วหานกัดฟัน “ถามสถานการณ์ของหมอถังดูอีกที ว่าเขาจะมาที่ นี่ได้หรือเปล่า”

นางพยาบาลเฉินกดโทรศัพท์ ผ่านไปไม่นานก็พูดขึ้น “หมอถึง กำลังจะจบเคสผ่าตัด การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี หมอถังจะมาที่นี่ ภายในสิบนาทีค่ะ!”

เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ในใจถูกยกออก ลั่วหานหายใจได้ทั่ว ท้อง “ดี!”

“งั้นเรา…

“ผ่าตัดต่อไป หนึ่งนาทีของหมอคือโอกาสการมีชีวิตรอดของ คนไข้ แค่สิบนาที ฉันทนได้”

แต่ใครจะรู้ ว่าเชือกฟางเส้นสุดท้ายจะขาดทิ้งออกจากกันเมื่อ

ไหร่?

ยังไม่ทันจะจับมีดได้ถนัดมือดี ทันใดนั้นสมองของลั่วหานรา วกับถูกสายฟ้าฟาดเข้ามาอย่างจัง เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ สูญเสีย เรี่ยวแรงทั้งหมด ความมืดดำครอบคลุมเข้ามาทุกส่วนของเส้น ประสาท!

ปวด!
ปวดจนชา!

เธอบังคับตัวเองให้ต่อสู้กับความมืดที่จู่โจมเข้ามา แต่กลายเป็น ว่าเธอไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกต่อไป เสียงของมีดผ่าตัดที่ตกลง กระทบพื้นจนเป็นเสียงดัง “เพลง” เป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้ยิน ล้วหา นมีสีหน้าสะลึมสะลือก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ลั่วหานไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน คลื่น ขนาดใหญ่ไหลมาเป็นระลอก ท้องฟ้ามหึมาเหมือนอยู่ใกล้แค่ เอื้อม เรือลำเล็กล่องลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรสีดำ

“วลัว!”

“ลิ่วลัว!”

“ลั่วลัว! ตื่นสลัว ว! ตื่น!”

ไม่รู้ว่าเสียงนี้ดังมาจากที่ไหน ฟังดูช่างร้อนรน แฝงเต็มไปด้วย ความเป็นห่วง น้ำเสียงอันแสนเจ็บปวดราวกับหัวใจกำลังจะถูกฉีก ออกเป็นชิ้นๆ เสียงนั้นตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้น จนค่อยๆเปลี่ยน เป็นแหบแห้ง ไม่ไพเราะเหมือนตอนแรก

เธอกำลังพยายามคว้าอะไรบางอย่างในความมืด เธอ ตะเกียกตะกายอยากจะเอาอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นก็มือก็คว้าไปจับมือคู่ ง มันทั้งอบอุ่น ร้อนผ่าว แต่อ่อนโยน…

เหมือนกับได้เจอที่พักพิง เธอซบลงบนฝ่ามืออบอุ่นคู่นั้น ไม่ อยากจะต่อสู้กับอะไรอีก

ในใจมีที่พักพิง เธอสามารถฝากชีวิตตัวเองให้กับมือคู่นั้นได้ ไม่ ว่าในภายภาคหน้ามีจะเคลื่อนใหญ่แค่ไหนพัดผ่านมา เธอก็ไม่ กลัว

“หัวใจกลับมาเต้นแล้ว!

“ชีพจรก็มาแล้ว!”

หมอในห้องฉุกเฉินหายใจโล่งทันใด ทุกคนสายตาที่ลอบมอง ไปยังใบหน้าทะมึนตึงเครียดยิ่งกว่านางยักษ์สิบตัวรวมกันของ หลงเซียว พลันก็หายใจออก พวกเขาตกใจจนวิญญาณแทบจะ แยกออกจากร่าง

มือใหญ่กุมมือของลั่วหาน ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโหยหา แต่ชายหนุ่มกลับไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว

ชั่วขณะนั้น หัวใจของเขาราวกับจะหยุดเต้นไปพร้อมๆเธอ

นับตั้งแต่วินาทีที่เขารับโทรศัพท์ จนมาอยู่ในห้องฉุกเฉินมองดูชีพจรกับอัตราการเต้นหัวใจของหญิงสาวกลายเป็นศูนย์ วินาทีนั้นหัวใจของหลงเซียวเหมือนได้ตายไปพร้อมกับเธอแล้ว

ถ้าเขาต้องเสียเธอไปอีก เขาจะเป็นยังไง!

เขาไม่รู้! และไม่กล้าคิด

ตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หัวใจ ของชายหนุ่มก็ชื้นขึ้น

ผู้หญิงคนนี้! ยัยโง่!

หลงเซียวจับมือทั้งสองข้างของเธอแน่น แล้วยกขึ้นจุมพิต “ฉัน จะทำยังไงกับเธอดี? เด็กโง่”

เสียงพึมพำเบาๆ ที่ไม่รู้ว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากมายขนาด ไหน มันทั้งหนัก ทั้งหน่วง ทั้งปวดร้าว

ลั่วหานถูกส่งตัวไปยังห้องคนไข้VIP และตอนนี้เข้าสู่วันที่สอง เวลาเจ็ดโมงเช้า

“เธอเป็นยังไงบ้าง? ฟื้นหรือยัง?”
ถังจิ้นเหยียนเดินรีบร้อนมายังห้องพักฟื้น ทันทีที่เห็นตัวเลขที่ ปรากฏบนหน้าจอ จิตใจที่ฟุ้งซ่านของเขาถึงได้สงบลง “ไม่เป็นไร ก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว

หลงเซียวยังมีสีหน้าแววตาเชือดเฉือนไม่เปลี่ยน “ตกลงมันเกิด อะไรขึ้นแน่?!”

ถังจิ้นเหยียนผ่าตัดติดต่อกันมาสิบกว่าชั่วโมง รอบดวงตาของ เขาเริ่มมีสีคล้ำ ใบหน้าซูบตอบอย่างคนอ่อนแรง “มีคนไข้รายนึง ต้องผ่าตัดด่วน เป็นเคสที่รักษายาก มีแค่ฉันกับลั่วหานที่สามารถ ทำได้ แต่ฉัน…”

เมื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ถังจิ้นเหยียนรู้สึกได้ถึง แรงระเบิดในอากาศ

“มีแต่พวกโง่เง่า

หลงเซียวสบถด่าอย่างกราดเกรี้ยว เส้นเลือดปูดขึ้นตรงขมับ “ลั่วลั่วมีเลือดคั่งในสมอง มือขวาของเธอไม่สามารถทำการผ่าตัด ได้นานๆ นายไม่รู้หรอ?!!”

“ฉันรู้ แต่ตอนนั้นฉัน…

เอาเถอะ เขาหมดแรงจะอธิบายอะไรอีก
หลงเซียวนวดหัวคิ้ว “ดูท่าทาง ฉันคงต้องพิจารณาจริงจังเรื่อง เปลี่ยนงานให้เธอ”

ถังจิ้นเหยียนอ้าปากพะงาบ แต่พอคิดได้ว่านี่เป็นเรื่องระหว่าง สามีภรรยา คงไม่ดีถ้าเขาจะออกความเห็น จึงเงียบต่อไป

หลงเซียวลุกไปนั่งข้างๆเตียง เส้นเลือดแดงในลูกตาก็ค่อยๆ หายไป เหลือเพียงความอ่อนโยนกับรักใคร่ “ลั่วลั่ว จนถึงตอนนี้ ทำไมเธอยังไม่รู้จักดูแลตัวเองนะ? ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันจะทำ ยังไง?”

“ยัยโง่ จะทิ้งฉันให้อยู่บนโลกนี้คนเดียวหรือไง?

นิ้วเรียวลูบเส้นผมของเธอแผ่วเบา เสียงของชายหนุ่มแหบ พร่าเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดลงบนผิวน้ำทะเลจนทอแสงเป็น ประกาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ