ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 473 ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัว



ตอนที่ 473 ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัว

ตอนที่ 473 ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัว

ระเบียงทางเดินโรงพยาบาลที่เงียบสงัดไม่มีเสียง แผ่น กระเบื้องสีขาวที่ซีดเซียวราวกับความตาย ลมพัดผ่านใบหน้า ไปมา ลมที่พัดผ่านใบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ละครั้งคล้ายกับคม มีด ที่เชือดเฉือนผิวหนังของคน เจ็บปวด เยือกเย็น

มือทั้งสองของลั่วหานกำบังใบหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ สามารถได้ยินถึงเสียงหัวใจเต้นของตนเองได้อย่างชัดเจน ที ละน้อยๆ จังหวะยิ่งเร็วขึ้นๆ ราวกับว่าใจดวงนึงจะหลุดออกมา

พยาบาลด้านข้างเห็นถึงปฏิกิริยานี้ของลั่วหาน ในใจก็เห็นใจ แต่ก็รู้ว่าใครก็ตามที่ประสบกับโรคร้ายแรงล้วนไม่มีทางที่ทาง จะกลับคืน

ไม่ว่าจะปลอบใจยังไงก็ล้วนไม่เป็นผล

ลั่วหานใช้หลังมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองคุณหมอด้วย ดวงตาที่แดงก่ำ “อาการของโรคอย่าให้เธอรู้ ผลตรวจเลือด ออกมาแล้ว ให้บอกฉันทันที เพื่อดูว่าที่ใดที่เซลล์มะเร็งขยาย ตัวไป”

คุณหมอผู้ชายพยักหน้า “คุณวางใจเถอะหมอฉู่ พวกเราจะ ไม่บอกคุณนาย ตอนนี้คุณนายยังไม่ได้รับการรบกวนจากเซลล์มะเร็ง คาดว่าจะเป็นระยะเริ่มต้น ต้องการแค่ร่วมมือ รักษา ยังมีความหวัง”

ที่ตัวคุณหมอผู้ชายพูดล้วนก็รู้สึกได้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจ ได้เลยสักนิด คำพูดปลอบใจอย่างคนในครอบครัวทั่วๆนี้ไปไม่ ได้เป็นผลกับหมอฉู่เลยแม้แต่น้อย

ลั่วหานส่ายหน้า “คุณไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก ฉันรู้ว่าโรค ชนิดนี้ผลลัพธ์มันคืออะไร”

ทางด้านนี้พูดพลาง ผลตรวจการสแกนของหยวนชูเฟินก็ เสร็จสิ้น

ลั่วหานเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้ง เดินไปด้วยใบหน้าที่เต็ม ไปด้วยรอยยิ้มจางๆ มือทั้งสองพยุงหยวนซูเฟิน “แม่ เหนื่อย ไหม? พักก่อนสักพักนึง”

หยวนชูเฟินกดๆหลังมือของลั่วหาน กล่าวด้วยเสียงที่อ่อนนุ่ม ไม่มีแรงเล็กน้อย “เหนื่อยก็ไม่เหนื่อยหรอก มีเวียนหัวเล็กน้อย ผลตรวจทำเสร็จแล้วใช่ไหม? พวกเราไปทานข้าวกันเป็นยัง ไง?”

ลั่วหานลูบผมทัดที่ข้างหูของเธอ ผมของหยวนชูเฟินบำรุงดี มาก ยังมองไม่เห็นถึงผมหงอก เส้นผมที่นุ่มลื่นเงางามอย่าง มาก สวยงามมาก

ยังมีการตรวจคลื่นแสงทั้งตัวอีกหนึ่งอย่าง ทำเสร็จก็สามารถทานข้าวได้แล้ว แม่อดทนอีกนิดนึงนะ รอแป๊บนึงแล้ว ถ้าคุณอยากทานอะไรพวกเราก็จะไปทานกัน ฉันจะจองล่วง หน้าไว้ให้คุณเลย”

ลั่วหานอดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ จมูกแสบจนแทบจะหลุดลง มา กลัวจริงๆว่าตัวเองจะเก็บไว้ไม่อยู่ กลัวมาก!

หยวนชูเฟินพยักหน้า น้ำตาลในเลือดต่ำทำให้ใบหน้าของเธอ ยิ่งขาวซีดกว่าเมื่อกี้ เธอยิ้มๆ “โอเค ฉันไปตรวจอันสุดท้ายอีก

อัน”

“อื้ม! โอเค!”

ลั่วหานพยุงหยวนชูเฟินเข้าไปยังแผนกตรวจ โอบเสื้อโค้ท ที่หยวนซูเฟินถอดออก มองหยวนชูเฟินที่ถูกเครื่องมือทาง วิทยาศาสตร์ดันเข้าไปด้านในอุโมงค์วงกลม ดวงตาที่เจ็บปวด ร้อนผ่าว ในที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาก็ไหลออกมา

ความรักความผูกพันระหว่างพวกเธอไม่สามารถพูดได้ว่าลึก ซึ้ง แต่พอคิดถึงว่าเธอคือแม่ของหลงเซียว คิดถึงว่าตอนนี้ยังมี คนดีๆอีกคนนึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องแบกรับในวันข้างหน้า ผล สุดท้ายที่จะต้องเผชิญ หัวใจของลั่วหานก็เจ็บปวดยิ่งกว่าถูก เข็มแทง

เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ภายหลังก็ต้องมาเห็นพ่อจากไป ตอนนี้แม่สามีของเธอก็จะต้องมาตายจากไปอีกหรอ?หลายร้อยความรู้สึก การโจมตีที่มากเหลือคณานับ หวน คิดถึงความเป็นจริง พาให้พละกำลังในการแบกรับของเธอแพ้ ย่อยยับต่อการปะทะ

การตรวจของหยวนชูเฟินยังไม่ทันเสร็จ มือถือของลั่วหานก็ สั่นขึ้น

หลงเซียวโทรมา!

ลั่วหานตกใจ ทำไมเขาเลือกที่จะโทรมาเวลานี้นะ? คงไม่ได้รู้ อะไรแล้วใช่ไหม?

สูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที ลั่วหานถอยออกจากประตูห้อง แล้วจึงรับโทรศัพท์ “สามี”

ทางด้านหลงเซียวนั้นเพิ่งจะถึงสนามบินเตรียมขึ้นเครื่อง

“ลั่วลั่ว คุณอยู่ไหน?”

“ฉัน…..อยู่โรงพยาบาล

หลงเซียวขมวดคิ้ว “โรงพยาบาลไหน? พูดความจริง”

ลั่วหานเงยหน้ามองประตูห้องตรวจ เหมือนถูกสิ่งของอะไรอุด ลําคอ เดิมทีก็สามารถอดกลั้นการร้องไห้ไว้ได้ แต่เมื่อได้ยิน เสียงของหลงเซียว ยังไงก็ล้วนต้านทานไว้ไม่อยู่ เสียงสะอื้น ของคําสุดท้ายที่สั่นเครือ คล้ายดั่งใบไม่ที่ร่วงหล่นไม่มีราก ต้องการแขนของเขาฉุดดึงพาเธอขึ้นมา
“ฉัน…” พูดออกมาคำนึง ลมหายใจของลั่วหานก็อุดอยู่ในล้า คอ ผ่อนคลายครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “คุณรู้แล้วหรอ?”

“คุณร้องไห้?!” หลงเซียวไม่ได้ตอบกลับคําถามของเธอ

ได้ยินเสียงสะอื้นจากลมหายใจของเธอ หัวใจก็เจ็บปวด ขมวด คิ้วแน่นแล้วไต่ถามความจริงไป

ลั่วหานร่างกายอ่อนแรง พิงกำแพงระเบียงทางเดินแล้วค่อยๆ นั่งยองๆลงไป อยากกอดเขาจัง อยากนำตัวเองซ่อนในอ้อม กอดของเขา คิดถึงเขา…..คิดถึงมาก!

“เปล่า….เป็นหวัดนิดหน่อย” ลั่วหานสูดลมหายใจเข้าจมูก สร้างสถานการณ์หลอกว่าเป็นหวัด

คิ้วของหลงเซียวยิ่งขมวดแน่นขึ้น ถึงแม่ว่าเขาจะไม่ได้เป็น หมอ อย่างน้อยก็ฟังออกถึงความแตกต่างของการร้องไห้กับ การคัดจมูก ทันทีก็กำนิ้วมือจนกลายเป็นหมัด แย่จริง เขา ชะล่าใจเกินไป!

“รอฉันนะ ลิ่วล้ว เดี๋ยวฉันก็กลับไปแล้ว” หลงเซียวเดินขึ้น บันไดหนีไฟไปพลาง ก็คลายความกระวนกระวายใจลั่วหา นทางด้านนี้ไปพลาง

ลมพัดที่ข้างหู ลมของฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นเล็กน้อย นึกถึง ภรรยาของเขาที่กำลังร้องไห้อยู่สถานที่แห่งหนึ่ง เขาก็แทบ อยากจะบินข้ามมิติเพื่อไปอยู่ข้างๆเธอ!
“กลับมา?!” ลั่วหานก็เบิกตาโพลงทันที “คุณ……คุนอยู่เมือง เจียงเฉิงไม่ใช่…”

“ภรรยาของฉันร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่คนเดียวลับหลังฉัน ฉันยัง ต้องการอะไรจากเมืองเจียงเฉิงอีก? รอฉันกลับไปนะ เชื่อฟัง เสียงประโยคสุดท้ายที่อบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ ความนุ่มนวลวนอยู่ ในหูของเธอ ปานประหนึ่งความทะนุถนอมอันอ่อนหวาน

ลั่วหานพยักหน้า “อื้ม…..

เมื่อวางสายโทรศัพท์ ลั่วหานก็พบว่าทั้งใบหน้าเต็มไปด้วย นํ้าตา

ทําไมหัวใจของเธอถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้นะ? เห็นได้ชัดว่า เป็นแม่สามีที่เลวร้ายคนนึง เห็นได้ชัดว่าเธอแทบจะขับไล่เธอ ออกจากตระกูลหลง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหยวนชูเฟินที่เคย พูดไว้ ใจของลั่วหานก็ปวดเหมือนเข็มแทง

เธอให้อภัยเธอแล้ว เมื่อตอนที่เธอได้ยินคำพูดกระซิบจากใน ปากของเธอว่า “เซียวเอ๋อ” เธอก็ให้อภัยเธอแล้ว

เช็ดน้ำตาบนใบหน้า จัดระเบียบอารมณ์ความรู้สึกดีแล้ว ลั่ วหานก็เดินเข้าไป

หยวนชูเฟินสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว “ร่างกายของฉันฉันรู้ดี ไม่มี ปัญหาหรอก ร่างกายของฉันปกติดี”
“อื้ม! ร่างกายแม่ดีมาก ผลการตรวจสอบล้วนได้มาตรฐาน เพียงแต่น้ำตาลในเลือดตาของคุณค่อนข้างรุนแรง เพื่อหลีก เลี่ยงการพัฒนาจนกลายเป็นโรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ ช่วงนี้ควรไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาให้เป็นระบบเดียวกันเถอะ”

หยวนชูเฟินไม่ใส่ใจ “เพียงแค่โลหิตจาง จะต้องนอนโรง พยาบาลไปทำไม?”

ล้วหานกล่าวกระซิบใกล้หูของเธอว่า “หรือว่าแม่ลืมไปแล้ว ตอนนี้คุณคือคนที่ประกันตัวมา พวกเราจะต้องแสดงให้เพียง พอ ไม่เช่นนั้นคนของทางด้านตำรวจนั้นก็จะไม่เชื่อ ทางด้าน หวาเซียนั้นฉันจะมาจัดการ แม่ก็ให้ความร่วมมือนิดหน่อย เป็น ยังไง?”

หยวนชูเฟินมองใบหน้าลั่วหานที่ยิ้มอย่างเหลี่ยมจัด อดไม่ ได้ที่จะยิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ ฉลาดหลักแหลมมากจริงๆ ไล่จนทัน เซียวเอ๋อแล้ว”

“นั่นเป็นธรรมดา ฉันเรียนรู้กับเขาหนิ!”

“พวกคุณทั้งสองหน่ะ เป็นคู่รักคู่แค้นชะตาลิขิตจริงๆ”

การตรวจทางด้านนั้นของหยวนชูเฟินเสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ลั่ วหานพาเธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด สั่งอาหารจีน ที่อร่อยถูกปากรสชาติเบาๆ ล้วนเป็นกับข้าวที่อบอุ่นกระเพาะ บำรุงร่างกายบำรุงเลือด เนื้อสัตว์ผักเหมาะสมโภชนาการสมดุล

“แม่ คุณทานผักโขมเยอะๆหน่อย แล้วก็ตับหมู ถึงแม่ว่าตับ หมูจะไม่ค่อยอร่อย แต่ก็มีประสิทธิภาพในการบารุงเลือดที่ดี มาก โลหิตจางควรจะต้องทานให้เยอะหน่อย”

“แครอทก็ต้องทานเยอะๆ เนื้อปลาชอบไหม? เสริมโปรตีน สองวันมานี้คุณทานไม่ค่อยได้ จะต้องทานเยอะๆหน่อยนะ”

ลั่วหานดึงก้างปลาออก นำเนื้อปลาสีขาวนุ่มวางลงในจานเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมแนะนำให้เธอทานเยอะๆหน่อย

หยวนซูเฟินรับประทานอาหารน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเซลล์มะเร็ง ที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ค่อยๆทำลายระบบการย่อยอาหารของ เธอมาก่อนหน้านี้แล้ว สิ่งของที่กินก็ยิ่งจุกจิกจู้จี้ “ทานไม่ลง แล้ว อาหารไม่สามารถทานในมื้อเดียวได้ คุณทานเยอะๆ หน่อย บำรุงร่างกายดีๆ

ลั่วหามหาวิธีอันชาญฉลาดกล่าวว่า “ฉันช่วยคีบมาให้คุณ แล้ว คุณไม่ทานล่ะก็ ฉันก็เสียแรงเปล่า ทานอีกสองสามคำ เถอะนะ”

หยวนชูเฟินใจไม่แข็งพอที่จะทำให้เธอผิดหวัง ฝืนใจทาน อีกสองสามคํา ทานข้าวไปพลางมองลั่วหานไปพลาง “มิน่าล่ะ เซียวเอ๋อถึงชอบเธอขนาดนั้น คุณอะ บางครั้งคุณก็เป็นผู้หญิง เก่งคนนึงที่มีความสามารถในการทำงาน บางครั้งก็คล้ายกับ เด็กคนนึง ทำให้คนรักอย่างสุดซึ้ง
ลั่วหานใช้สองมือจับหน้าตั้งใจแอ๊บแบ๊ว “ในเมื่อแม่รู้สึกว่าคุ้ม ค่าที่จะรักฉัน ต่อจากนี้ไปก็จะต้องรักฉันให้มากๆ

หยวนชูเฟินถอนหายใจ ก้มหน้าลงอย่างละอายใจแล้วกล่าว ว่า “ต้องโทษฉันเอง…ที่ก่อนหน้านี้ทำให้คุณน้อยใจ”

“แม่ พวกเราไม่พูดถึงอดีตแล้ว พวกเรามองเพียงแค่อนาคต โอเคไหม?”

ลั่วหานจะร้องไห้อีกแล้ว อยู่โรงพยาบาลเห็นการเกิดแก่เจ็บ ตายมากมาย เธอเดิมทีก็ชินชากับความตายไปแล้ว แต่ว่า…….

“เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว”

ทานอาหารกลางวันเสร็จ หยวนชูเฟินก็ยืนกรานจะกลับไปที่ ตระกูลหลง ลั่วหานก็เลยจำใจต้องเห็นด้วยไปก่อน “แม่ คุณ ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับพวกเราเถอะ ฉันและหลงเซียวจะได้ดูแล คุณ”

หยวนชูเฟินส่ายหน้า “จะทำแบบนั้นได้ยังไง ฉันเป็นคุณนาย ของตระกูลหลง อยู่ในบ้านของลูกชาย จะถูกคนตำหนิเอาได้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของอาชีพการงานหลงเซียว ฉันไม่ สามารถให้นักข่าวทิ้งคำพูดไว้ให้เป็นขี้ปากคนได้

“อยู่ที่นี่กับพวกเราเป็นยังไงหรอ? ใครกำหนดว่าแม่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับลูกชายได้?” หากอยู่ด้วยกัน เธอก็ สามารถคอยสังเกตอาการของโรคได้อย่างละเอียด ทางด้าน หลงถึงนั้นก็สามารถปิดบังได้อย่างง่ายดาย

“ลั่วลั่ว เมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งนั้นคุณก็จะรู้เอง เรื่องราว มากมายที่มันไม่ง่ายเหมือนที่คิดแบบนั้น ฉันผ่านการดำรง ชีวิตแบบนี้มาสามสิบปีแล้ว หัวใจล้วนก็ชินชาไปแล้ว” เธอยิ้ม อย่างเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้นหลับตาแล้วพิงที่พนักเก้าอี้ ไม่ พูดอีก

ในทันที ลั่วหานก็รู้สึกว่าหยวนชูเฟินดูเหมือนจะเหนื่อยมาก คือ……เธอเหนื่อย

สามสิบปีบนเส้นทางที่แสนยาวไกล เลยเดินทางมาอย่าง เหน็ดเหนื่อยกว่าใครเลยใช่ไหม?

ถึงคฤหาสน์ตระกูลหลงแล้ว ลั่วหานก็เน้นย้ำอีกว่าอีกสอง วันจะมารับเธอไปโรงพยาบาล หยวนชูเฟินพยักหน้าตอบรับ อย่างให้ความร่วมมือ

ส่งหยวนชูเฟินเสร็จ ลั่วหานก็ขับรถกลับ ขณะขับอยู่บนถนน สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่เขาเดินทางก็ไม่รู้ว่าถึงสถาน ที่ไหนแล้ว คาดไม่ถึงเมื่อเงยหน้าก็พบว่าอยู่คนละทางกับ คฤหาสน์

มองไปยังเมืองที่ไม่คุ้นเคยและไม่ได้มาบ่อยๆ ลั่วหานก็ฟุบลง บนพวงมาลัยรถยนต์ร้องไห้โฮไม่หยุด การร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างรุนแรงทำให้ตัวเธอสั่นไปทั้งตัว อารมณ์ความรู้สึก เสียงฮือๆที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้ ในที่สุดเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆดัง ขึ้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็กลายเป็นร้องไห้โฮอย่างโศก เศร้า

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กระจกหน้าต่างรถยนต์ก็ถูกคนมา เคาะเล็กน้อย เสียงที่เบาและระมัดระวังมาก

ลั่วหานรีบเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ทันทีที่เงยหน้าขึ้น มอง ภาพเงาสีดำของบุคคลคนนึงก็เข้ามาใกล้ตรงหน้า ครั้น แล้วก็คือใบหน้านั้นที่คุ้นเคยที่สลักลงไปในหัวใจ

ลั่วหานอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ น้ำตาทั่วทั้งใบหน้าที่ยัง เช็ดไม่ทันแห้งก็ไหลออกมาอีก สายตาที่สับสน เปิดประตูรถ มองไปที่ใบหน้าของหลงเซียวที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน อย่างงุนงง

“หลงเซียว……….….………

คำพูดของเธอยังไม่ทันจบลง อ้อมกอดที่อบอุ่นของหลงเซียว ก็โผเข้าไปกอดเธอไว้แน่น มือที่อ่อนโยนและอบอุ่นกุมศีรษะ ของเธอที่พิงอยู่ที่อกของตนเอง เสียงที่แหบเล็กน้อยเต็มไป ด้วยความรักทะนุถนอมและการตำหนิตัวเอง “ยังดีที่บนรถ มีเครื่องติดตาม ไม่เช่นนั้นภรรยาของฉันจะต้องร้องไห้เพียง ลำพังไปถึงเมื่อไหร่กัน?”

ลั่วหานคว้าเสื้อสูทของเขาไว้แน่น ในที่สุดก็ปล่อยโฮร้องไห้ขึ้นมา ใจตกไปอยู่ที่พื้น ไม่อยากจะอดกลั้นต่อไปอีกแม้แต่ วินาทีเดียว หลงเชียว….. ”

เธอร้องไห้ไปพลางร้องเรียกชื่อเขาไปพลาง มือโอบกอดเขา แน่นขึ้นทีละน้อย

คิ้วที่สวยงามของหลงเซียวก็ขมวดกันจนเป็นปมไปแล้ว เสียง แหบแห้งที่กลัดกลุ้มอยู่ในลำคอก็ส่งเสียงอันอบอุ่นออกมา “ฉัน อยู่ ฉันอยู่นี่แล้ว”

รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของเขา ลั่วหานก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ “อือๆ…..ฮือๆ…..ฉันกลัว…ฉันกลัว….…… ”

สภาพจิตใจของหลงเซียวล้วนจะถูกตัดขาดด้วยการร้องไห้ ของเธอ นำมือไปจับที่ด้านหลังของเธอ ปลอบใจด้วยน้ำเสียง ที่อบอุ่น “ฉันอยู่นี่ ลั่วลั่ว ไม่ต้องกลัวนะ ฉันมาแล้ว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว……ไม่ต้องกลัวแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ