ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 443 คนที่พูดโกหก จมูกจะยาวขึ้น



ตอนที่ 443 คนที่พูดโกหก จมูกจะยาวขึ้น

ตอนที่ 443 คนที่พูดโกหก จมูกจะยาวขึ้น

บรรยากาศตึงเครียด และน่ากดดันมาก

หลงจื่อที่มีประสบการณ์ทำงานน้อยยังไม่รู้ว่าจะรับมือ อย่างไร เขาเหลือบมองพ่อที่กำลังอารมณ์ขึ้นแวบหนึ่ง จากนั้น ก็เดินออกจากห้องทํางานไปอย่างจนปัญญา

หลังจากที่พนักงานระดับสูงของบริษัทหลายคนออกจาก ห้องก็พากันสบสายตาต่อกัน และต่างพยักหน้าเป็นเสียง เดียวกัน โดยที่ดวงตาแฝงด้วยสายตาหวาดกลัวและกังวลกับ สถานการณ์เบื้องหน้าในตอนนี้

จากนั้นผู้จัดการแผนกการเงินคนหนึ่งก็เดินมาที่ประตูลิฟท์ เขาสูบลมหายใจเข้าลึกๆ และรวบรวมความกล้าไปหาหลงจื้อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวังว่า “คุณชายรองครับ คุณต้องรู้ แน่ว่าประธานอยู่ที่ไหน? ตอนนี้บริษัทต้องการให้ประธานกลับ มากอบกู้วิกฤตอย่างรวดเร็วครับ”

หลงจื่อส่ายหน้าด้วยสีหน้าเสียดาย และพูดว่า “ผมไม่รู้ ครับ พี่ใหญ่จากไปครึ่งเดือนแล้ว ไม่มีข่าวคราวเลย แต่ผมจะ พยายามตามหา หวังว่าเขาจะกลับมาเร็วๆ”

คนของแผนกประชาสัมพันธ์พูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนคณะ กรรมการมักจะมอบหมายทั้งงานเล็กงานใหญ่ให้กับประธาน ตลอด ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นครับ ผมแทบไม่เข้าใจอะไรเลย”
คนของแผนกการตลาดยกมือดึงแขนของเขา เพื่อแสดงให้ เขารู้ว่า ไม่ควรพูดแล้ว

ถึงแม้ไม่ได้พูดสิ่งที่สงสัยออกมาโดยตรงทั้งหมด แต่ใครบ้าง จะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร นั้นคือหลงถึงเล่นงานหลงเซียวออก หน้าโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด

และคนที่เขาต้องการสนับสนุนคือ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าทุก คนในตอนนี้

หลงจื่อแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เผยสีหน้าเก็บกดและพูดขึ้น ว่า “ผมจะคิดหาวิธีการจัดการ หวังว่าทุกท่านจะร่วมมือช่วยกัน ส่วนเรื่องพี่ใหญ่ ผมจะรีบพาเขากลับมาโดยเร็วที่สุด”

พนักงานระดับสูงที่มีประสบการณ์ทํางานโชกโชนของบริษัท MBK หลายคนพากันพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนนี้ประตูลิฟท์ เปิดแล้ว หลงจื่อไม่ได้เดินเข้าไป แต่พนักงานระดับสูงหลาย คนเข้าไป ซึ่งขณะเดียวกันก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันเงียบๆ

“ไม่รู้จริงๆว่าคณะกรรมการกำลังคิดอะไรอยู่ ลูกชายที่มี ความสามารถกลับไม่สนับสนุน แต่กลับไปสนับสนุนลูกชาย คนรองที่อ่อนหัด โธ่ๆ ฉันคิดว่า บริษัท MBK คงค้ำฟ้าอยู่ไม่ นานแล้ว”

“บริษัท MBK เป็นเรือลำใหญ่ขนาดนี้ หากเปลี่ยนประธานเรือคงจมแน่ ซึ่งผมเกรงว่าต่อให้ใช้เวลาสักพักใหญ่บริษัทก็คง ยากที่จะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม”

“อีกอย่างโครงการของอเมริกา ไม่ใช่โครงการเล็กๆ โธ่ๆ ประธานไม่ควรมอบโครงการให้คนอื่นรับช่วงต่อเลย เพราะถ้า หากเขาเป็นคนดูแลก็คงไม่เกิดปัญหาในตอนนี้แน่”

‘ในตอนนี้ผมเป็นห่วงทางเมืองเจียงเฉิงมาก ก่อนที่ประธานจะ ไปจากบริษัทสาขาที่เมืองเจียงเฉิง เขามอบอ่านาจทั้งหมดให้ กับหลงยี่ หม….ผมจนปัญญาจริงๆ”

“หลงยี่หรอ! ไอ้…ไอ้คนหน้าเลือดนั้นหรอ?”

หลังจากนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็สงบลง แต่ตอนบ่ายยังคง วิพากษ์วิจารณ์กันจนเข้าหูของหลงจื่อ

หลงจื่อนั่งอยู่ในห้องทำงาน และกำลังพลิกอ่านเอกสารฉบับ หนึ่ง โดยที่แทบอ่านไม่เข้าใจเลย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ของพนักงานระดับสูงเหมือนกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของหลงจื่อ ไม่เพียงแค่เจ็บปวด แต่ยังทำให้ร่างกายไม่สบายตัวด้วย

จี้ตงหมิงหันหน้ามองสีหน้าเคร่งเครียดของเขา และพูดขึ้นว่า “คุณชายรองครับ ไม่ทราบว่าคุณไม่สบายตรงไหนครับ?”

หลงจอเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ “หัวใจไม่สบาย ไม่สบายมากด้วย”

จี้ตงหมิงพูดต่อว่า “ตอนที่อยู่ในห้องทำงานของคณะ กรรมการเกิดเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจขึ้นหรือเปล่าครับ?”

หลงจื่อวางเอกสารลงด้วยสีหน้ารำคาญใจ “อืม มีเรื่องที่ทำให้ ไม่สบายเกิดขึ้น โครงการที่อเมริกา ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจ มากกว่าผม สถานการณ์ในตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะเกิด เหตุขัดแย้งกับนักการเมืองของพื้นที่นั้น”

“ผมได้ยินมาว่า ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว และบริษัท สาขาที่อเมริกาก็เข้ามาไกล่เกลี้ยแล้ว แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล”

หลง อปล่อยตัวพิงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง พร้อมยกมือ ทั้งสองข้างกุมขมับ “คุณไม่รู้จริงๆหรอว่า พี่ใหญ่ของผมไป ที่ไหน?”

จี้ตงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่รู้จริงๆครับ ประธานให้ ผมจัดการวีซ่ายี่สิบประเทศ อีกอย่างเขานั่งเครื่องบินส่วนตัว เดินทางด้วย เลยไม่มีใครรู้เส้นทางบินของเขาครับ”

หลงจื่อหลับตาลง “ไม่สามารถสืบเส้นทางบินได้เลยหรอ?”

“บไม่ได้ครับ ประธานอยากเที่ยวกับคุณนายเพียงสองคน และไม่อยากถูกใครมารบกวนด้วย ดังนั้นเลยปิดช่องทางการ ติดต่อทั้งหมดแล้ว อีกอย่างเขาได้จัดการลบเส้นทางบินของ ตัวเองทางกฎหมายด้วย ตอนนี้เขาเลยหายสาบสูญเหมือนละอองอากาศ”

“ครับ จริงสิ แล้วทางเมืองเจียงเฉิงเป็นยังไงบ้าง? คุณคิดว่า ยังไง?” หลงจื่อไม่เคยอยากพูดถึงเมืองเจียงเฉิงเลย เพราะเมื่อ นึกถึงพ่อของตัวเองมอบอำนาจทั้งหมดให้กับหลงยี่ เขาก็รู้สึก อารมณ์ขึ้นทันที

จี้ตงหมิงพูดขึ้นว่า “ได้ดำเนินการทุกขั้นตอนแล้ว เมื่อวานได้ จัดพิธีการตัดริบบิ้นเริ่มต้นธุรกิจแล้ว เดียวอีกสองวันก็เริ่มงาน แล้ว อสังหาริมทรัพย์ของทางเมืองเจียงเฉิงเป็นโครงการที่ ใหญ่ที่สุดของบริษัท MBK หลายปีมานี้ ถือเป็นแหล่งกำไรที่ ใหญ่ที่สุด

“อืม….” หลง อพยักหน้าเล็กน้อย “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว คุณไป

เถอะ”

“ครับ คุณชายรอง”

หลงจื่อถอนหายใจหนึ่งที แล้วกวาดตามองรูปภาพครอบครัว ตรงมุมขวาของโต๊ะทำงาน โดยพี่ใหญ่ในรูปภาพตอนนั้น มีอายุเท่ากับเขาในตอนนี้เลย แต่ในตอนนั้นเขาสามารถ ปฏิรูปบริษัท MBK และนำพาบริษัท MBK รอดพ้นจากวิกฤติที่ อันตรายที่สุด

ตอนนี้……

หวังว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หวังว่าทุกอย่างจะหมดสิ้นไปอย่างเงียบๆ หวังว่าตื่นขึ้นมาปัญหาทั้งหมดไม่เป็นปัญหาอีก แล้ว

รัฐลาสเวกัสในตอนรุ่งเช้าเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุด หลัง จากผ่านค่ำคืนที่บ้าบิ่น เมืองก็เข้าสู่สภาวะหลับใหล หลังจากที่ แสงไฟหายไป ท้องฟ้าก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง

“ลิ่วล้ว วันนี้พวกเราจะบินไปเนเธอร์แลนด์” ตอนที่หลงเซียว กินอาหารเช้าอยู่นั้นก็พูดเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น

“ห่ะ? พวกเราเพิ่งถึงเมื่อวานเอง คุณไม่อยากเที่ยวชมที่นี่บ้าง หรอ?”

“ผมมีอาการแพ้อากาศของรัฐลาสเวกัส ไม่สามารถเดินเที่ยว เล่นที่นี่” หลงเซียวถือมีดหั่นขนมปังด้วยท่าทางผู้ดี แล้วกิน ขนมปังคำหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้น

ลั่วหานจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยอยากเชื่อ “ทำไมจู่ๆถึง แพ้แล้วล่ะ? มีรอยแดงบนตัวแล้วหรอ? ไหนขอฉันดูหน่อย”

หลงเซียวยังคงกินอาหารเช้า “มีรอยแดงจริงๆ ไม่ได้อยู่บนตัว แต่อยู่ภายในร่างกาย ดังนั้นเลยรู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้พวก เราไปประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเวลาที่สามารถดูดอกทิวลิ ปด้วย ไม่ชอบหรอ?”
พูดตามความจริงคือ ชอบมาก และเธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วย

หลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน ลั่วหานก็เข้าใจ อาการแพ้อากาศ คือข้ออ้างอยากพาเธอไปจากที่นี่ เพราะเธอไม่ชอบที่นี่

“โอเค! ฉันเชื่อฟังคุณค่ะ เราเดินทางไปวันนี้เลย”

“โอเค!”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็นั่งรถยนต์ไปที่ลาน จอดอากาศยาน หลงเซียวให้ลั่วหานขึ้นเครื่องบินก่อน ส่วนตัว เองนั่งอยู่บนรถยนต์สักพัก

ผู้ชายที่ขับรถหันหน้ามองหลงเซียวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้านายครับ ได้รับข่าวแล้วครับ แจิ้งเฉิงหลินได้ลงมือแล้วครับ”

หลงเซียวยิ้มประชดขึ้น “ฉันคิดว่าก่อนที่ฉันจะจากไป เขาจะ รีบลงมือซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะลงมือช้าขนาดนี้”

ผู้ชายพูดต่อว่า “บางทีอาจเป็นเพราะเจิ้งเฉิงหลินสามารถ พูดเกลี่ยกล่อมอธิการบดีพอดีไม่กี่คน และตอบโต้กลับไป แต่ กลับเป็นการตบหน้าตัวเอง เขาต้องไม่พอใจมากแน่ ดูจาก สถานการณ์ในตอนนี้น่าจะเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันมานี้”
หลงเซียวเอามือสองข้างมาประสานกัน แล้วหมุนแหวนบนนิ้ว มือ “แล้วสำนักงานใหญ่ล่ะ?”

“เมื่อวานคณะกรรมการโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ดูเหมือน โครงการที่อเมริกาจะมีปัญหา อีกอย่างตอนนี้ดูเหมือนคณะ กรรมการ…ยังไม่อยากให้คุณออกมาช่วยครับ”

หลงเซียวฉกปากยิ้มเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับดูน่าเกรงขาม มาก “เขายังเดินไม่ถึงก้นบึ้งของภูเขา ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่ยอม ให้ฉันออกหน้าช่วยหรอก อีกอย่างผมยังไม่มีอารมณ์จัดการ เศษซากขยะด้วย”

“ครับ เจ้านายมีอะไรจะรับสั่งไหมครับ?”

“จับตาดูทั้งสองที่ด้วย แล้วหาโอกาสเหมาะสมเป่าเปลวไฟให้ ลุกเล็กน้อย หากไม่ลุกไหม้ เปลวไฟจะมอดไหม้ได้ยังไงกัน!”

ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา แต่รอยยิ้มค้างยังไม่นานก็กลับ คืนสู่สภาพเดิม แต่ดวงตากลับเผยสายตาประชดประชันขึ้น

ครับ เจ้านาย อีกอย่างช่วงนี้บริษัทฉู่ซื่อกับบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ป อยู่ในช่วงปรับตัวกัน คุณกู้ ไป๋เวยและหวังเค่ยพวกเขากำลัง พยายามรวมแผนกการตลาดเป็นหนึ่งเดียว สองวันนี้คงมีเงิน ทุนหมุนเข้าตลาด A”

อืม! ดูเหมือนการมอบอำนาจทั้งหมดให้พวกเขาดูแลถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

“ดีมาก ไม่ต้องแทรกแซง ปล่อยให้พวกเขาจัดการอย่างกล้า

หาญ”

“ครับ เจ้านาย”

“ไว้รอให้เครื่องบินไปถึงเนเธอร์แลนด์ ให้พวกเขาเอารายงาน สถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท MBK สัปดาห์นี้ให้กับ ฉันด้วย” หลงเซียวสวมแหวนที่หมุนหลายครั้งอย่างมั่นคง จาก นั้นก็ยกมือจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“ครับ ผมจะทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่างครับ”

หลังจากออกจากรถยนต์ หลงเซียวก็เดินขึ้นบนเครื่องบินส่วน

ตัว

ลั่วหานพลิกอ่านหนังสือสองหน้า “คุณหลงกำลังวางแผนอะไร ข้างล่างอย่างลับๆหรอค่ะ?”

“วางแผนอย่างลับๆหรอ?” หลงเซียวหัวเราะเล็กน้อย และยื่น มือหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง จากนั้นก็พลิกกวาดตาอ่าน “ผมแค่ แบ่งปันเรื่องราวของโบราณจีนตอนหนึ่งเท่านั้นเอง”

ลั่วหานทำปากมุ้ย “ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องราชาเดวิดพ่ายแพ้ ทวีปเอเชียล่ะ?”
หลงเซียวไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือแล้ว เลยเดินไปนั่งใกล้เธอ และวางใบหน้าของเธอไว้บนบ่าของตัวเอง แล้วจ้องมองเธอ และพูดว่า “ผมไม่ค่อยชอบเรื่องพ่ายแพ้ทวีปเอเชีย ผมชอบ พ่ายแพ้คุณมากกว่า”

“เห่อ! เบาได้เบา” ลั่วหานพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา แล้วเปิด หนังสือขึ้น “พูดตามตรง คุณไม่เป็นห่วงบริษัท MBK หรอ?”

มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงบ้างล่ะ?” ”

ลั่วหานอ่านหนังสือบรรทัดหนึ่ง จู่ๆก็เผยสายตาเป็นประกาย ขึ้น “หลงเซียว ฉันเจอของดีบางอย่าง”

“ห่ะ?”

“ในหนังสือเขียนไว้ว่า คนที่พูดโกหกจมูกจะยาว คุณดูสิมี ภาพประกอบด้วย” ลั่วหาน บนภาพประกอบ เป็นเรื่อง พินอ คคิโอ)

บนภาพประกอบเป็นจมูกของพินอคคิโอมีความยาวประมาณ

สองเมตร

เธอกำลังหยอกล้อหลงเซียวที่ไม่ยอมพูดความจริง ขนาดอยู่ ต่อหน้าภรรยาของตัวเองก็ยังไม่ยอมพูดความจริง เกินไปแล้ว ต้องโจมตี
หลงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย จนเผยรอยยักจางๆบนหน้าผาก และพูดด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “ดีจริง! มีจมูกยาวขนาดนี้ คง ทำให้ผู้ชายอิจฉาแย่เลย”

ลั่วหานพูดขึ้นว่า “คุณหลง นี่คุณฟังไม่ออกหรอว่า ฉันกำลัง ประชดประชันคุณหลงอยู่? หรือทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

หลงเซียวไม่ถือสา เขาจับมือของลั่วหานขึ้นมาลูบบนจมูก ของตัวเอง “ที่รัก หรือว่าคุณไม่เคยได้ยินหรอว่า ผู้ชายมีจมูก ยาว จะมีความสามารถ ถ้าหากผมมีจมูกยาวสองเมตร ผมคงมี ความสุขแน่เลย”

มีจมูกยาว มีความสุขหรอ!

คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าบิดเบือนความหมายของเธอเป็นแบบ

นี้

“คุณนี่ช่างบิดเบือนความจริงเก่งจริงๆ!” ลั่วหานพลิกอ่าน หนังสือด้วยท่าทางโมโห

หลงเซียวชมดูก้อนเมฆผ่านหน้าต่างเครื่องบินด้วยสีหน้ามี ความสุข “จริงหรอ? ผมนึกว่าที่รักกำลังบอกเป็นนัยกับผมซะ อีก”

“คุณ…คุณยังจะพูดอีกหรอ! ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว!” ลั่วหาน ถูกเขายั่วโมโหจนโมโหจริงๆแล้ว
ศาสตราจารย์หลง คุณ ร้ายกาจจริงๆ

“โอเค ผมเชื่อฟังที่รัก ไม่พูดแล้ว เพราะบางเรื่องไม่เหมาะสม ที่จะพูด แต่ต้องปฏิบัติ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ