ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 552 เวลาทดสอบ EQ มาถึงแล้ว



ตอนที่ 552 เวลาทดสอบ EQ มาถึงแล้ว

ตอนที่ 552 เวลาทดสอบ EQ มาถึงแล้ว

ในห้องทำงานที่กว้างใหญ่ พลันเงียบลงอย่างกะทันหัน ทำให้เลขาฯที่กำลังรอรายงานอย่างตื่นเต้น พลันตกใจ จนไม่กล้าจะทําอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคําพูดของท่าน หลง ที่ดังขึ้นขัดฝันหวานของหัวหน้าหวังด้วย

ลั่วหานหินสายตาจ้องเขม็งไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่บน โซฟา พร้อมทั้งส่งสัญญาณไปบอกเขาด้วยว่า อย่าทำให้ หัวหน้าหวังลําบากใจ

รายงานที่ได้ยินเขารายงานเมื่อสักครู่นี้ ถึงแม้จะไม่ สามารถเข้าใจกราฟการเติบโตอะไร หรือจะเป็นพวก การเปลี่ยนแปลง หรือความหมายของศัพท์เฉพาะ ของ ประเภทค่าเงินตราอะไรก็ตามแต่ แต่หัวหน้าหวังก็อธิบาย มาอย่างจริงจัง แถมยังมีท่าทางที่ดี ถือว่าเป็นขุนพล สำคัญภายใต้กู้เยนเซินเลยก็ว่าได้ คงจะไม่ทำอะไรผิด พลาดแบบนั้นหรอกมั้ง?

หลงเซียวยิ้มกลับให้กับสายตาของลั่วหาน ก่อนจะพูด ขึ้นทันทีว่า “ผู้ช่วยหวัง เมื่อกี้นายเพิ่งจะบอกว่า เดือนนี้ บริษัทได้กำไรที่งดงามมา แล้วสถิติพวกนี้มันมีถึงตอน ไหนหรือ?”

หัวหน้าหวังหันหน้าไปหาท่านหลงด้วยท่าทีที่สั่นเทิ้มเขาเกร็งเสียจนมือทั้งสองเกือบจะถือเอกสารหนาๆ ไว้บน มือไม่ไหว ก่อนจะเหลือบตามองดูตัวเลข “มะ…เมื่อวาน ครับ”

หลงเซียวพยักหน้า “พูดแบบนี้ แสดงว่าการทำงาน ของแผนกบัญชีถือว่าปกติมากเลยนะ แล้ววันนี้ตอนเช้า เก้าโมงครึ่ง ธนาคารได้ออกมาประกาศเรื่องอัตราแลก เปลี่ยนใหม่ล่าสุด กับการเปลี่ยนแปลงเลขจํานวนสี่ตัว ท้ายนั้น เธอรู้หรือเปล่า?”

หัวหน้าหวังคิดอะไรไม่ออกไปทันที ในเมื่อตัวเป็น พนักงานของแผนกบัญชี เวลามีข่าวสารอะไรใหม่ต้อง เอาใจใส่ตลอดเวลา แต่เรื่องที่ท่านหลงเซียวถามถึง ตัวเลขด้านหลังที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนั้น ทำให้ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ เพราะเมื่อเช้าตอนที่เขาดูอัตราแลก เปลี่ยนมานั้น เขาจำมาแค่สามตัวหน้าเสียด้วยซ้ำ

“เลขด้านหลังคือแปดเจ็ดหก…แต่ท่านบอกว่า ตัว เพราะงั้น ผะ…ผมจะรีบกลับไปตรวจเช็คด่วนเลยครับ หัวหน้าหวังมีเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากปลายจมูก แค่ มองหางตายังเห็นเลยด้วยซ้ำ

หลงเซียวหันสายตาไปมองที่เลขาฯอีกครั้ง “แล้วเธอล่ะ รู้ไหม?”

เลขาฯก้มหัวต่ำจนไม่รู้จะต่ำยังไงแล้ว จนแทบจะหดคอกลับเข้าไปเลยด้วยซ้ำ “ขอโทษค่ะท่านประธานหลง ฉันก็ไม่รู้ค่ะ”

ลั่วหานเองก็แอบเตรียมจะค้นหาในเว็บแล้วด้วย

“แล้วคุณล่ะประธานฉ่?”

ใครจะไปรู้ว่า ยังไม่ทันที่ลั่วหานจะได้ควักเอามือถือออก มา หลงเซียวก็โยนคำถามมาที่เธอซะได้

ลั่วหานไม่ค่อยเข้าใจเรื่องบัญชีกับเงินตราอะไรพวกนี้ นัก ปกติแล้วการแลกเปลี่ยนพันธบัตรดอลลาร์ ก็มักจะไป จัดการที่ธนาคารโดยตรงเลย อย่างมากที่สุดก็จะสนใจ แค่เลขท้ายสองตัวเท่านั้น ดังนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“เรื่องนั้น…ฉันเองก็ไม่รู้

น่าอายจริง แค่ถามพวกเขาก็ได้แล้วนี่ รู้ๆ อยู่ว่าเธอไม่รู้ อะไรเลยแต่ก็ยังถามอีก ท่านหลงจะล้อเล่นเกินไปหน่อย แล้ว

“ดีมากๆ”

หลงเซียวพูดดีมากขึ้นมาสองรอง ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินไปหยิบเอกสารจากในมือของหัวหน้าหวัง แล้ว พูดขึ้นต่อ “ทั้งสามคนที่ได้รับบทบาทสำคัญของบริษัท ฉู่ชื่อ แต่แม้แต่ความรู้พื้นฐานยังไม่มี หัวหน้าแผนกบัญชี ยังไม่เข้าใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ แต่กลับ อธิบายให้ฟังอย่างอลังการงานสร้าง แผนกบัญชีของ บริษัทก็ค่อนข้างดี แต่พนักงานไม่ได้มาตรฐาน คุณว่า กิจการจะไปตีได้ยังไงล่ะ?”

ตอนนี้หัวหน้าแผนกบัญชียืดตัวตรงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาก้มหน้ายอมรับผิดอยู่แบบนั้นไม่หยุด “ขอโทษด้วย ครับๆ เป็นเพราะผมบกพร่องในหน้าที่ คราวหน้าผมจะ…”

หลงเซียวไม่มีกะจิตกะใจจะรอฟังเขาพูดจบ “จากข้อมูล สถิติของบัญชี ทุกวันเวลาเก้าโมงครึ่งตอนเช้า ต้องท่า รายงานเรื่องยอดเงินใหม่ตลอด แต่กลับคํานวณรายรับ รายจ่ายของเมื่อวานมา แบบนี้เรียกว่าคุ้มค่างั้นหรือ?”

ลั่วหาน : “ ยแค่ขาดไปวันเดียวก็ไม่ได้งั้นหรือ?หัวหน้าหวังรู้ผิด จึงก้มหน้าพูด “ท่านพูดถูกแล้วครับ เป็น เพราะผมไม่เพียบพร้อมเองครับ”
ร่างกายของหลงเซียวตอนนี้ถูกแสงอาทิตย์สาดส่อง จน ดูแล้วเหมือนกับคนที่สดใสเป็นมิตร แต่กลับยากที่จะเข้า ใกล้

ลั่วหานคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทันทีที่เธอ อ้าปากก็คิดว่าคงจะทำให้เรื่องมันบานปลายกว่าเดิม จึง ปิดปากเงียบไปทันที

หลงเซียวเปิดเอกสารที่ถือไว้ ก่อนจะเลือกสถิติที่สําคัญ ออกมาหลายๆ แผ่น พร้อมทั้งเริ่มอ่านทำความเข้าใจ อย่างละเอียด ซึ่งเป็นการอุดปากของหัวหน้าหวังเอาไว้ อย่างง่าย

เป็นเพราะการทำหน้าทำตาของเขาเมื่อครู่นี้ ทำให้ดู เหมือนว่าเหตุการณ์มันน่าหัวเราะยังไงยังงั้น

ลั่วหานมองไปยังหลงเซียวที่ยืนตำหนิลูกน้อง อยู่เพียง โต๊ะทำงานกั้น เขาพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน ตอนที่ก้มตาต่ำ นั้น แววตาของเขาก็ดูยากแท้หยั่งถึง อีกทั้งใบหน้าด้าน ข้างของเขา ก็เผยให้เห็นเค้าโครงเดิมได้อย่างชัดเจน

เวลาที่หลงเซียวทำงานนั้น หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ เขาอยู่ในมาดที่นิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ชวนหลงใหลได้แม้ กระทั่งเส้นผมเลยทีเดียว

หลังจากพูดคุยเสร็จ หลงเซียวก็เอาเอกสารพวกนั้นยัดกลับใส่มือที่แข็งทื่อของเขา ก่อนจะใช้มือที่อบอุ่นตบ ลงไปบนบ่าเบาๆ “เหนื่อยหน่อยนะหัวหน้าหวัง ช่วยกลับ ไปทําใหม่อีกชุดหนึ่งทีนะ”

หัวหน้าหวังเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พร้อมทั้งรีบพูดว่า “ไม่เหนื่อยเลยครับๆ เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้วครับ!”

หัวหน้าหวังตกใจกลัวจนแทบจะหยุดหายใจไปเลย จาก นั้นหลงเซียวก็ฟังรายงานของเลขาฯอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเรื่อง สำคัญของบริษัทฉู่ซื่อในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ ในภาพ รวมก็ถือว่าควบคุมเอาไว้ได้

เขาจําต้องยอมรับเลยว่า ไป๋เวยมีความสามารถในการ บริหารจัดการมาก ถึงขนาดเอาบริษัทขนาดใหญ่ยกให้ กับเธออย่างไม่กังวลใจใดๆ เลย

ในที่สุดเลขาฯก็จากไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อผ่านช่วง เวลาที่เคร่งเครียดจนแทบจะเป็นลมไปหนึ่งชั่วโมงกว่านั้น ลั่วหานก็ผ่อนลมหายใจยาวบนเก้าอี้ ก่อนจะรีบดื่มชาลง ไปอีกหนึ่ง เพื่อระงับความตื่นตกใจเอาไว้

หลงเซียวเอามือทั้งสองค้ำโต๊ะ พร้อมทั้งเอียงกายเข้ามา ใกล้ใบหน้าที่ขาวผุดผ่องของเธอ ก่อนจะอมยิ้มมองเธอ ด้วยแววตาที่ดูน่าดึงดูด “เป็นอะไรไปหรือท่านประธาน ลองเล่าแนวคิดของคุณให้ฟังหน่อยสิครับ
“เหอะๆ ฮ่าๆๆ” ลั่วหานดื่มชาตามลงไปอีกอึกใหญ่ “สม แล้วที่เป็นท่านเซียว เวลาจะสอนใครนี่ทำตัวเหมือนฮิต เลอร์เลยนะ”

เป็นนักลงทุน เป็นนักเผด็จการ แล้วก็เป็นฮิตเลอร์จำแลง อีกด้วย

นี่คุณนายหลงของเขา จะหาคำที่ไพเราะกว่านี้มาเรียก

เขาไม่ได้งั้นหรือ?

หลงเซียวขมวดคิ้ว “ท่าทีอย่างเมื่อกี้เขาไม่ได้เรียกสั่ง สอนหรอกนะ แต่เป็นการชี้แนะแนวทางให้ถึงแก่นแท้ต่าง หาก ผมได้บอกถึงวิกฤตที่ซุกซ่อนไว้ของแผนกบัญชีให้ หัวหน้าหวังฟัง มันเป็นเพราะเส้นทางในการทําธุรกิจของ ผมมาสิบกว่าปี เคยผ่านส่วนที่ดีที่สุดมาก่อน ไม่ใช่ว่าเขา ทำงานได้ไม่ดีหรอก แต่เขาไม่เคยเจอเรื่องลำบากมามาก เท่ากับผมเท่านั้นเอง”

ดังนั้นเขาจึงได้เล่าประสบการณ์ที่โชกโชนของเขา สั่ง สอนและแนะนำให้เขาโดยไม่มีค่าตอบแทน แต่ก็เพื่อให้ ภรรยาของเขาเข้าใจด้วย

“ผมคิดว่าพวกเขาทำได้บกพร่องกันมาก และก็อาจจะ ทำให้คุณผิดหวัง ผมคิดว่าบริษัทฉู่ซื่อกับ MBK มีข้อแตก ต่างกันมากจริงๆ ดังนั้นคุณอาจจะมองไม่ถึงจุดนี้
ลั่วหานขมวดคิ้วแน่นจนเห็นร่องรอยบางๆ ในใจของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะไตร่ตรอง ว่าความแตกต่างของเธอกับหลง เซียวมันมีมากจริงๆ

หลงเซียวยืดแขนยาวๆ ของเขาข้ามโต๊ะไป คว้าเส้นผม ของเธอขึ้นมา แล้วทัดผมของเธอไว้หลังหู พร้อมด้วย กลิ่นเตกีล่าโชยมา

“บริษัท MBK ถือเป็นตัวอย่างให้เรียนรู้อย่างดีของบริษัท ฉู่ชื่อ บริษัทอู่ซื่อตอนนี้ยังไม่พร้อม แต่ผมจะให้พวกเขา ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละก้าวเอง”

ลั่วหานเอียงแก้มลงไปบนฝ่ามือของเขา เพื่อเข้าใกล้ ความอบอุ่นที่มีของเขา “คุณซื้อบริษัทฉู่ซื่อกลับมาให้ฉัน แถมบริษัทโมชื่ออีกด้วย มันมากเกินไปมาก ถ้าไม่ยังงั้น คุณไม่จดทะเบียนบริษัทโม่ซื่อไว้เป็นชื่อคุณงั้นหรือ?”

หากไม่ได้เป็นเจ้าของ ก็จะไม่รู้ว่าที่นั่นมีสภาพเป็น อย่างไร ลั่วหานมองดูบริษัทโม่ซื่อกับฉ่ซื่อมาตั้งแต่ต้น เธอถูกสถิติของบัญชีทำให้ตะลึงตกสั่นสะท้านก่อน หลัง จากนั้นก็ถูกปัญหาการบริหารที่ซับซ้อนทำให้ปวดหัวขึ้น อีก เธอเองไม่ใช่บุคลากรที่เหมาะสมแบบนั้นจริงๆ

หลงเซียวมองดูเวลาก็ใกล้จะได้เวลาแล้ว จึงจูงมือเธอ ขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นชื่อของคุณหรือของผม ทั้งบริษัทฉ่ซื่อและบริษัทโม่ซื่อ ต่างก็เป็นสินทรัพย์ในสัญญาสมรสของ พวกเราทั้งนั้น ทั้งคุณและผมต่างก็แบ่งกันคนละครึ่ง ดัง นั้นไม่มีข้อแตกต่างอะไร ถ้าหากคุณไม่อยากได้จริงๆ วัน หลังก็ค่อยยกให้ลูกก็ได้แล้วล่ะ”

หีอ? ยกให้ลูก? เฮอะๆๆ

“พ่อที่เผด็จการอย่างคุณนี่ใจกว้างจังนะ!”

“ผมดูคนเป็นอยู่แล้วน่า

หลังจากจัดการงานเสร็จ คุณหมอฉู่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ ก็เริ่มหิวขึ้นมา ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะไปหาอะไรกิน ก่อนสักมื้อ พร้อมทั้งฟังหลงเซียวสอนเรื่องเศรษฐกิจการ เงินด้วย

“นางฟ้า! นางฟ้ามาจริงๆ ด้วย! เมื่อกี้ฉันกำลังไปเอา รายการเดินบัญชีที่แผนกการตลาดอยู่เลย พอได้ยินว่า คุณมาฉันก็รีบมาหาทันที ไม่คิดว่าจะใช่จริงด้วย!”

พลันที่สุดทางเดินก็มีโจวโร่หลินกำลังวิ่งมาหาอย่างลุกลี้ลุกลนลั่วหานก็พยักหน้ารับ “ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ตอนนี้จัดการ ธุระเสร็จ และกำลังจะไปกินข้าวแล้วล่ะ”
โจวโร่หลินหันไปมองดูหลงเซียวที่อยู่ข้างๆ เธอ ก่อนจะ เบะปากให้ พร้อมทั้งยกมือทักทายอย่างเลื่อมใส “สวัสดี ค่ะ ท่านเซียว

หลงเชียวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“จะไปกินข้าวกันที่ไหนหรือคะ? ใกล้ๆ นี้มีร้านดีๆ เยอะ เลย งั้นให้ฉันแนะนำให้สักร้านแล้วกันนะคะ ถ้างั้น…จริงๆ แล้วฉันก้หิวอยู่เหมือนกันนะคะ…ฮัดเช้ย!!”

พอโจวโร่หลินพูดถึงช่วงที่ตื่นเต้น จู่ๆ เธอก็จามออกมา เสียงดัง เธอจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก “ขอโทษด้วยค่ะ พอดี ฉันเป็นหวัดน่ะ แค่กๆ”

หลงเซียวขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะดึงกายของลั่วหานมาไว้ ด้านหลังเพื่อปกป้องไว้ เพราะคนท้องมักจะติดเชื้อได้ง่าย เขาต้องปกป้องสุขภาพของลั่วหานเอาไว้

ลั่วหานเองก็เข้าใจดี จึงไม่ได้ขยับอะไร

“นางฟ้า ประธานกู้กับประธานไปกับหัวหน้าหวังไม่มีใคร อยู่เลย ฉันไปกินข้าวกับพวกคุณด้วยไม่ได้หรือคะ?” โจ วโร่หลินไม่ได้อยากจะหาใครไปกินข้าวด้วยหรอก เพียง แค่เธอทนรับการขูดรีดจากเกาจิ่งอานไม่ได้ เลยอยากจะ หาโอกาสที่จะทำให้เขายุ่งยากเท่านั้น
หลงเซียวปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ฉันกับลั่วลั่วไม่ได้จะไป กินข้าวแถวนี้หรอกนะ”

โจวโร่หลินร้องโอดครวญอย่างหดหู่ “งั้นก็โอเคค่ะ”

ลั่วหานมองดูสีหน้าของเธอที่ดูเหลืองไป คงจะเป็นทั้ง หวัดแล้วก็เป็นไข้ด้วย “ทำไมถึงไม่สบายล่ะ?”

“ก็ไม่ใช่เพราะเกาจิ่งอานหรือ ฉันประสาทแทบจะกินอยู่ แล้ว เขาให้ฉันเป็นคนคอยรับใช้เขา แถมยังให้ฉันนอน อยู่บนโซฟาห้องรับแขกที่บ้านเขาอีก ถ้าไม่เป็นหวัดก็ แปลกแล้วล่ะค่ะ!” โจวโร่หลินก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่าง รู้สึกปลดปล่อย ช่างสดชื่นจริงๆ!

“เกาจิ่งอานแกล้งเธอแบบนั้นเลยหรือ? เอาไว้วันหลังฉัน จะโทรไปเตือนเขาให้แล้วกัน หลังจากนี้เขาจะได้ไม่กล้า ทําอีก” ภาพความประทับใจที่เกาจิ่งอานมีต่อลั่วหานนั้น เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้น

แต่หลงเซียวกลับพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณโจวพูดแบบ นี้ก็ดูไม่ถูกเท่าไหร่นะ เกาจิ่งอานทำเพื่อช่วยเธอจาก บาดแผล การจะดูแลคนที่ช่วยชีวิตตัวเองก็แน่นอนอยู่ แล้ว แล้วจะบอกว่าเขามาแกล้งได้ยังไง?

“แต่ว่าฉัน…”
หลงเซียวจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง “แต่ว่าอะไร?”

โจวโร่หลินนิ่งไปทันที “ไม่มีอะไรค่ะ.…..

หลงเซียวดึงมือลั่วหานเอาไว้ไม่ให้เธอพูดอะไรอีก “ใน เมื่อไม่มีอะไร คุณโจวก็ดูแลเขาให้ดีก่อนแล้วกัน บุญคุณ และความแค้นต้องแยกออกจากกัน คุณโจวเองก็ฉลาด ขนาดนี้ คงจะรู้ว่าผมจะพูดว่าอะไรใช่ไหม?”

โจวโร่หลินเองก็พูดอะไรไม่ออกทันที ทำได้เพียงพยัก หน้ารับ “รู้แล้วค่ะ”

“ก็ดี งั้นผมจะรอข่าวคุณเกาหายดีนะ” หลงเซียวเผยรอย ยิ้มอย่างไม่อาจคาดเดา

หลังจากเดินออกมาจากตึกบริษัทตระกูลฉู่ซื่อ ลั่วหานกำ ลังพยายามคิดเข้าใจในความหมายของเขา หลังจากนั้น ก็ดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ จากนั้นก็มองด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์ “หลงเซียว นี่คุณกำลังแนะนำเกาจิ่งอานให้กับโจวโร่หลิน อยู่งั้นหรือ?”

หลงเซียวแสยะยิ้ม ขณะที่เขากำลังจะพูดนั้นเอง เขาก็ เห็นหวังเค่ยกำลังเดินเข้ามา ด้วยใบหน้าที่บวมเป่งมาก ราวกับถูกอัดมา

แค่ไปดื่มกาแฟกับภรรยาเก่า มันต้องโหดร้ายแบบนี้เลยหรือ? ช่างมีความสามารถจริงๆ

“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ? สรุปว่าใช่ไหม?” ลั่วหานรั้ง ชุดสูทเขามาถาม

หลงเชียวพลันพยายามยุ้ยปากให้เธอมองไปข้างหน้า

ชั่วประเดี๋ยวเดียว แววตาทั้งหกก็มองประสานกัน หวัง เคยที่ยืนอยู่ขั้นบันไดล่างนั้น ดูสีหน้าราวกับจนตรอก สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่ด้านบนก็ทำสีหน้าดูสว่างโชติช่วง

หวังเค่ยก้มหน้าอย่างกระอักกระอ่วน พร้อมอาศัย เส้นผมที่ปรกลงมาบังใบหน้าด้านซ้ายของตัวเองเอาไว้ “ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ท่านประธาน คุณหลง”

ลั่วหานเผยอมุมปาก “หวังเคย นาย…

หลงเซียวห้ามลั่วหานไว้อีกครั้ง ของเขานี่นะ เป็น คนท้องที่ไม่รู้จักแยกแยะสถานการณ์บ้างหรือไงนะ?

“ไม่ได้เจอกันนานนะ” หลงเซียวพูดขึ้น แสร้งทำเป็นมอง ไม่เห็นรอยบนหน้าของเขา
ลั่วหานเพิ่งจะสำนึกตัวขึ้นมาได้ นี่เธอเป็นคนปัญญา อ่อนจริงๆ นี่เธอคิดจะถามเขาว่าโดนผู้หญิงต่อยมางั้น หรือ?

พระเจ้า! สมองของเธอหายไปไหนแล้วกันเนี่ย?

หวังเคยชี้ไปข้างหน้าอย่างเขินอาย “ท่านประธานมีธุระ อะไรหรือครับ? ถ้าไม่มีล่ะก็ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ได้สิ ไปเถอะ”

“งั้น…ไว้เจอกันครับ” หวังเคยเดินโซซัดโซเซไปก้าวยาว ราวกับวิ่งหนีไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ