ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 63 อย่าเล่นแรง เป็นกระต่ายที่เชื่องซะ



ตอนที่ 63 อย่าเล่นแรง เป็นกระต่ายที่เชื่องซะ

ตอนที่ 63 อย่าเล่นแรง เป็นกระต่ายที่เชื่องซะ

ฝ่ามือจู่ลั่วหานค่อยๆ หดลงเป็นกำปั้นเบาๆ “หลงเชียว ฉัน เคยพูดแล้วใช่ไหมว่าฉันกับคุณเป็นแค่หัวหน้าลูกน้องกัน ปกติ”

ท่านเซียวมีความเย็นยะเยือกระหว่างคิ้วนิดหน่อย “ใน เมื่อเป็นแบบนั้น ฉันจะทำยังไงกับมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”

เขาพูดอย่างไม่ลังเล ถ้าจะจัดการถังจิ้นเหยียนจริงๆ ต้อง ลงมือรุนแรงแน่ๆ “ปล่อยเขาไป ฉันเชื่อฟังคุณและกลับมา แล้ว คุณทำจุดประสงค์สำเร็จแล้วนี่?”

นึกถึงเธออยู่ในอ้อมแขนมัน ท่านเซียวแค่อยากทำให้มัน

หายไปตลอดกาล!

“เฮอะ!” เขาทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา เพื่อแสดงความรังเกียจ

และโกรธเคือง

ถอยไม่ได้ ทำได้แค่เข้าไปอีกก้าวหนึ่ง “คุณอยากไปก็ไป ซะ ต่อไปก็ไม่ต้องมาขู่ฉันด้วยเหตุผลนี้”
ท่านเซียวไม่ชอบที่จู่ล้่วหานไม่แยแสและยั่วโมโหเขา มัน

ทำให้เขาโกรธมาก!

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์อันน่าเบื่อได้ทำลายความ กระอักกระอ่วนระหว่างทั้งคู่ มีเพียงท่านเซียวเท่านั้นที่ยัง ใช้เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เชยๆ แบบนี้

ท่านเซียวขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์เดินไปที่ระเบียงห้องผู้ ป่วย แล้วรับโทรศัพท์ขึ้นมา

นิ้วเรียวยาวออกแรงจับโทรศัพท์มากหน่อย จากมุม มองของลู่ลั่วหาน เห็นใบหน้าด้านข้างที่ดุร้ายและไม่อาจ ต้านทานได้พอดี และน้ำเสียงเยือกเย็นของเขาที่สามารถ ยิงคนให้ตายได้ด้วยเสียง

“ว่ามา”

คำพูดเดียวของเขา ทำให้แผ่นหลังจู่ลั่วหานสั่นสะท้าน

“บริษัทจู่ซื่อล่ะ?”

บริษัทจู่ชื่อ? บริษัทจู่ชื่อที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ของครอบครัวเธอ?

จู่ลั่วหานยกหูขึ้นมาตั้งใจฟังให้ชัดๆ แต่ท่านเชียวเดิน ไปที่ขอบระเบียงทันที เหยียดแขนออกมาแล้วดึงกระจก หน้าต่าง

เสียงดังกล่าวถูกกั้นด้วยกระจกโปร่งใส

หลังตระหง่านท่านเซียวไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด แม้แต่ การเคลื่อนไหวของการถือโทรศัพท์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง มีแค่ มืออีกข้างหนึ่งที่เคาะราวระเบียงเป็นจังหวะ

จู่ลั่วหานสงสัยในใจ หลงเชียวพูดถึงบริษัทจู่ชื่อ หรือว่า บริษัทจู่ชื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ด้านธุรกิจ? หรือด้านอื่นๆ?

การดำเนินงานธุรกิจของบริษัทฉู่ชื่อไม่ดีมาตลอด ความ ต้องการเงินของคู่ซีหรานและฟางหลิงหยู้ทั้งทางตรงและ ทางอ้อมไม่ใช่ครั้งสองครั้ง หรือตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ ยิ่งใหญ่ขึ้น?

คิดไปต่างๆ นานาสักพัก ท่านเซียวก็คุยเสร็จและกลับมา

จู่สั่วหานแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่รู้เรื่องอะไร ท่านเชียวก็ ไม่พูดอะไรสักคำ “วันนี้พักอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้กลับเมืองหลวง”

นี่คือคำพูดสุดท้ายของท่านเซียวในอีกสองชั่วโมงต่อมา เนื่องจากท่านเซียวออกไปหลังจากพูดจบ คนที่เฝ้าในห้อง ผู้ป่วยคือพยาบาลหญิงคนหนึ่ง

ทั้งสองจ้องมองกันและกัน ฉู่ลั่วหานทำได้เพียงควัก โทรศัพท์ตัวเองออกมาเล่น

เปิดวีแชท จู่ลั่วหานส่งอิโมติคอนร้องไห้หนักมากให้ลู่ซ

วงซวง

“เพื่อนรัก ในที่สุดแกก็ออกมาแล้ว! ทำไมโทรหาแกไม่ ได้? ฉันเห็นแกถูกโรงพยาบาลส่งไปที่หมู่บ้านผู้ป่วยโรค เอดส์ เชีย หัวหน้าโรงพยาบาลพวกเธอโดนหมาเลียสมอง หรือเปล่า!”

เอ่อ..
พูดมาเป็นขบวน จินตนาการท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันของลู่ ซวงซวงขณะส่งมาได้เลย

“ภูเขาน่าจะไม่มีสัญญาณ ตอนนี้ฉันย้ายสนามรบแล้ว พรุ่ง นี้กลับเมืองหลวง”

“ดีมาก! ข่าวดี! ออกมาจากที่นั่นได้ก็ดี พระเจ้า ฉันตกใจ แทบตาย!”

“มีข่าวร้ายอีกหนึ่งข่าว คือฉันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บ ตอน นั้นนอนอยู่โรงพยาบาล ต้องการการดูแลจริงๆ ตอนฉันกลับ ไปอย่าลืมเอาซุปไก่กระดูกและซุปเต่าที่คุณป้าทำมาให้ฉัน หน่อย”

“เชี่ย! เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้! เป็นอะไรมาก ไหม? มีคนอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

ฉู่ลั่วหานหัวเราะ “มี….แต่….”

“แต่อะไร? หมายความว่าไง?”

“หลงเชียวอยู่ที่นี่…”
ทางนั้นเงียบไปนานสักพัก จากนั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่ตื่น แต้น และไม่เกรี้ยวกราดอีก กลายเป็นกระต่ายเชื่องๆ งั้น เดี๋ยวกลับไปจะเอาซุปไปให้ เธอดูแลตัวเองให้ดีนะ ดูแลตัว

อัยบ้าน! ไม่เป็นเพื่อนตายเลย

ที่โชคไม่ดีไปกว่านั้น ตระกูลหลงบ้านเก่าแก่เพิ่งโทรมา หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า

เห็นบ้านเก่าแก่โทรมา ลั่วหานก็เกือบทิ้งโทรศัพท์ โทรศัพท์จากบ้านเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็นหยวนซูเฟินหรือหลง ถึง สองยักษ์ใหญ่นี้ ไปยั่วโมโหไม่ได้

ตัดสินใจ หายใจให้สม่ำเสมอ รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล…

ลั่วหานกระชับมุมผ้าห่มแน่นอย่างกระวนกระวายใจ รอ ทางนั้นอย่างเงียบๆ สักพักหนึ่งก็มีเสียงดังขึ้นมา

“ฉันเอง”

ปังๆๆ
เสียงที่เต็มไปด้วยลมหายใจของหลงถึงดังเข้ามา ลั่วหา นเกือบตกเตียง พยายามถือโทรศัพท์เอาไว้แน่น ฝ่ามือเธอ เปียกไปด้วยเหงื่อ

“พ่อ….คุณ มีอะไรเหรอคะ?”

เสียงของฉู่ลั่วหานต่ำลงอย่างควบคุมไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อตาเธอหลังจากเป็นสามีภรรยา กับหลงเชียว กดดันมาก ประสาทตึงเครียด ประหม่าอย่าง เห็นได้ชัด

ในขณะนี้ หลงถึงนั่งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่ คฤหาสน์ตระกูลหลง สายตายากที่จะหยั่งรู้ของเขามี กลยุทธ์และลึกซึ้งที่สะสมมาจากวงการค้าครึ่งชีวิต และ หลงจือที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา อ่อนนุ่มเป็นเด็กคน หนึ่ง

หลงจื่อและหลงถึง ไม่ใช่แค่แตกต่างจากอายุเท่านั้น

“เสี่ยวจื้อช่วงเวลานี้ทำเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

หะ?
หลงถึงโทรมาหาเธอถามเรื่องน้องสามีเธอจริงๆ เหรอ? ฉู่ ลั่วหานพัวพันกันอุตลุดแล้ว พี่สะใภ้อย่างเธอ จะพูด? หรือ ไม่พูด?

คิดแล้ว พูดไม่ได้ เรื่องที่หลงจื้อทำ หลงถึงรู้แล้ว ถึงแม้ เขาจะยอมรับเขาอีกครั้ง เดาว่าก็ต้องโดนหวดสักที

ูลั่วหานยิ้มอย่างอ่อนโยน “พ่อคะ เสี่ยวจื้อเพิ่งกลับ ประเทศ เราเจอกันแค่ครั้งสองครั้งเอง เรื่องชีวิตเขาฉันไม่ แน่ใจหรอกค่ะ”

หลงจื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ ในใจก็แอบพนมมือ พี่สะใภ้ เธอเป็น พี่สะใภ้ฉันจริงๆ!

หลงจื้อหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกตัวเองหนีความตายรอด

แล้ว

แต่ถ้าหลงถึงปล่อยไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่หลงถึงแล้ว “เธอเป็น สะใภ้คนโตของตระกูลหลง ในอนาคตต้องดูแลตระกูล หลงทั้งตระกูล ตอนนี้ปิดบังและหลงระเริง มันไม่เป็น ประโยชน์ต่อเธอและใครในตระกูลหลงเลย”

เชี่ยแล้ว คุณท่านต้องการสั่งสอนลูกชาย อยากจะล้อพูดจากปากเธอฉู่ลั่วหานรู้สึกกดดันมาก ตรงหน้ามืด สมิท ซิ่งเครียดขึ้น

“ฟอค…ฉันเข้าใจคุณพ่อนะคะ แต่ฉันไม่แม่ใจจริงๆ ค่ะ ไม่เป็นคุณพ่อลองถามเสี่ยวจืออูดิใหมคะ?”

หายใจออก หายใจออก หายใจออกจะขาดอากาศ หายใจตายไม่ได้

หลงถึงมองหลงจื้อ สายตาเหมือนคบเพลิงจ้องมองเขา และเลยถามต่อ “พูดความจริงมาอย่าให้ฉันพูดซ้ำ

ส่วนทานกัดฟัน หลงจื้อก็กัดฟันเช่นกัน

การเผชิญหน้า ความเงียบ ความกดดันที่ไม่มีชีวิตชีวา

ลั่วหานกระดูกคิ้วยกสูงขึ้นถ้าพูดออกไปหลงจื้อจะตาย

ไหม?

พฤติกรรมเหล่านั้นของหลงจื้อ โดยรวมแล้วคือการเกเร

ต่อพี่สะใภ้
เชี่ย คำพวกนี้น้อยใจจริงๆ

“พ่อครับ ในงานเลี้ยง ผมใจร้อนเอง ไม่เกี่ยวกับพี่สะใภ้”

“ใครอนุญาตให้แกพูด!”

จู่ลั่วหานสมองจะแตก การเผชิญหน้าของพ่อลูกคู่นี้ต้อง ให้เธอออกมาเป็นมือที่สามด้วยเหรอ? แนวคิดเจ้าเล่ห์นี้ เหมาะกับวิธีที่คนในตระกูลหลงทำเรื่องต่างๆ จริงๆ

ที่แท้ก็เรื่องที่งานเลี้ยง

ดูเหมือนคุณท่านตระกูลหลงจะรู้เข้าแล้ว ก็จริง ในวันนั้น ที่นั่นมีผู้คนมากมาย แวดวงธุรกิจขนาดใหญ่ขนาดนั้น แพร่ กระจายไปยังทุกคนโดยปริยาย

“คุณพ่อ วันนั้นฉันไม่ได้ระวังตกลงไปในสระว่ายน้ำ เสี่ยว ซื้อแค่อยากช่วยฉัน ท่านอย่าโกรธเลยนะคะ อย่าโทษเขา

เลย”

“ฉันสั่งสอนลูกชาย ไม่ต้องให้เธอมาช่วยออกความเห็น”

ทุบด้วยประโยคเดียว จู่ลั่วหานถูกตบหน้า ใช่แล้ว เธอมี สิทธิ์อะไรไปออกความเห็นล่ะ?

“ดูเหมือนเสี่ยวจื้อจะทำผิดจริงๆ ฉันรู้แล้ว”

ตามด้วยประโยคสุดท้าย ขณะที่หลงถึงวางสาย ใน ลำโพงก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับหลงจื้อ ดุร้าย เด็ดเดี่ยว ไม่ เหมือนพ่อแท้ๆ เหมือนศัตรู

“คุกเข่าลง!”

ความตกใจกลัวนี้ จู่ลั่วหานถือโทรศัพท์ไว้ไม่อยู่จริงๆ ตกลงจากเตียงดัง “โครม”

หลงถึงจะจัดการหลงจื้ออย่างไร? ฆ่าเขา? ลงโทษเขา

ทางร่างกาย? ยิงเขา?!

ฉู่ลั่วหานกำลังระดมความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หัวหน้าแก๊งมัก ทำเพื่อจัดการกับพรรคพวกที่ทรยศ ร่างเรียวยืนนิ่งอยู่หน้า เตียงผู้ป่วยของเธอ เธอจ้องมองโทรศัพท์ รองเท้าหนังสี ดำเงาหยุดอยู่ข้างๆ โทรศัพท์ มองขึ้นไปตามกางเกงก็คือใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของหลงเซียว

“คุณเป็นผีหรือไง? เดินมาไม่มีเสียง ตกใจหมด!”

“เพราะเธอทำเรื่องละอายใจไง”

รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดมากกว่าครึ่งประโยค คู่ลั่วหา นทานยาน้ำเสร็จแล้ว ตัวเองเอาผ้าห่มออกเตรียมจะหยิบ โทรศัพท์ ท่านเซียวเตะโทรศัพท์ออกไปเบาๆ ห่างออกไป สองเมตรอย่างไม่คาดคิด

คู่ลั่วหานโมโห!

“หลงเซียว คุณเป็นอะไร? หงุดหงิดอะไรกับโทรศัพท์? หยิบขึ้นมาให้ฉัน!”

ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่ๆ ถึงได้ให้ท่านเซียวหยิบ โทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอ พูดจบฉู่ลั่วหานก็กัดปากทันที จบ แล้ว เมื่อครู่นี้สมองไม่ได้ติดตั้งในศีรษะ

ท่านเซียวนั่งโซฟา ไม่ได้อธิบายเลยสักคำที่เมื่อครู่นี้ออก ไปโดยฉับพลัน มองดูนาฬิกาข้อมือปาเต็กฟิลิปป์ “อีกหนึ่ง ชั่วโมงออกเดินทาง คืนนี้กลับเมืองหลวง”
จู่ลั่วหาน :

คิดจะเปลี่ยนแผนก็เปลี่ยน ทำอะไรก็เอาตามเวลาและ อารมณ์ของตัวเองเท่านั้นอยู่ตลอดเวลา

“ตามใจ!”

ฉู่ลั่วหานนอนลงไปอย่างขุ่นเคือง วันนี้ร่างกายเธอบาด เจ็บ จิตใจก็บาดเจ็บ แถมยังตกใจด้วย ตอนนี้เธอรู้สึกอยาก ตีคนอยากด่าคน

“ไม่ได้ฟังฉันพูดหรือไง? อีกหนึ่งชั่วโมงออกเดินทาง”

“ฉันไม่ได้หูหนวก ฉันได้ยินแล้ว”

“ได้ยินแล้วก็ลุกขึ้นมา”

บอกว่าอีกชั่วโมงหนึ่งไม่ใช่หรือไง?!

ฉู่ลั่วหานถูกท่านเซียวดึงขึ้นมา ทันใดนั้นก็ถูกท่านเซียวอุ้มไปทันที

อย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากอุ้มเธอไป พยาบาลก็เอา โทรศัพท์มาให้

ฉู่ลั่วหานไม่คิดเลยว่า ก่อนออกเดินทางยังมีมื้อเย็นอีก

มื้อ..

นั่งบนโต๊ะอาหารมองหน้ากัน คู่ลั่วหานถือตะเกียบแอบ มองท่านเซียว ทานอาหารอย่างช้าๆ

ท่านเซี่ยวตักอาหารอย่างสง่างาม ทานอาหาร ทานซุป ไม่ ช้าไม่เร็ว ไม่มีท่าทางรีบร้อนเลยสักนิด

“ท่านเซียว ทำไมจู่ๆ ก็กลับไป? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ฉู่ลั่วหานไม่สบายใจ ในโทรศัพท์ท่านเซียวพูดถึงบริษัทฉู่ ชื่อ หลงถึงก็ถามอีกว่าหลงจื้อไปทำอะไรมา พอเอามารวม กันก็เกิดบรรยากาศตึงเครียด

ท่านเซียวพูดขึ้นมาหนึ่งประโยคอย่างไม่คาดคิด “กินข้าว

ห้ามพูด” จัดการจู่ลั่วหาน
กินข้าวห้ามพูดอะไรกัน เมื่อก่อนเขาชอบถามเธอที่โต๊ะ

อาหาร สั่งสอนเธอ พูดจนเธอพูดไม่ออก

อากnt ทำไมเธอต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้

ทานอาหารแล้ว ท่านเซียวก็อุ้มเธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แบก รับความสงสัยและความกังวลเอาไว้ เฮลิคอปเตอร์ขับไปที่

เมืองหลวง

มาถึงเมืองหลวงก็สองทุ่มกว่าแล้ว คู่ลั่วหานคิดว่าท่าน เซียวจะพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล ใครจะไปรู้ว่ารถโรลส์ รอยซ์สีดำจะตรงไปที่คฤหาสน์รีสอร์ทหยีจิ่ง

สั่งหานออนหายใจเบาๆ กลับมาอีกแล้ว!

ท่านเซียวขยับอย่างเดียว ไม่พูดอะไรตลอดทาง อุ้มเธอ มาถึงห้องนอนชั้นสอง และสั่งให้เธอนอนอย่างว่าง่าย

“คุณคิดว่า นอกจากนอนแล้วฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านี้

ไหม?

ท่านเขียวไม่สนใจเธอ ผ่านไปสักพักหนึ่ง หมอจ้าวแพทย์ประจำตัวของตระกูลหลงก็มาถึง ทำการตรวจสอบ ให้ฉู่ลั่วหานอย่างละเอียด หมอจ้าวเป็นอายุรแพทย์จาก โรงพยาบาลทั่วไปในอเมริกา ผสมผสานระหว่างแพทย์ แผนจีนกับตะวันตก มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม

“เธอเป็นไงบ้าง?”

หมอจ้าวพยักหน้าพูดขึ้น “อาการบาดเจ็บที่แขนคุณนาย ต้องพักผ่อนให้ดี แต่ ….มีบางคำที่ผมไม่รู้ว่าควรพูดยังไง

ดี”

ฉู่ลั่วหานและหลงเชียวขมวดคิ้ว เขามองจู่ลั่วหาน “พูด

เถอะ”

ไม่ต้อง! หมอจ้าว ฉันเองก็เป็นหมอเหมือนกัน ทุกคนมี ปัญหาเล็กน้อยที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ต่อไปฉันจะระวัง! หมอ จ้าวรบกวนคุณมากแล้ว ตอนนี้ดึกมาก ให้คนขับรถไปส่ง คุณกลับดีกว่านะคะ”

หลงเซียวมองเธออย่างเย็นชา ถามต่อว่า “พูดมา พูด ความจริงมา”
เธอพยายามจะปิดบังอะไร? ท่านเซียวต้องรู้!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ