ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 227 งานหมั้นเป็นโมฆะ



ตอนที่ 227 งานหมั้นเป็นโมฆะ

พลันแสงอาทิตย์ส่องทะลุพาดผ่านก้อนเมฆออกมา จนทำให้เกิดแสงประกายจ้าไปทั่วทั้งท้องฟ้า และ สาดลงมายังร่างกายของแอนน่า เธอไม่ได้ยิ้มเยาะ ไม่ได้รู้สึกเศร้าระทมแต่อย่างใด เธอยังคงยืนจ้อง มองตู้หลิงเซวียนอย่างเรียบเฉยอยู่แบบนั้น

แววตาที่ดูใสสะอาดสุกสกาว มันสว่างเสียจน ปกคลุมแสงอาทิตย์ที่โผล่มาจากทิศตะวันออกจนมิด เลยทีเดียว

ตู้หลิงเซวียนกําแหวนที่อยู่ในฝ่ามือแน่น ใบหน้าที่ มีแต่ความผิดหวังกับความเศร้าโศกของเขาเมื่อสัก ครู่นี้หายไปหมดแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับมาดู สง่าเหมือนอย่างเดิม เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณกับแอน น่ามีอยู่จุดหนึ่งที่ไม่เหมือนกันนะ ดูเหมือนว่า คุณจะ ฉลาดกว่าเธอเยอะเลยนะ”

รอมาตั้งกว่าครึ่งวันแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำ เพียงแค่ชมเธอ นี่คือการชื่นชมของสุภาพบุรุษนั้น หรือ? หรือว่าตั้งใจให้เธอกลับไปกัน?
แอนน่า นมือออกไป ก่อนจะพูดอย่างใจกว้างว่า “มีคนเคยบอกเอาไว้ว่า หลังจากเลิกกันไม่อาจเป็น เพื่อนกันต่อไปได้ แต่ฉันคิดว่า เรื่องระหว่างพวกเรา ยังไม่เคยถึงขั้นนั้นเลยใช่ไหม? ดังนั้น หวังว่าต่อจาก นี้พวกเราจะสามารถเป็นเพื่อนกันต่อไปได้นะ”

แต่ทางตู้หลิงเวียนกลับไม่ยื่นมือออกมา เป็น เพื่อนงั้นหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการด้วยซ้ำ

เขาเก็บแหวนวงเล็กๆ นั้น ก่อนจะกำมือแน่น ราวกับ รู้สึกว่าทั้งร่างกายของเขาตอนนี้ จุดที่รู้สึกปลอดภัย ที่สุด จะมีเพียงที่ฝ่ามือของเขาเท่านั้น

“ทำไมกัน?”

เขาอยากจะถามเหลือเกิน ว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วย กันที่ผ่านมา แม้แต่จะคบกันก็ยังทำไม่ได้เลยหรือ? ระหว่างพวกเขาสองคน ก็ได้ประสบพบเจออะไรกัน มาตั้งหลายเรื่อง ทั้งการนัดเจอกัน กินข้าวกัน เรื่อง ราวพวกนี้ ไม่เคยเลยที่จะไม่ได้ทําด้วยกัน

แอนน่ารู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่ก็ไม่ได้พูด ไปตามความหมายที่เขาอยากให้เป็น จึงทำเพียงยัก ไหล่ “ก็ง่ายๆ มีเพื่อนเยอะขึ้น ก็มีคู่แข่งน้อยลง
ตู้หลังเวียนยังคงค้างอยู่ห่าเดิม แววตาของเขาก็ ยังคงหยุดมองอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเธอ หลังจาก นั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสง่างาม หรือคุณจะไม่รู้ กัน ว่าคำว่าเพื่อน บางทีมันก็เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด นะ”

แอนน่าหัวเราะ ก่อนจะทําท่าทางที่สง่างาม ดูสวย สง่ากว่าท่าทางในตอนแรก “แล้วคุณจะเป็นแบบนั้น หรือ?”

หากดูจากการที่เขาสามารถควบคุมตระกูลเฉียว ได้ ก็คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้ทีเดียว

จนสุดท้ายตู้หลิงเซวียนก็ไม่ได้จับมือกับแอนน่า

เลย เพียงแต่มีแสงประกายวาบผ่านดวงตาของเขา เท่านั้น การมาถูกขอเลิกแบบนี้ มันดูน่าอาย แต่มัน ก็พอกับเวลาที่เสียไปแล้วล่ะ แต่ว่าแอนน่า คุณรู้หรือ เปล่า ว่าบนโลกนี้น่ะมันจะมีสัตว์อยู่ชนิดหนึ่ง หาก เหยื่อของมันถูกสัตว์อื่นขโมยไปล่ะก็ มันก็จะไปล้อม โจมตีรังของอีกฝ่าย เพื่อที่จะแย่งกลับมานะ”

ตู้หลิงเซวียนไม่ได้เป็นพระเอกอย่างที่คาดไว้ เขา เองก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่าเขาจะยอมเป็นคู่ต่อสู้กับหลงเชียวต่อหน้าของเธอ ซึ่งเห็นได้เลยว่า เขามีทั้งความแน่วแน่และความโกรธเกรี้ยว

แอนน่าซักมือกลับมา “ฉันไม่ใช่เหยื่อของคุณ ก

หน่อย”

ในแววตาที่ยากจะคาดเดาของตู้หลิงเวียนตอนนี้ มีทั้งความคิดและสิ่งที่ลึกซึ้ง ที่แอนน่ายากจะเข้าใจ อยู่ เขาใช้สายตาแบบนั้นในการจ้องมองมาที่แอน น่า หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ถูกแล้ว คุณไม่ใช่ เหยื่อของผม แต่ผมเป็นเหยื่อของคุณต่างหาก คุณ ได้ขโมยหัวใจของผมไปแล้ว แต่ตอนนี้คุณกลับเอา ความจริงใจที่ผมมี โยนทิ้งไปแล้วล่ะ”

แอนน่าแทบจะพูดอะไรไม่ออก เขาพูดอย่างเศร้า โศกออกมาอย่างจริงใจ จริงใจจนขนาดแอนน่ารู้สึก ได้ ว่าตัวเองไปทำร้ายผู้ชายที่รักตัวเองอย่างสุดซึ้ง คนหนึ่งเข้าแล้ว

ตู้หลิงเวียนยังคงรักษาท่าทางแบบเดิมไว้อยู่ เอา ล่ะ เข้าไปเถอะครับ ส่วนเรื่องของพวกเรา เอาไว้ คุยหลังจากนี้แล้วกันนะ ดูแลแม่ของคุณให้ดีล่ะครับ เธอยังต้องการคุณอยู่นะ”พูดจบ ตู้หญิงเวียนก็หันหลังเดินออกจากโถงทาง เต็มไปทันที

แอนน่าสงสายตามองไปยังเขา ที่กำลังเดินเข้าหา แสงอาทิตย์ ที่กำลังส่องแสงพาดผ่านหน้าต่างบาน ใหญ่ ที่สุดโถงทางเดินเข้ามา แผ่นหลังของเขายิ่ง เดินยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ จู่ๆ เธอก็มีความรู้สึกหดหู ใจอย่างบอกไม่ถูก

ชั่วขณะนั้นเอง เธอก็มองเห็นว่าฝ่ายชายที่ค่อยๆ เดินออกไปไกลนั้น กลับดูมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง มากกว่าตอนอยู่ต่อหน้ากันเสียอีก

มันนอนนิ่งอยู่ในมุมมืด ราวกับสัตว์ที่กำลังจำศีลใน

ฤดูหนาว

“หัวหน้า ถึงเวลาแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะไปเข้าร่วม งานเลี้ยงตอนนี้เลยไหมครับ?”

ถึงเวลาเลิกงานจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม แต่ หลงเซียวยังคงอยู่ในห้องทํางาน ด้านนอกตอนนี้ พระจันทร์เสี้ยวกำลังลอยอยู่ในหมู่มวลเมฆหมอกมากมาย ล้อมรอบไปด้วยหมู่ดาวที่ส่องประกาย ระยิบระยับ ราวกับกำลังส่งเสียงรับขานกับโคมไฟ รุ้งในเมืองไปมา ยิ่งดูก็ยิ่งสวยงามอย่างมาก

หลงเซียวยืนอยู่ริมหน้าต่าง ร่างกายที่สูงใหญ่ของ เขาถูกความมืดมิดในค่ำคืนโอบกลืน อีกทั้งดูสูงใหญ่ จนยากที่จะแหงนหน้ามอง

เขายกกาแฟขึ้นจิบ พร้อมทั้งรสขมที่พุ่งผ่านลำคอ “จะรีบร้อนไปทำไมกัน? ให้พวกเขารอไปก่อน

“ครับ…”

“แล้วจัดระเบียบพวกนักข่าวเรียบร้อยหรือยัง?”

“วางใจได้เลยครับหัวหน้า งานเลี้ยงของคืนนี้ ไม่มี

นักข่าวอยู่เลยสักคนครับ”

จี้ยงหมิงก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาก็กำลังเดิน ไปทุกนาทีๆ แต่หัวหน้ากลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด เขา เองก็ไม่กล้าที่จะไปเร่ง จึงทำได้เพียงคิดว่าตัวเอง เป็นขอนไม้ ยืนรอคำตอบจากหัวหน้าอยู่แบบนั้น
หัวหน้าเองแทบไม่เคยจะสนใจ งานเลี้ยงของ ตระกูลหลงกับตระกูลโม่มาก่อน คงน่าจะเป็นการไว้ หน้าแล้ว แล้วใครจะไปกล้าให้เขาโผล่มาตรงเวลา

หลงเซียวยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอานิ้ว มือเคาะที่แก้วไปมา ก่อนจะมองดูเวลา ตอนนี้ก็น่าจะ ได้เวลาแล้วล่ะมั้ง?

ทําไมไม่มีข่าวคราวจากลั่วลัวเลยนะ?

หากดูจากข่าวที่กู้เยนเซินบอกมา ลั่วลั่วในตอนนี้ก็ น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้น…….

พลันมุมปากของหลงเซียวก็เผยอขึ้นบางๆ รอยยิ้ม ของเขามันดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกทีเดียว

ดูเหมือนว่า เขาจะช้ากว่าเธอไปก้าวหนึ่งล่ะนะ

“เอาล่ะ พวกเราออกไปกันเถอะ”

จี้ตงหมิงส่งเสียงตอบรับ หัวหน้าจะตัดสินใจ กะทันหันไปแล้ว!
“ครับ! ผมจะไปขับรถทันทีครับ

พลันรถ Rolls-Royce สีดา ก็ขับมาจอดอยู่ด้าน หน้าตึก Club.HT เป็นเพราะมีงานเลี้ยงรวมตัวกัน ของตระกูลโม และตระกูลหลง ทำให้แสงไฟด้าน นอกต่างๆ ในคืนนี้ มีรวมอยู่กันมากมายราวกับทะเล แสงไฟ ส่วนที่จอดรถที่กว้างใหญ่ตอนนี้ ส่วนใหญ่ แล้วจะมีแต่รถของผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโม่และ ตระกูลหลงทั้งนั้น

หากอิงตามประเพณีแล้ว วันนี้ก็จะถือว่าเป็นวันนัด พบปะสังสรรค์ ก่อนคู่แต่งงานใหม่ เพื่อจะได้ต้อนรับ อย่างอบอุ่น

พลันผู้ที่สวมรองเท้าหนังสีดำวาวก็เดินลงจากรถ หลงเซียวเอามือมาจัดกระดุมของชุดสูทสีดำของตัว เอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปาก เพื่อความอบอุ่นยัง งั้นหรือ?

แต่เขาชอบอะไรที่มันไม่ร้อนเกินไปน่ะสิ

“สวัสดีคุณชายหลง มีบุคคลสำคัญตั้งมากมาย ขนาดนี้ คุณชายคงไม่ได้ตั้งใจจะมาสุดท้ายแบบนี้ หรอกใช่ไหม? มีคนตั้งมากมายกำลังรอคุณชายอยู่เลยนะ”

พลันมีขายมีอายุคนหนึ่งของตระกูลหลง เดินมา ยิ้มทักทายเขาอย่างสดใส ส่วนน้ำเสียงของเขาก็ด ประจบประแจงเสียจริง

เมื่อมีคนตะโกนเรียกเขาแบบนี้ ทำให้สายตาของ ทุกคน ต่างก็หันมามองคนที่เพิ่งจะเดินเข้าประตูห้อง โถงมา เมื่อมีร่างกายที่สูงใหญ่ สวมเสื้อสีดำกางเกง สีดำาปรากฏตัวขึ้น ทุกคนที่กำลังดื่มกินอยู่ก็หยุด ชะงักลง พร้อมทั้งเสียงพูดคุยเองก็หายไปเหลือแต่ ความเงียบ ก่อนจะหันไปมองหลงเขียวเขม็ง

โม่หรูเฟยหันกลับมามองตาไม่กระพริบ เพราะ ความรู้สึกดีที่มีให้ เธอยกให้หลงเซียวหมดแล้ว วัน นี้เธอสวมชุดราตรีประดับเพชรสีขาว ดูสว่างเจิดจ้า เป็นประกายระยิบระยับ จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าไปหา หลงเซียวด้วยรองเท้าส้นสูง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียง ที่อ่อนหวาน “พี่เซียว ในที่สุด ก็มาจนได้”

โม่หรูเฟยเข้าไปคล้องแขนของหลงเซียว ท่ามกลางสายตา อวยพรและอิจฉาของแขกเหรื่อ ทั้งหลาย ราวกับว่าผู้ชายคนนี้กลายเป็นของส่วนตัวของเธอไปซะแล้ว

หลงเชียวเองก็กวาดสายตาที่เยือกเย็นของเขา มองไปยังแขกเหรือนับร้อยในงาน ไม่เพียงแต่จะมี แค่ตระกูลโม่เท่านั้น แต่ยังมีคนของตระกูลเการ่วม อยู่ด้วย ในงานเลี้ยงคืนนี้ เป็นการรวมตัวของตระกูล ที่ร่ำรวยในเมืองกว่าครึ่ง เขาก็เริ่มรู้สึกไม่สนุกขึ้นมา

หลงเซียวยกมือขึ้นจับที่ปลายนิ้วของโม่หรูเฟย ชั่ว ขณะที่โม่หรูเฟยคิดว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างที่ สนิทชิดใกล้นั้นเอง เขากลับออกแรงผลักมือที่คล้อง แขนของเขาไว้ออกทันที

โม่หรูเฟยเบิกตากลมโตมองอย่างเงียบๆ พร้อมทั้ง เปิดปากพูดออกมาอย่างยากลำบาก “พี่เซียว…นี่พี่ ทําอะไรน่ะคะ?”

หลงเชียวโน้มตัวลงมาแนบชิดติดหูของเธอ ท่าทาง ดูคลุมเครืออย่างมาก แต่ค่าที่พูดออกมา กลับทำให้ โมหรูเฟยตัวแข็งทื่อไป “หรูเฟย ยังจำเรื่องที่พี่พูด ได้ใช่ไหม? แต่พี่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งมาบอก คืนนี้ เธอ จะเป็นคนบอกยกเลิกงานหมั้นเอง หรือว่าจะให้พี่ เป็นคนพูด?”
พลันสีหน้าของโม่หรูเฟยก็แดง ราวกับมีฝ่ามือ มาตบฉายบนใบหน้าเธอหลายต่อหลายปัจนเจ็บ ปวด เธอรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ด้วยท่าทีตื่น ตระหนก “พี่เซียว พี่อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ฉันอยาก แต่งงานกับพี่นะ แล้วพี่จะมายกเลิกงานหมั้นกับฉัน ได้ยังไงกัน?”

ทั้งสองคนต่างก็กระซิบกระซาบคุยกันแบบนั้น ทําให้ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นการแสดงความรักกัน ระหว่างคู่รักปกติ มีเพียงแค่บุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่

หลงเชียวปัดมือของเธอออก แต่งงานกับเธองั้น หรือ? แล้วภรรยาของพี่ล่ะจะทำยังไง?”

ภรรยางั้นหรือ?!

พลันหลงเซียวก็พูดขึ้นต่อเสียงต่ำอย่างมีเมตตา ที่สุด โดยไม่รอให้โม่หรูเฟยแสดงความประหลาดใจ ออกมา “ ยกสิทธิ์ให้เธอหมดเลย เธอก็ไปประกาศ ว่าเราสองคนจะไม่หมั้นกัน เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้ รักษาหน้าของตระกูลโม่ได้ยังไงล่ะ”

“ไม่! ฉันไม่ตอบรับอะไร ทั้งนั้น!” หลงเขียวขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ให้พี่เป็นคน พูดแทนแล้วกัน”

เขาเตรียมใจเรื่องการมาพูดกับโม่หรูเฟย ก่อน หน้าที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แล้ว หลงเซียวเดินเชิด หน้าตรงไปยังจุดศูนย์กลางของห้องโถง โม่ล่างคุ นเองก็รีบรุดเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “หลงเซียว วันนี้ เป็นวันสำคัญของนายกับเฟยเฟยเลยเชียวนะ ใน ที่สุดพวกเราทั้งสองตระกูล ก็จะได้กลายเป็นหนึ่ง เดียวกันแล้ว”

แต่รอยยิ้มของหลงเชียว กลับไม่ได้ให้ความรู้สึก อบอุ่นออกมาเลย “คุณโม่ครับ เกรงว่าจะยังไม่ถึงขั้น นั้นหรอกครับ”

คุณโม่งั้นหรือ? เหมือนว่าพอพูดคำนี้มา ระยะ ระหว่างทั้งสองคนมันก็ยิ่งห่างขึ้น โม่ล่างคุนเองก็ยิ้ม อย่างกระอักกระอ่วน “นี่เจ้าหนุ่มน้อย นี่คิดจะเรียก อย่างเกรงใจแบบนี้ ก่อนจะได้เรียกคำว่าพ่องั้นหรือ? ฮ่าๆ”

หลงถึงเองก็เฝ้ามองดูลูกของตัวเองอย่างเงียบๆ ชั่ว ขณะนั้นทั้งสองคนก็หันหน้ามาสบตากัน ส่วนความ นัยนั้นก็มีแค่ทั้งคู่ที่เข้าใจกันเท่านั้นหลงจื่อเองก็นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ที่โซฟาเดี่ยว ไกลๆ ตัวหนึ่ง อีกทั้งยกขาขึ้นพาดเก้าอี้ด้านหน้า พร้อมทั้งยกแก้วแชมเปญ และแกว่งมันไปมา แต่ กลับไม่ได้ดื่มเลยสักอีก

คืนนี้ ตระกูลโม่คงจะโชคไม่ดีแล้วล่ะ

หลงเชียวเองก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ในงานเลี้ยงนี้นาน เขาต้องการรีบตัดจบ ทำทุกอย่างให้เสร็จไปทีเดียว เลย

หยวนซูเฟินกับฟูเหวินฟางก็ยังคงพูดคุยกันอยู่ เกา หยิ่ง อเองก็กำลังพูดคุยกับคนของตระกูลหลงเช่น กัน ส่วนเกาจิ้งอานก็เดินไปทางหลงจื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ไม่รู้

“คุณชายสอง วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ใหญ่แท้ๆ แต่ ทําไมกลับไม่มีใจบ้างเลยล่ะ?”

หลงจื่อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ “วันนี้ก็เป็นวันที่ดี ของน้องสาวนายเหมือนกันนี่ แล้วทำไมนายเองไม่ เห็นจะดีใจเลยล่ะ?”

เกา งอานเบ้ปาก ก่อนจะยกแก้วชนกับหลงจื่อพร้อมทั้งดื่มไวน์แดงรวดเคียวหมด “วันที่ดีงั้นหรือ? แต่เหมือนฉันจะไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”

หลง จื่อเองก็เปปาก “คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าจะมีวันที่ ฉันกับประธานเกาจะมีความคิดเหมือนกัน”

เขายกแก้วขึ้นจิบ พร้อมทั้งหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ รอบๆ ตัวของหลงเซียว ด้วยกันกับเกาจิ้งอาน

หลงเขียวเอามือข้างหนึ่งสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง ตลอดเวลา ก่อนที่รอยยิ้มในแววตาจะค่อยๆ เปลี่ยน กลายเป็นเยือกเย็น “วันนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกคน มาก ที่มารวมตัวเพราะเรื่องของผมกับคุณหนูโม

โม่หรูเฟยคว้ามือของเขาไว้แน่น “พี่เซียว ไม่ต้อง พูดอะไรเป็นพิธีรีตองแล้ว มันยากนะกว่าที่ทุกคนจะ มารวมตัวได้แบบนี้ สู้ปล่อยเวลาให้พวกเขาอยู่กัน ตามสบายดีกว่านะคะ……

หลงเซียวพลันพูดตัดบทเธอขึ้นมา “อีกเดี่ยว ทั้ง เวลาแล้วก็สถานที่ ก็จะกลายเป็นของพวกเขาแล้ว ก็ แค่ใช้เวลาแค่นาทีเดียวเอง”

ชั่วขณะนั้นเขาเหมือนดั่งนกพญาอินทรี เขาแทบจะไม่มองมาทางพ่อกับแม่เลยด้วยซ้ำ พลันมือถือที่ อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นไหวขึ้น

หลงเขียวหี่อยู่จุดศูนย์กลางระหว่างสายตาของ ทุกคน ก็หยิบมือถือขึ้นมา ท่าทางดูราวกับเป็นคนใน ราชวงศ์ ที่ปัดป้องคำว่าร้ายของทุกคนเอาไว้

บนหน้าจอมือถือของเขา โชว์ข้อความของลั่วลั่วไว้ ซึ่งเป็นแค่ประโยคง่ายๆ ประโยคเดียว……

“ฉันยกเลิกงานหมั้นแล้วนะ ไม่รู้ว่าฝั่งคุณเองไป ด้วยดีไหม?”

หลงเซียวเผยรอยยิ้มขึ้นมา จนคนข้างๆ มองไม่ ออกว่ามันหมายความว่าอย่างไร ก่อนเขาจะพูด “แต่ ว่า ผมไม่มีทางที่จะแต่งงานกับหรูเฟยได้”

อะไรนะ?!

ไม่มีทางแต่งงานได้งั้นหรือ

แววตาของโม่ล่างคุนเบิกโพลงด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินเข้ามาดึงคอเสื้อของหลงเซียวเอาไว้ “นี่ พูดอะไรออกมาน่ะ! ไหนพูดมาอีกทีสิ!”192107013_780451842619321_4835554462393386439_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ