ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 526 ความรักคือแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ



ตอนที่ 526 ความรักคือแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

ตอนที่ 526 ความรักคือแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

สองแม่ลูกแยกจากกันตอนที่หลงจื่ออายุแปดขวบ ซึ่งถือ เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน ถึงแม้สายเลือดยัง คงเกี่ยวดองเป็นแม่ลูกกัน แต่กลับมีความไม่คุ้นเคยเป็น อุปสรรค

โฉหวั่นชิงเดินถือนมอุ่นหนึ่งแก้วให้กับหลงจื่อ และชวน หลงจีอนั่งลง แล้วยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนเหมือนตอน นั้น ขณะที่คิดอยากยื่นมือลูบหัวลูกชายเหมือนตอนนั้น สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิด

“เสี่ยวจื่อดื่มนมเถอะ นั่งเครื่องบินมาทั้งวันคงเหนื่อยน่า ดูเลย ดื่มนมสร้างความอบอุ่นกระเพาะหน่อย เมื่อก่อน ลูกชอบดื่มนมมากที่สุดเลย” ในแก้วที่โปร่งใสบรรจุนมอุ่น เต็มแก้ว ขณะเดียวกันก็มีไอความร้อนลอยขึ้นมาด้วย แต่ บรรยากาศทั้งรู้สึกคุ้นเคยและแปลก

หลงจื่อยื่นมือจับแก้วนมไว้ “ครับ”

ในตอนนั้นเขาชอบดื่มนมมากจริงๆ อีกอย่างชอบดื่มนม อุ่นๆด้วย หลังเลิกเรียนกลับบ้านทุกครั้งเขาชอบเทนมดื่ม หมดหนึ่งแก้ว หลังจากดื่มเสร็จชอบเลียริมฝีปาก และพูด อย่างภาคภูมิใจว่า “แม่ครับ ผมดื่มหมดแล้ว!”
ซึ่ง โฉหวั่นชิงในตอนนั้นชอบผูกผ้ากันเปื้อนยุ่งอยู่กับ การทํากับข้าวอยู่ในตัว เธอหันหลังก้มตัวดูใบหน้าที่ไร้ เดียงสาของลูกชาย และยิ้มอย่างอ่อนโยน “เก่งที่สุด เสี่ยวจื่อเก่งที่สุด ดื่มนมเยอะตัวจะได้โตไวๆ

หลงจื่อชอบเบิกตากว้างจ้องมองเธอ และซักถามอย่าง สงสัยว่า “หากผมโตแล้ว สามารถเจอพ่อได้ไหมครับ?”

“อืม รอให้เสี่ยวจีอโตก่อน ก็จะสามารถพบพ่อได้” ใน ตอนนั้น โฉหวั่นชิงมักชอบพูดให้กำลังใจลูกชายแบบนี้

ให้เขากินข้าวอย่างเรียบร้อย ให้เขาตั้งใจเรียน ให้เขา นอนหลับอย่างสบาย และเป็นเด็กที่เชื่อฟังด้วย

เสี่ยวจื่อเชื่อประโยคนั้น นับตั้งแต่ตอนเด็กมาก จนถึง ตอนอายุแปดขวบ

ต่อมา เขาได้พบกับพ่อเหมือนกับที่ตัวเองวาดฝันไว้ แต่ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาพลาดโอกาสอยู่กับแม่ และเกิดรอย แตกร้าวขึ้น

ในตอนนี้ เหมือนกับแก้วนมในมือของหลงจื่อหนักมาก ไม่เหมือนกับตอนที่มือขนาดเล็กเทนมใส่แก้วเอง คิดไม่ ถึงตอนนี้จะรู้สึกหนักขนาดนี้ จนแทบไม่สามารถยกขึ้นมา ตรงริมฝีปากเลย
เขาดื่มจําหนึ่ง ซึ่งคราบนมสีขาวติดริมฝีปากของเขาเล็ก น้อย

โฉหวั่นชิงจ้องมองคราบนมข้างริมฝีปากของเขา แล้วยื่น มือหยิบทิชชูจะมาเช็ด “โตขนาดนี้แล้ว ดื่มนมยังทำเปื้อน อีกหรอ เดียวแม่ช่วยเช็ดให้”

มือของเธอยังไม่ทันสัมผัสคางของหลงจื่อเลย เขาก็ หลบหลีก “ไม่เป็นไรครับ เดียวผมเช็ดเอง”

อันที่จริงแล้วไม่ได้เด็กแล้ว เพราะเวลาได้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างหมดแล้ว

โฉหวั่นชิงดึงมือกลับมา และยิ้มแย้มกลบเกลื่อนความ รู้สึกเก้อเขินเมื่อกี้ ในตอนนี้เธอไม่เหมือนแม่คนหนึ่งเลย แต่เหมือนกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งมากกว่า

หลงจื่อเช็ดปากตัวเอง แล้ววางแก้วนมลงไม่ดื่มอีกแล้ว เขามองประเมินบ้านที่แม่อยู่อาศัย บริเวณของบ้านไม่ ถือว่าเล็กมาก สามห้องนอนสองห้องโถง ที่ตั้งทำเลก็ไม่ ถือว่าแย่มาก หากยึดตามราคาล้านของอเมริกา นี่ถือเป็น พื้นที่อยู่อาศัยระดับดีเลย

ดูเหมือนพ่อไม่ได้สร้างความลำบากต่อเธอเลย

การตกแต่งบ้านถือว่าไม่เลว โดยตกแต่งสีเปลือกไข่เป็นหลัก ที่เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ถึงแม้ไม่สามารถเทียบ ความหรูหราของคฤหาสน์ตระกูลหลงได้ แต่มีบรรยากาศ เหมือนบ้านมากกว่า

“หลายปีมานี้ คุณเป็นยังไงบ้าง? สบายดีไหมครับ?” หลง จื่อพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ผู้ชายอายุยี่สิบกว่าปี เวลาพูด จะไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง และไม่รู้จักกาลเทศะด้วย นึก อยากถามอะไรก็ถาม”

โฉหวั่นชิงปัดเส้นผมเกี่ยวข้างหู แล้วพูดขึ้นว่า “แม่สบาย ดี ตั้งแต่ลูกกลับประเทศกับพ่อ แม่ก็ย้ายบ้าน และไม่ได้ อยู่อเมริกาหลายปี นี่เพิ่งย้ายกลับมาเอง”

หลงจื่อจ้องมอง โฉหวั่นชิงในประโยคที่เรียบง่ายของ เธอนั้น เขาสัมผัสได้ว่าหลายปีมานี้เธอใช้ชีวิตผ่านมาไม่ ง่ายดายเลย เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่มีญาติ ไม่มีคน รอบครัว ใช้ชีวิตเร่รอนมาตลอด ถึงแม้เธอพูดอธิบาย อย่างเรียบง่าย แต่ในน้ำเสียงและเนื้อหา เขาสามารถ จินตนาการออก

“คุณคงใช้ชีวิตมายากลำบากมากเลยใช่ไหม? แม่” หลง จื่อหันหน้ามองเธอ

เธอไม่ได้มีหน้าตาอ่อนเยาว์ครั้นที่จากกันไปตอนนั้น แล้ว ช่วงเวลาได้ทิ้งร่องรอยประทับบนใบหน้าของเธอ เรียบร้อยแล้ว และเธอไม่สามารถย้อนกลับไปในตอนนั้นด้วย

เธอในตอนนี้สวมเสื้อผ้าธรรมดา ไม่ใช่แบรนด์เนม คง เป็นเสื้อผ้าตามท้องตลาด หากรวมราคาเสื้อผ้าบนตัวเธอ ทั้งหมดคงไม่สามารถซื้อเข็มกลัดเส้นเดียวของเขาได้ หรอก

เธอกุมมือทั้งสองข้างด้วยท่าทางตื่นตระหนก ซึ่งบนนิ้ว มือของเธอสามารถเห็นรอยแผลจางๆ หลายปีมานี้เธอได้ รับเงินจากตระกูลหลงมาโดยตลอด แล้วทำไมถึงปล่อย ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ?

“แม่ใช่ชีวิตยากนําบากหรือเปล่าล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเพียงลูกมีชีวิตที่ดีก็เพียงพอแล้ว เสี่ยวจื้อ ความ ปรารถนาเดียวของแม่คืออยากให้ลูกสุขสบาย ลูกอยู่ บ้านตระกูลหลงเป็นยังไงบ้าง?”

เธอมองประเมินการแต่งตัวของลูกชายเล็กน้อย ซึ่ง เสื้อผ้าแบรนด์เนมบนตัวลูกชายเธอล้วนรู้จัก จากนั้นก็ จ้องมองใบหน้า และพบว่าใบหน้าหล่อเหลาและมีราศี มาก ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่บ้านตระกูลหลง อย่างสุขสบายดี

ดูเหมือนว่าหลงถึงไม่ได้สร้างความลำบากต่อเขาเลหย

“แม่พูดอะไรของแม่หรอ? แม่เป็นแม่ของผม หากแม่ไม่สบาย แล้วผมจะสบายได้ยังไง?” หลงจื่อรู้สึกแสบตา รุนแรงมาก จนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

โฉหวั่นชิงยื่นมือกุมมือของเขาไว้ไม่อยากให้เขาพูดอีก “เสี่ยวจี๋อ แม่ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ความปรารถนาที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดของแม่คือเห็นลูกมีอนาคตที่สดใส ไม่เหมือน แม่ที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง”

เธออมยิ้มและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน แต่เมื่อฟังค่า พูดแล้วรู้สึกเศร้าใจมาก

หลงจื่อลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย “ที่ผมมาอเมริกาครั้งนี้คงสามารถอยู่เป็นเพื่อนแม่สักพัก หนึ่ง วันนี้ดึกมากแล้ว ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน พรุ่งนี้เรา ไปเดินเล่นบนถนนกัน”

โฉหวั่นชิงทำตัวไม่ถูก แต่ยิ้มแย้มอย่างเบิกบานใจ “จริง หรอ? ลูกจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่หรอ? ดี….ดีมากเลย พรุ่ง นี้พวกเราไปเดินเล่นบนถนนกัน ลูกอยากกินอะไร อยาก ดูอะไร พวกเราไปทำด้วยกันนะ!”

เสี่ยว อไม่หันหน้ากลับไป แต่เดินตรงเข้าห้องน้ำ เขา กลัวว่าหากหันหน้าไปแล้วจะร้องไห้

หลงจื่อมีความสูงอยู่ที่หนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร ซึ่ง ถือว่าสูงสง่ามาก เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกหนึ่งเม็ดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ

น้ำฝนโปรยสาดลงบนตัวของเขา พร้อมไหลลงจากบน หัวแล้วไหลลงเปียกไปทั่วร่างกาย เขาหลับตาด้วยความ เจ็บปวด ขณะเดียวกันแผ่นหลังก็มีเม็ดน้ำเกาะอยู่ ถึงแม้ จะเป็นน้ำอุ่น แต่เขากลับรู้สึกหนาวหัวใจมาก

เขายื่นมือทั้งสองข้างย้นบนผนังกระเบื้องข้างหน้า ขณะ เดียวกันนิ้วทั้งห้าก็แยกออกจากกันและง้อตัวเล็กน้อย เหมือนกับเขาอยากขย้ำกระเบื้องให้แหลกสลาย

หลงจื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับน้ำฝนโปรย จนน้ำ ไหลลงในจมูก ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแปลบขึ้น

ไม่นานเขาก็ยกมือลูบบนใบหน้าเพื่อปัดน้ำออก

ในตอนกลางคืนของนิวยอร์กมีดวงจันทร์แขวนอยู่บน ท้องฟ้า หลงจื้อสวมเสื้อคลุม และกำลังยืนอยู่ตรงระเบียง อย่างเงียบๆ พร้อมกับยื่นมือจับราวกำแพง และจ้องมอง เมืองที่แปลกตา

หลายปีมานี้แม่แท้ๆของเขาอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าผ่านค่ำคืนอันเงียบเหงามาเท่าไหร่แล้ว? ตอนที่ เธอไม่สบายมีใครช่วยดูแลเธอหรือเปล่า? ตอนที่เธอโดด เดี่ยวมีใครช่วยปลอบโยนเธอบ้างไหม? แล้วช่วงเวลาที่ ผ่านมาเธอผ่านมาได้ยังไงกัน?
เขาครุ่นคิดอย่างนิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่เลย

โฉหวั่นชิงจ้องมองลูกชายที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ซึ่งในมือ ถือชุดนอนของผู้ชายตัวหนึ่งอยู่ เธอเดินเข้ามาวางมือลง บนบ่าของเขาอย่างระมัดระวัง ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูด ว่า “ตอนกลางคืนอากาศหนาว ทำไมไม่สวมเสื้อผ้าออก มาล่ะ? ตากลมมากเดียวเป็นหวัดเอานะ”

หลงจื่อรู้สึกร้อนวูบทั่วร่างกายขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรก ที่ตอนที่เขากําลังเหม่อลอยสั่งให้เขาสวมเสื้อผ้า เพราะ กลัวตากลมเป็นหวัด ซึ่งมันมาจากความห่วงใยของแม่ที่ ใครไม่สามารถทดแทนได้ และไม่มีใครสามารถเลียน แบบได้ด้วย

“ผมไม่หนาวครับ ดึกขนาดนี้แล้วทําไมแม่ยังไม่นอนอีก ล่ะครับ?”

โฉหวั่นชิงยืนขนานกับลูกชายอยู่เบื้องหน้าหน้าต่าง เธอ ชี้ไปตรงที่ตึกสูงที่อยู่ที่ไกลแห่งหนึ่ง โดยสายล่อฟ้าที่อยู่ ข้างบนตรงที่สูงนั้นมีดวงไฟกระพริบเตือนเครื่องบินใน ยามค่ำคืนอยู่ “แม่ชอบยืนอยู่ตรงนี้มองข้างนอก มองดูตึก ที่สูงที่สุดตึกแห่งนั้น แม่ได้ยินมาว่า ที่เมืองหลวงตึกบริษัท MBK เป็นตึกที่สูงที่สุด ไม่รู้ว่าสูงขนาดนี้หรือเปล่า?”

หลงจื่อรู้ว่าตึกนั้นคือตึกมหาอำนาจ เขาส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ครับ ตึกบริษัท MBK ไม่ได้สูงขนาดนี้ ตึกบริษัท MBK ไม่ใช่ตึกที่สูงที่สุดในเมืองหลวง แต่ที่ CBD ถือว่าสูง ที่สุด”

โฉหวั่นชิงยิ้มอย่างเบิกบาน ‘ดีจ้ง ลูกชายของแม่ทํางาน ที่นั่นด้วย ต่อไปคงสามารถบริหารตึกสูงนั้นด้วย แม่ช่าง รู้สึกมีความสุขจริงๆ

หลงจื่อพยายามอัดอั้นคำพูดในปากไว้ ไม่ให้พูดออก มา อันที่จริงแล้วเขาอยากบอกแม่ของตัวเองว่า เขาอยาก ถอนตัวออกจากสิทธิ์รับการสืบทอดบริหารบริษัท MBK เขาอยากไปจากบริษัท MBK แล้วกลับมาเป็นลูกชายของ เธออยู่ที่อเมริกา

แต่ท่าทางมีความสุข ภาคภูมิใจ และเฝ้ารอคอยของเธอ ทำให้เขาไม่สามารถพูดออกมาได้

“บริษัท MBK เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่สามารถยึดตาม คำพูดของคนๆเดียว เพราะยังมีคณะกรรมการอีก ซึ่งปกติ แล้วทุกกระบวนการล้วนต้องผ่านการยืนยันจากคณะ กรรมการ อันที่จริงแล้วสิทธิ์ของหัวหน้าไม่ได้ยิ่งใหญ่ อย่างที่คุณคาดคิดเลย

หลงจื่อพยายามพูดให้เธอเข้าใจว่า อย่าได้ลุ่มหลงกับ อำนาจเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ช่างน่ากลัว
“อย่างนั้นหรอ แล้วพี่ใหญ่ของลูกล่ะ? พ่อของลูกล่ะ? ตอนที่พวกเขาตัดสินใจก็ต้องผ่านการยอมรับด้วยหรอ?” เธอซักถามขึ้นอย่างสงสัย

“พ่อเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัท ปกติแล้วมี สิทธิ์ตัดสินใจ ส่วนพี่ใหญ่ เขามีประสบการณ์ทำงานที่ บริษัท MBK อย่างโชกโชนมาก ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถ เทียบเขาได้เลย”

“อ๋อ เป็นแบบนี้หรอ” โฉหวั่นชิงยิ้มอย่างผิดหวังเล็กน้อย ขึ้น จากนั้นก็พูดต่อว่า “คิดไม่ถึงว่าลูกจะสวมเสื้อผ้าของ พ่อพอดีตัวเลย”

หลงจื่อเพิ่งรู้ตัวว่า เสื้อคลุมที่เขาสวมเป็นของผู้ชาย อีก อย่างไม่ใช่ของเขาด้วย

“แม่มีเสื้อผ้าของพ่อได้ยังไงครับ?” เสื้อผ้าแบบนี้มีความ เก่าเล็กน้อย

โฉหวั่นชิงจัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง แต่พบว่า เสื้อมีคุณภาพดีมาก และไม่ยับเหยินเลย “เสื้อผ้าตัวนี้เป็น เสื้อผ้าที่แม่กับพ่อของลูกคบกัน มีครั้งหนึ่งที่พ่อเคยสวม ใส่ ซึ่งเป็นเวลายี่สิบปีกว่าแล้ว แม่ทำใจทิ้งไม่ได้เลย ทุก ครั้งที่เห็นเสื้อผ้าตัวนี้ แม่รู้สึกเหมือนพ่ออยู่เคียงข้างแม่ อยู่เสมอ ไม่เคยไปไหน”
เธอจ้องมองเสื้อผ้าตัวนี้อย่างลึกซึ้ง เหมือนกับกำลังจ้อง มองคนรักอยู่

หลงจื่อพูดขึ้นว่า “แม่ครับ อันที่จริงแม่ไม่ต้องทำแบบนี้ ก็ได้ หากแม่เจอคนที่เหมาะสม แม่สามารถแต่งงานได้ เลย”

หลายปีมานี้ คำพูดที่เขาอยากพูด ไม่มีโอกาสได้พูดเลย

โฉหวั่นชิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เสี่ยวจื่อ ลูกไม่ เข้าใจ บางคนเมื่อรักใครแล้ว คนนั้นก็จะกลายเป็นส่วน หนึ่งของชีวิตที่ใครก็ไม่สามารถทดแทนได้ และคนอื่น ก็ไม่สามารถก้าวข้ามด้วย แม่รักพ่อของลูกมาก ดังนั้น ยินยอมแบกรับปัญหาทุกอย่าง เหมือนกับในตอนนั้นที่ คลอดลูก แม่ไม่เคยต้องการอะไรตอบแทน ”

หลงจื่อยกมือโอบแขนข้างขวาของแม่ นี่เป็นการโอบ แขนที่ใกล้ชิดครั้งแรก นับตั้งแต่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอ ผอมลงมาก และเตี้ยกว่าในความทรงจำมากด้วย ตอนนี้ เขาเติบโตมากแล้ว แต่เธอกลับยิ่งชราขึ้นทุกวัน

“แม่ครับ ไม่ต้องคิดถึงเขาแล้ว โอเคไหม? ผมจะอยู่เป็น เพื่อนแม่” ไม่ต้องคิดถึงคนและเรื่องของตระกูลหลงแล้ว โอเคไหม?
โฉหวั่นชิงตบบนแผนหลังของเขาเบาๆ “เสี่ยวจื่อ แม่รัก พ่อของลูก ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟที่ไม่มีทางกลับ หลัง แม่ไม่มีสามี ไม่มีครอบครัว แต่แม่มีเพียงลูก ลูกเติบ ใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นภูเขาลูกเดียวที่แม่สามารถพักพิงได้ ลูก รู้ไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ