ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 401 ไม่มีเงินให้ มีก็แค่ชีวิตไร้ค่า



ตอนที่ 401 ไม่มีเงินให้ มีก็แค่ชีวิตไร้ค่า

ตอนที่ 401 ไม่มีเงินให้ มีก็แค่ชีวิตไร้ค่า

รถมายบัคสีขาวหายลับไปท่ามกลางแสงสว่าง

เสียงแสบหูของล้อรถดังสนั่น “บริ๊น!” ตัวรถพุ่งทะยานออก จากลานจอดภายในชั่วพริบตา เครื่องยนต์สีขาวที่อยู่ใต้แสง ไฟว่องไวคล่องแคล่วยิ่งกว่าวาฬเล่นน้ำ

ลั่วหานสะบัดรองเท้าส้นสูงออก ปลายเท้าเหยียบลงบนคัน เร่งเต็มแรง รถมายบัคขับแซงรถหลายสิบค้นขึ้นหน้าอย่าง รวดเร็ว

ส่งชิงเซวียนมองรถของลั่วหานที่แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง อย่างตะลึง เขาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างนานอยู่หลายนาที

ใบหน้าของเขาย่นเข้าหากันจนบัดนี้กลายเป็นหัวไชโป๊แห้ง จนกระทั่งรถของลั่วหานหายลับสายตาไป เขาถึงได้ตะเบ็ง เสียงออกจากคอ “เสี่ยวลั่วลั่ว…ถูกผีอะไรเข้าสิงกันเนี่ย?”

ส่งชิงเสวียนจับเสาไฟฟ้าประคองให้ตัวเองยืนมั่นคง ดวงตา สุขุมนุ่มลึกมองท้องฟ้า แววตาของชายหนุ่มราวกับโลกใบนี้ กำลังจะถล่ม

นี่คือลูกศิษย์ของเขาจริงๆหรอ?
ร่างบางนั่งอยู่ในรถ สองมือบังคับพวงมาลัยมั่น ดวงตาคมจ้อง รถคันสีดขวางอยู่ด้านหน้า เธอจึงเพิ่มความเร็วมากขึ้น คนที่ตั้งใจลอบฆ่ามีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ยังไงกันแน่? แต่ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกันยังไง เธอก็จะต้องตามไปถามให้ ชัดเจนจงได้

ขณะที่คิดอยู่ในใจ ตัวรถก็ยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น ถัดไปไม่ ไกลก็เป็นทางแยก รถตู้สีดำไกลไปเสียดสีกับฟุตบาทอย่าง รุนแรง

ให้ตายสิ

ลั่วหานเปิดGPS ถ้าไม่ขับบนทางเท้า จะขับอ้อมไปก็เป็นไป ได้มากว่าจะคลาดกัน ซอยถัดไปอาจจะตันหรือไม่ก็คนๆนั้น อาจจะหนีไปได้

ทำยังไงดี?

“เป็นไงเป็นกัน!”

จั่วหานหมุนพวงมาลัยอย่างแรง ตาม! ต่อให้ตามไม่ทันเธอก็ จะไม่ขับบนทางเท้า เพราะดีไม่ดีอาจจะขับชนคนได้
หนทางของคนเลวมักมีมากกว่าคนดี บางทีคงเป็นเพราะเพื่อ บรรลุเป้าหมายแล้ว คนเลวทําได้ทุกอย่างโดยไม่สนว่าใครจะ เป็นยังไง แต่คนดีต้องคำนึงถึงศีลธรรมและความถูกต้อง ดัง ในลั่วหานจึงขับตามติดอีกฝ่ายอยู่บริเวณรอบนอก

ความเร็วแรงของรถมายบัคแซงนำรถตู้ไปหลายชั้น ลั่วหา นขับขนาบข้างออกไปอีกแยก คำนวณเวลากับความเร็ว หญิง สาวหักพวงมาลัยไปทางซ้ายทันที

เมื่อไฟจราจรขึ้นสีเขียว รถของลั่วหานก็ออกตัวพุ่งขึ้นหน้า ทันใด เสียงล้อรถเสียดสีกับย่างมะตอยบนถนนดังกลบเสียง สตาร์ทของรถหลายสิบค้นที่อยู่รอบข้าง

ลั่วหานกัดฟันสบถคำหยาบ แขนเรียวควบคุมทิศทางพวง มาลัยแน่น หัวรถราวกับลูกกระสุนที่พุ่งออกไปท่ามกลางพายุ กระหน่ำ เท้าเปล่าเหยียบคันเร่งจนมิด รถยนต์เข้าซอยอย่าง รวดเร็ว

ฟัค!

ในซอยค่อนข้างแคบ ตลอดข้างทางมีกระดาษลัง ตู้เสื้อผ้าผู พังวางอยู่ระเกะระกะ อีกทั้งต้นไม้กับตอไผ่ที่ปักอยู่ริมกำแพง ใต้โคมไฟมืดสลัว

ลั่วหานกัดริมฝีปากชมพูระเรื่อเพราะหงุดหงิด ไม่คิด ว่าในเมืองหลวงจะมีซอยสภาพอนาถาแบบนี้อยู่ สงสัย กิจการMBKยังกระจายความรุ่งเรืองได้ไม่ทั่ว
หลังจากผ่านความทุลักทุเลอยู่นาน ลั่วหานก็ขับมายบัค ออกมาจากซอยได้ในที่สุด ทันทีที่ออกมาก็เป็นถนนหลวง แต่ เพราะเมื่อครู่ทำเสียเวลาไปมาก ตอนนี้เธอไม่เห็นแม้แต่เงา ของรถตู้สีดำ

ลั่วหานเปิดGPS นิ้วเรียวไถหน้าจอลงต่ำ แถบนี้มีถนนไม่กี่ สาย ถ้าตัดซอยเล็กๆที่รถตู้ไม่สามารถเข้าได้ออก บางทีเธอ อาจจะยังมีโอกาสอยู่

ด้านหน้ามีถนนหลักสามสาย สายนึงนำไปสู่เขตเมืองที่มีคน พลุกพล่าน เขาพยายามหลีกหนีขนาดนี้คงไม่เลือกเส้นนี้แน่ อีกเส้นนึงเป็นทางด่วน เวลานี้รถบนทางด่วนค่อนข้างน้อย แต่ มีเก็บเงินค่าผ่านทางหลายจุด ซึ่งจะทิ้งข้อมูลของยานพาหนะ

ไว้

เขาไม่มีทางขึ้นทางด่วนแน่

ส่วนถนนสายที่สามเป็นทางไปสู่แถบชานเมือง เป็นถนน สาธารณะที่มีรถจำนวนมาก ทั้งยังมุ่งไปสู่เขตพัฒนาด้วย…

ทางนี้แหละ!

ลั่วหานตัดสินใจลงที่ตัวเลือกสุดท้าย เธอไม่เสียเวลาคิดอีก มือเล็กหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าเส้นถนนหลวง

เมืองหลวงที่แสนเงียบงันในยามกลางคืนถูกส่องด้วยแสงจาก ไฟหน้ารถคันสีขาว เมืองทั้งเมืองราวกับคึกคักขึ้นในชั่วเวลานึง ริมฝีปากบางถูกเม้มเป็นเส้นตรง มือเล็กสองข้างกำ พวงมาลัยแน่นจนขึ้นเป็นเส้นเลือด สายตาคมกริบมองทะลุ กระจกออกไปยังเบื้องหน้า

เธอเห็นทางแยกอยู่อีกไม่ไกล แต่ที่บริเวณนั้นก็มีก่อสร้างอยู่ ลั่วหานแน่ใจว่าคนๆนั้นไม่มีทางหยุดรถลงตรงนี้แน่ ดังนั้นไม่ ว่าจะเป็นหรือตายวันนี้เธอต้องตามให้ถึงที่สุด

มายบัคสีขาวพุ่งทะยานไปราวกับมังกรผู้เป็นอิสระ ความ กังวล ความสงสัย ความโกรธแค้น และความไม่ยอมพรั่งพรู ขึ้นในสมอง

ใครกันที่ต้องการฆ่าศาสตราจารย์สัง? แล้วคนๆนั้นทำแบบ นั้นเพื่ออะไร?

หลังผ่านไปสิบกว่านาที ในที่สุดลั่วหานก็มองเห็นรถตู้สีดำ จอดอยู่หน้าปากทาง

แต่เหลือไว้แค่รถ เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของคนขับ

รถตู้MVPสีดำไม่มีป้ายทะเบียน ดูท่าทางจะเป็นรถใหม่ที่เพิ่ง ถอยออกมาจากร้าน4s หรือเขาซื้อมาเพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ?

ลั่วหานลงจากรถแล้วเพ่งมองอย่างละเอียด เธอเดินสำรวจ รอบๆตัวรถอยู่รอบนึง แต่ไม่พบร่องรอยอะไร
ล้วหานหยิบโทรศัพท์ขึ้นเตรียมจะโทรแจ้งตำรวจ ทันใดนั้นก็ เห็นเงา อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้า เป็นมุมมืดตรงทางเล็กๆ

ทางนั้นมีการก่อสร้าง ทำให้รถไม่สามารถผ่านได้ เงาสีดำ ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆและเร็วขึ้นทุกทีจนใกล้จะลับสายตา ลั่ วหานจึงรีบยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วตามไป เธอวิ่งตามหลัง ชายคนนั้นด้วยความเร่งรีบ

พอเธอตาม ชายคนนั้นก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น ลั่วหานวิ่งอยู่บนถนน ขรุขระด้วยเท้าเปล่า ก้อนหินบนพื้นแทงเข้ากับฝ่าเท้า

แต่หญิงสาวราวกับลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ เธอเล็งร่าง ของชายคนนั้นไม่คลาดสายตา พร้อมกับก้าวขายาวเดินขึ้น หน้า แต่ด้วยแรงกับความเร็วที่ยังไม่สู้อีกฝ่าย ตามได้อยู่ไม่กี่ นาทีชายคนนั้นก็หายไป

ให้ตายเถอะ!

ในเสี้ยววินาทีที่ชายคนนั้นหันกลับมา ลั่วหานมองเห็นใบหน้า ด้านข้าง แม้จะเป็นเวลากลางคืนทําให้เห็นได้ไม่ชัด แต่ลั่วหาน จดจำภาพใบหน้านั้นขึ้นใจ หากได้เจออีกครั้ง เธอมั่นใจว่าจํา เขาได้

แต่เสียดายที่คราวนี้ชายคนนั้นหนีไปได้ ลั่วหานกระทืบเท้า อย่างแรง

“อี๊ก!”
ขณะที่ส้นเท้ากระทบลงบนพื้นคอนกรีต ความเจ็บปวดก็จี๊ด ขึ้นสมอง ลั่วหานทรมานกับความเจ็บจนเนื้อตัวสั่น ตอนนี้เธอ ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองวิ่งเท้าเปล่ามาตลอด หญิงสาวหันกลับ ไปมองเส้นทางที่วิ่งมา จู่ๆก็รู้สึกกลัวตัวเองขึ้นมา นี่เธอไปเอา ความกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้มาจากไหน?

ร่างบางเดินโซซัดโซเซกลับมาที่ถนนใหญ่ ลั่วหานกลับ เข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกโทรแจ้งตำรวจ

เมื่อรายงานเรื่องราวอย่างละเอียดแล้ว ลั่วหานก็สตาร์ทรถ กลับเข้าตัวเมือง

เป็นมื้ออาหารที่ส่งชิงเซวี่ยนไม่อาจกินได้อย่างสงบสุข เขา มองลั่วหานที่เพิ่งกลับมาด้วยความปอดสั่นขวัญหาย ริมฝีปาก สั่นระริก “เสี่ยว ว ว เธอทําฉันตกใจเกือบตาย!”

ลั่วหานไม่เสียเวลา เธอเข้าประเด็นทันที “อาจารย์เคยมี ปัญหากับใครในเมืองหลวงหรือเปล่า? เหมือนจะมีคนต้องการ ชีวิตคุณ”

สังชิงเซวียนมองเธอด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “คนแก่หัวหงอก แบบฉันจะไปหาเรื่องใครได้? เงินก็ไม่มี จะเอาชีวิตแก่ๆฉันก็ให้ ได้แค่นี้ ชีวิตฉันจะมีค่าสักเท่าไหร่กันเชียว อย่าห่วงเลย บางที พวกนั้นอาจจะจำผิดคนก็ได้”

ข้ออ้างบ้าบอที่ว่าจำคนผิด ลั่วหานเชื่อก็ปัญญาอ่อนเต็มที
ลั่วหานขึ้นเสียงสูง “อาจารย์ ฉันแนะนำว่าคุณกลับอเมริกาไป ก่อนดีกว่า รอให้ตำรวจจัดการทางนี้เรียบร้อย เราค่อยให้คุณ กลับมา”

ความจริงส่งชิงเซวี่ยนก็ตั้งใจแบบนี้อยู่เหมือนกัน เพราะยังไง เขาก็ทําภารกิจของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว ถึงเวลาที่จะกลับสักที “อื้ม ฉันเชื่อเสียวลั่วลั่ว แต่ถ้าคลอดเสียวลั่วน้อยเมื่อไหร่ ต้อง รีบบอกข่าวฉันทันทีเลยนะ”

ส้งชิงเซวี่ยนในเวลานี้กลับมาสุขุมดังเดิม ไม่เหลือความตื่น ตระหนกแม้แต่น้อย ใช่ เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องพบเจอกับ ความวุ่นวายอะไรบ้างที่เมืองหลวง เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเขาจะ โชคดีแบบนี้ทุกครั้งหรือเปล่า

หลังจากผ่านความเป็นความตายมา จิตใจของลั่วหานก็นิ่ง มากขึ้น เธอพาศาสตราจารย์สั่งไปส่งที่บ้าน จากนั้นจึงขับรถ กลับวิลล่า

เมื่อกี้เธอเอาแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องนั้น จนลืมความเจ็บปวดที่ เท้าไป ตอนนี้เมื่ออารมณ์ค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ ความเจ็บ ปวดก็แผ่ซ่านไปทั่ว

หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เธอยกขาซ้ายขึ้น ดูคราบเลือดที่เคอะอยู่บริเวณฝ่าเท้าไม่รู้ว่าจะมีเศษหินฝัง เข้าไปในเนื้อหรือเปล่า แต่เท้าเธอตอนนี้เจ็บจนทนแทบไม่ไหว
ตอน ตึกมากแล้ว ทานไม่อยากรบกวนคนอื่น จึงไปหยิบ กล่องยาแล้วกลับมานั่งเตรียมจะหายผลให้ตัวเอง

หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บ จากนั้นล้างแผลที่บริเวณเท้าทั้งสอง ข้าง ก่อนจะใช้แหนบค่อยๆคืบเศษหินออกมาจากเนื้อด้านใน

เธอกดริมฝีปากแน่นเพราะความเจ็บปวดจนเลือดออกโดย ไม่รู้ตัว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก แม้แต่แผ่นหลังก็เปียกจน ซึมออกมาถึงเสื้อผ้า

ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็ทำแผลที่เท้าซ้ายเสร็จ

ขณะกำลังจะจัดการกับเท้าขวา โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็ดัง

ขึ้น

ลั่วหานเช็ดเหงื่อบนหน้าผากลวกๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา ดูเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ลั่วหานพูดพร้อมกับหัว เราะเบาๆ “ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่นอนอีก คืนนี้ยังอยากฟัง นิทานอีกหรอ ไปนอนได้แล้วตัวแสบ วันนี้ไม่มีเซอร์วิสนี้หรอก

หลงเชียวเพิ่งกลับมาถึงโรงแรม ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมที่ เปียกฝนออก แล้วนั่งพิงกับพนักเก้าอี้มองประกายฝนนอก หน้าต่าง
จู่ๆก็คิดถึงเธอ ความรู้สึกคิดถึงที่ลึกไปถึงกระดูก เต็มไปทั้ง หัวใจทั้งสี่ห้อง

“คืนนี้ไม่อยากฟังนิทาน แต่ฉันมีอะไรจะสารภาพ ฉันเจอ ปัญหานิดหน่อยระหว่างการท่าโปรเจคที่เจียงเฉิง จําเป็นต้อง ใช้แผนกลยุทธ์นิดหน่อย เพราะฉะนั้นถ้าที่รักได้ยินเสียงลือ เสียงเล่าอ้างอะไรมาจงทำใจให้สงบเข้าไว้ อย่าเชื่อเด็ดขาด

ลั่วหานหัวเราะ

การแข่งขันกันทางธุรกิจหากจะต้องใช้การตบตาเข้ามาช่วย ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แถมคนที่ยืนบนยอดพีระมิดอย่างหลง เซียว มีคู่แข่งอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่อยากจะดึงเขาลงมา ถ้าเธอมา นั่งคิดเล็กคิดน้อย คงได้ปวดสมองตายกันพอดี

เธอก็เลยหัวเราะสบายๆ “สบายใจเถอะ คุณจะทำตัวกะล่อน ยังไงก็ตามสบาย ฉันรับประกันว่าจะไม่เอามาเป็นประเด็นให้ เราต้องทะเลาะกันหรอก”

ได้ยินลั่วหานพูดแบบนี้ หลงเซียวกลับยิ่งรู้สึกผิด บางที เขาน่าจะสารภาพกับเธอไปตั้งแต่แรก เขาที่เป็นถึงซีอีโอ ของMBKแต่กลับอาศัยช่วงทำโปรเจคมาหว่านเสน่ห์ผู้หญิง

แต่ลั่วหานก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้พูดต่อ เธอเปลี่ยนเรื่อง “ที่รัก ศาสตราจารย์สังเหมือนจะมีศัตรูอยู่ที่เมืองหลวง วันนี้ เขาเกือบถูกรถชนตาย ดีที่หลบทันซะก่อน แต่ฉันมาคิดๆดูตอนนี้ที่เมืองหลวงไม่ปลอดภัยสำหรับเขาแล้ว ฉันอยากให้เขา กลับอเมริกา คุณว่ายังไงคะ”

ส่งชิงเซวี่ยน? มีคนจะฆ่าเขา?

ผู้ชายในรูปถ่ายเพิ่งจะเสียชีวิตไปได้ไม่นาน ตอนนี้เป้าหมาย ของฝั่งนั้นเล็งมาที่สังชิงเซวี่ยน บังเอิญงั้นหรอ?

ไม่มีทาง

เขากับมู่เส้าเอินมีความเกี่ยวข้องกันอย่างดิ้นไม่หลุด ตอนนี้ ผู้ชายหนึ่งคนในรูปก็ตายเพราะอุบัติเหตุ ไหนจะส่งชิงเซวี่ย นที่เกือบแย่เพราะฝีมือคนร้าย เป็นไปได้ไหมว่าใครบางคน กําลังปกปิดอะไรบางอย่าง? ถึงได้ปิดปากพวกเขา จนถึงขั้น จะเอาชีวิต

เพราะเรื่องงานที่บริษัททําให้หลงเซียวสงบศึกไว้ชั่วคราว แต่ ตอนนี้อีกฝ่ายเล่นสกปรกไม่เลิก เห็นทีเขาคงต้องวางมาตรการ สํารองไว้ซะแล้ว

ใครกัน? คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครกันแน่ หรือจะ เกี่ยวข้องกับการล้างตระกูลของมู่เส้าเฉินเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน?

หลงเซียวยิ้มบางๆ “ตกลง ให้ที่รักเป็นคนจัดการ ศาสตราจาร ย์ส่งเป็นอาจารย์ของเธอ ฉันจะจัดการให้เครื่องบินส่วนตัวไป ส่งเขาถึงที่อย่างปลอดภัย”
ส่งชิงเซวี่ยนเป็นพยานคนเดียวที่รู้เห็นเหตุการณ์เมื่อยี่สิบ กว่าปีก่อน จะให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาไม่ได้ ไม่อย่างงั้นปริศนา ทั้งหมดทั้งมวลจะถูกคลี่คลายได้ยังไง?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ