ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 354 กอดภรรยานั้นสบายที่สุดแล้ว



ตอนที่ 354 กอดภรรยานั้นสบายที่สุดแล้ว

ตอนที่ 354 กอดภรรยานั้นสบายที่สุดแล้ว

ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นตอน 8:30 น.

ครั้งนี้เป็นการทำลายสถิติของลั่วหานที่ตื่นตรงเวลาตอน เจ็ดนาฬิกาเพื่อเข้างานในเวลากะกลางคืนมาตลอด

เหตุผลก็คือ เมื่อคืนหลงเซียวมาออดอ้อนขอรักเธออยู่ หลายครั้ง จนเธอต้องขอร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เขาก็ไม่ยอม ปล่อยสักที

ดังนั้นในขณะนี้แม้ว่าจะมีคนตื่นขึ้นมาแล้ว แต่กลับรู้สึก อ่อนแรงและชาไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่เอว ความปวดเมื่อย และแข้งขาอ่อนแรงเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

ลั่วหานบีบนวดเอวและแขนที่อ่อนแรงจากการถูกคนข้าง กายบีบเคล้น เมื่อหันหน้าไปก็พบกับรอยยิ้มของหลงเซียว ที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อดูดีนั่น เธอหลบมาอีกด้านอย่าง อดไม่ได้ “เฮ้ คุณน่าจะพอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”
หลงเซียวงัวเงียนขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน มือแกร่งยืด ข้ามหมอนใบนุ่มไปลูบไล้เส้นผมของเธอ โอบรั้งคอของ เธอไว้ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็พาร่างเล็กของลั่วหานเข้า มาในอ้อมแขน

ลั่วหานไม่สามารถต่อต้านได้ จึงได้แต่คลอเคลียอยู่ใน อ้อมกอดเขา แต่เธอกลัวไปหมด ชายหนุ่มที่ถูกกระตุ้นได้ ง่ายกลายร่างเป็นหมาป่าที่หิวโหย และในตอนนั้นคุณชาย หลงก็กลายเป็นคนที่ดุร้ายที่สุด เธอยื่นนิ้วมือไปดันที่ หน้าอกแกร่งของเขาแล้วพูดอย่างชัดเจนว่า “คุณนอนให้ มันดีๆ หน่อย ห้ามขยับนะ”

หลงเซียวขำกับใบหน้าดื้อรั้นของเธอ เสียงแหบแห้งใน เวลารุ่งเช้าก็ลอยเข้าไปในหูของเธอ มันดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์ “กลัวอะไรเหรอ? เมื่อคืนก็กินมื้อหลักไปแล้ว ต่อไปก็เป็น แค่ของหวานหลังอาหาร ไม่ต้องยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คุณทน ได้อยู่แล้วน่า”

ลั่วหานกัดฟันแน่น ส่งกำปั้นเล็กชกเข้าไปแรงๆ “ไม่ได้ วัน นี้ฉันต้องไปทำงานที่โรงพยาบาล หรือว่าคุณอยากให้ฉัน เดินกะเผลกล่ะ? หรืออยากให้ฉันเป็นลมเป็นแล้งไปตอน ทํางาน? “ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ผมยาวๆ ของเธอ เส้นผมยาวสลวย ที่สยายอยู่บนหมอน ลูบไล้กลุ่มผมสีดำขลับไปมาได้อย่าง ไม่มีเบื่อ

จะเชื่อฟังคุณนะ ขอผมกอดอีกหน่อย

ลั่วหานปุ๋ยปาก “คุณชายหลง ตอนนี้เป็นเวลา 08.35 น. แล้ว แน่ใจนะว่าจะไม่ลุกไปทำงาน

หลงเซียวหรี่ตาลงอย่างเกียจคร้าน เขายังมีความสุขที่ ได้ลูบไล้เส้นผมนุ่มของเธออยู่เลย ไม่รีบ วันนี้ไปบริษัทดู เรื่องทั่วๆ ไป ตอนนี้ผมดำเนินการเรียบร้อยหมดแล้ว ก็มีแค่ ปิดลบหุ้นของโม่ซื่อเท่านั้น หุ้นของ MBK ก็พุ่งสูงขึ้น แล้ว เรื่องพวกนี้น่าเบื่อมากๆ จะมาสบายเท่านอนกอดภรรยา ได้ที่ไหนล่ะ

ลั่วหานมองบนไปหนึ่งที นิ้วเรียวสวยกดลงไปที่ริมฝีปาก ของเขา “คุณชายหลง คุณทำให้ฉันคิดถึงใครคนหนึ่ง จะ พูดให้ถูกคือเป็นจักรพรรดิคนหนึ่ง

ริมฝีปากของหลงเซียวถูกกดลงให้อ้าปาก ทันใดนั้นนิ้ว เรียวของเธอก็ถูกงับเบาๆ
“อ๊ะ!!! คุณ…”

ลั่วหานอุทานด้วยความตกใจเมื่อถูกเขากวนด้วยการกระ ทำที่คลุมเครือ ค่อยๆ พูดออกมาอย่างช้าๆ ว่า “คนที่ภรรยา อยากพูดถึง น่าจะเป็นกษัตริย์ที่ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ นั้นมา… ที่รัก คุณก็คือชายาคนโปรดที่เพียงแค่หันกลับมา และยิ้มก็ทำให้ละลาย…”

“อ๊ะ!!! ”

ทันใดนั้นตัวของลั่วหานถูกพลิกมาอยู่ข้างใต้ “หลงเซียว คุณพูดแล้วว่าจะไม่ทำอีก! คนโกหก!

หลงเซียวทำตัวพาลขึ้นมา “ภรรยาเตือนสติผม แล้วใน เมื่อผมเป็นกษัตริย์ของคุณ จะเปลี่ยนไปมายังไงก็ได้”

อื้อ! คุณ …”

นี่เธอทำตัวเองแท้ๆ เลย ลั่วหานเสียใจจะตายแล้ว ต่อไป จะไม่ไปแกล้งเขาอีกแล้ว
อาคารสำนักงานของบริษัทอู่ซื่อ

ไป๋เวยนั่งอยู่ในห้องทำงานของประธาน มีหนังสือพิมพ์ หนึ่งฉบับอยู่ในมือ

“ความมั่งคั่งมหาศาลของเมืองเจียงเฉิงเสิ่นเหลียวถูก จับกุมตัว ทรัพย์สินมูลค่าหมื่นล้านถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจ สอบอย่างละเอียด ”

กระดาษสีขาวและตัวอักษรสีดำแนบมาพร้อมกับรูปถ่ายที่ ชัดเจน ครอบครองพื้นที่หน้าหนึ่งทั้งหมดเสิ่นเหลียวในรูป ถ่ายกำลังโต้เถียงเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างดุร้าย บนข้อมือ มีกุญแจมือสวมอยู่ ถูกตำรวจสองนายคุมตัวไว้จนแทบจะ ยกตัวเขาลอยขึ้นมาจากพื้น

สำหรับไป๋เวยข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองสามปี ที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกสิ่งที่เธออดทนและความ อัปยศอดสูทั้งหมดที่แบกรับ ในที่สุดวันนี้ได้รับการแก้แค้น แล้ว

โศกนาฏกรรมฆ่าล้างตระกูลไป๋ สู่การจับกุมเงินเหลียว ตอนนี้ได้รับการสะสางแล้ว
ไป๋เวยบีบหนังสือพิมพ์ในมือไว้อย่างแรง มันแรงมากซะ จนหนังสือพิมพ์แทบแหลกคามือ ไป๋เวยก้มหน้าลงแล้ว ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงบนหนังสือพิมพ์อย่างเจ็บปวด

หัวใจมันเจ็บไปหมด ความรู้สึกยุ่งเหยิงตีรวนอยู่ในใจ เป็นร้อยเป็นพันหน ยามใดที่หลับตาลงก็เหมือนยังได้ยิน เสียงกรีดร้องตะโกนดังก้อง เสียงของพ่อแม่ พี่สาว น้อง ชาย……ทุกคน……

ตอนที่พวกเขาถูกสังหารด้วยอาวุธ พวกเขาขอร้องวิงวอน อย่างน่าสงสาร แต่ก็ไม่มีใครรอดพ้นมือมีดของพวกเขาไป ได้!

ไปเวยช่วยอะไรไม่ได้เลย ต้องอดทนอยู่หลายปีไม่กล้า แม้แต่ให้น้ำตาได้หลั่งไหลออกมา จนในที่สุดก็ไม่สามารถ ทนได้อีกต่อไป

เธอเอามือปิดใบหน้าไว้ ไหล่เล็กอันแสนบอบบางสั่นไหว อย่างแรง เธอร้องไห้สะอื้นตัวโยนบนเก้าอี้เหมือนกับคนที่ แตกสลายอย่างน่าสงสาร

ไป์เวยในตอนนี้ ไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งและมีอำนาจเหนือใครเหมือนปกติอีกต่อไป เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่ ต้องการใช้น้ำตาระบายทุกอย่างออกมาและเมื่อเธอไม่ สามารถควบคุมอารมณ์ได้

กู้เยนเซินหยิบเอกสารสัญญาเตรียมไปหาไป์เวยเพื่อเซ็น สัญญา เพราะว่าเคยชินกับการไม่เคาะประตู กู้เยนเซินจึง ผลักประตูให้เปิดออก แล้วเขาก็เห็นไป์เวยเอามือกุมหน้า สะอื้นไห้อยู่

ทันใดนั้นเองความเจ็บปวดก็แทงทะลุลงมาถึงก้นบึ้งหัวใจ ฝีเท้าของกู้เยนเป็นชะงักลงทันที

ห้องทำงานห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร กู้เยนเซินมองไป๋ เวยที่ก้มหน้าร้องไห้สะอื้นตัวโยน และการกระทำของมือที่ กำลังดึงประตูอยู่ก็ทำให้ตกตะลึงไปหลายวินาที

ทันใดนั้น ไป๋เวยก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นถูกโอบกอด ไว้เบาๆ ร่างกายสั่นเทาทิ้งตัวเอนเข้าหาอ้อมกอดของกู้เย็น เซิน เธอลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดเอื้อมมือโอบเอวเขาไว้ หลวมๆ ผู้ชายคนนี้เข้ามาในโลกของเธอโอบกอดตัวเธอไว้ ในยามที่อ่อนแอที่สุด เธอจึงร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่
กู้เยนเซินเศร้าใจจนน้ำตาเกือบจะไหลจากการกระทำของ ไป๋เวย มือหนาตบหลังปลอบโยนเธอเบาๆ อย่างเงอะงะ “ร้องออกมาเถอะ ร้องไห้ออกมาอาจจะช่วยให้ดีขึ้นนะ ผม จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

ไป์เวยอยู่ในอ้อมกอดของเขาจนสบายใจโดยไม่รู้ว่าตัว เองร้องไห้ไปนานแค่ไหน หลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยล้า จึงผละออกจากอกของเขา พยายามสงบสติอารมณ์ให้ กลับมาเป็นปกติ

ไป๋เวยก้มหน้าแล้วลุกขึ้นยืน แล้วพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา ว่า “ขอบคุณท่านประธานกู้นะคะ ฉันขอตัวไปห้องน้ำนะคะ

กู้เยนเซินงงไปหมด!

มือยังอยู่ในท่าทางกอดเธออยู่เลยและตอนนี้คนก็หายไป แล้ว! เขายังคงติดอยู่ในสถานการณ์และไม่สามารถเรียก สติกลับมาได้ ไม่คิดเลยว่าเมื่อไป๋เวยปรับอารมณ์ได้แล้วจะ พูดออกมาประโยคเดียวแล้วก็หายไปเลย!

กู้เยนเซินมองตามแผ่นหลังของเธออย่างเหม่อลอย “เชีย คนที่ฉันกอดเมื่อกี้คือเธอจริงๆ เหรอ? ”
ไป์เวย เปิดก๊อกน้ำใช้มือรองแล้วเอามาล้างหน้า ใบหน้า ที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆ ถูกน้ำตาไหลเปรอะ หยิบ กระดาษทิชชู่ออกมาสองสามแผ่นเช็ดออกให้หมด รอบ ดวงตาแดง และมีเส้นเลือดสีแดงอยู่ในดวงตา

มันนานมากแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ใบหน้าของไป๋เวย เห็นได้ชัดมาผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

ไป๋เวยค้ำอ่างล้างมือไว้ด้วยมือทั้งสอง แล้วสูดลมหายใจ เข้าไปลึกๆ เหมือนไฟฟ้าช็อตอยู่ในหัว เธอหวนนึกถึงอ้อม กอดที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับอบอุ่นของกู้เยนเซน……..

ความสับสนยุ่งเหยิงที่มีในใจไป์เวยปรับอารมณ์ตัวเองให้ ปกติที่สุดแล้วกลับไปที่ห้องทำงาน

กู้เยนเซินนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ สายตาของทั้งสองคน สบเข้ากันอยู่หลายวินาที และในที่สุดไป์เวยก็ยอมแพ้ไป

“นี่คือเอกสารสัญญาการจัดซื้อบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปที่คุณชาย หลงได้ร่างขึ้นมา การจัดซื้อนี้ทำในนามภรรยาของเขาครับ ต้องดำเนินตามฝ่ายกฎหมายของบริษัทโม่ซื่อ กรุ๊ป คุณต้องติดตามกระบวนการทั้งหมด คุณลองดูก่อน ครับ”

ใบหน้าของไป๋เวยประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “เร็วจัง?! แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์แต่ละด้านของบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปจะ ไม่ดีเลย แต่คงไม่ถึงกับขายบริษัททันทีหรอกมั้ง? ”

กู้เยนเซินยักไหล่แล้วเอ่ยปากตอบคำถามของเธอ แต่ สายตากลับกําลังพิจารณาเธอ

“เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปถูกซุนปิงเหวิน เอาไปแล้ว คุณคิดว่าบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปที่ตอนนี้ไม่มีเงิน ทุนหมุนเวียนและไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้อีก จะยื้อ สถานการณ์ได้อีกนานเท่าไหร่? “

ไป์เวยเปิดเอกสารดูทีละหน้า แบบแผนชัดเจน การจ่าย เงินก็มีข้อมูลให้ดูอย่างละเอียด ดูเหมือนเร่งรีบร่างออกมา ที่ไหนกัน มีความเตรียมพร้อมไว้อย่างชัดเจนเลย

ไม่อย่างนั้นทำไมทั้งบริษัทย่อยของบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปหลายสิบแห่ง โรงงานและบริษัทขนส่งทั้งหมด จึงเขียนมา ละเอียดขนาดนี้?

หรือจริงๆ แล้วคงไม่ใช่แค่สองวันหลงเซียวก็ควบคุม บริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปได้แล้วเหรอ ร้ายกาจมาก!

“โอเค ฉันทราบแล้ว อีกเดี๋ยวเราจะมีการประชุมเพื่อหารือ เกี่ยวกับปัญหานี้” เมื่อไป์เวยพูดจบก็วางเอกสารแล้วไป หยิบโทรศัพท์

แต่มือของกู้เยนเซินกลับนำเธอไปหนึ่งก้าวหยิบโทรศัพท์ ไปก่อน สายตาสุขุมมองไปที่เธอแล้วล็อคสายตาของเธอ ไว้ชั่วขณะ “ไป๋เวย คุณเป็นแค่คนคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงคน หนึ่ง คุณไม่ใช่หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ ให้เวลากับตัวเอง สักหน่อย ยอมให้ตัวเองอ่อนแอบ้างไม่ได้เหรอ? ”

ไป๋เวยนั่งตัวตรง มือทั้งสองผสานกันวางไว้บนโต๊ะทำงาน ชุดกระโปรงทำงานที่เข้าชุดกันและทรงผมที่พิถีพิถันทำให้ เธอกลายเป็นราชินีผู้เลือดเย็นในที่ทำงาน

“ประธานกู้ คุณอย่าคิดว่าเห็นฉันร้องไห้ครั้งเดียวแล้วจะมีสิทธิ์มายุ่มย่ามชีวิตของฉันนะ

กู้เยนเซินเอามือกุมหัวเข่าไว้แน่น แต่สายตาที่มองไป์เวย แฝงไปด้วยความกระตือรือร้น “ประธานไป๋ ปีนี้คุณอายุเท่า ไหร่แล้วครับ? *

คิ้วของไป๋เวยขมวดเข้าหากัน ไม่คิดว่าจู่ๆ กู้เยนเซินจะ ถามแบบนี้ เธอตอบอย่างไร้อารมณ์ว่า “29 ปี ทำไมเหรอ?

กู้เยนเซินพยักหน้า จากนั้นก็พูดวิเคราะห์ออกมาตาม ความจริงอย่างจริงจัง “29 ปี ผู้หญิงควรเข้าสู่อีกสถานะ ของชีวิตได้แล้วและไม่ใช่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง คณไม่ใช่ นักรบผู้กล้านะ ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น…

“ประธานกู้ คุณอยากจะพูดอะไร? จะเยาะเย้ยว่าคนอย่าง ฉันคงไม่มีใครเอา? ” น้ำเสียงของไป๋เวยเริ่มไม่พอใจ

ไม่ว่าผู้หญิงที่ไหนต่างก็ไม่ชอบให้คนมาถามถึงอายุและ ยิ่งไม่ชอบใจที่คนอื่นมาวิจารณ์อารมณ์ของเธอ!
กู้เยนเซินเขยิบขึ้นไปข้างหน้าอีกนิด “ไป๋เวย คุณเองก็ จำเป็นต้องมีคนดูแล รู้ไหม? ”

ไป์เวยหัวเราะ มีคนดูแล?

ตั้งแต่ตระกูลไป์ถูกฆ่าทั้งบ้าน เธอก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเอง เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ดูแลเหรอ? หึหึ คำนี้มันไกลห่างจาก ตัวเธอเยอะเลย มันไกลมากจนเหมือนว่าจะไม่ปรากฏใน โลกของฉันอีกแล้ว

คนแบบเธอสามารถมีได้เหรอ?

ไป๋เวยยิ้มเหน็บแนมถึงขีดสุด “กู้เยนเซิน ถ้าวันนี้คุณไม่ สบายใจแล้วมากวนประสาทฉัน เยาะเย้ยฉัน อย่างนั้นคุณก็ บรรลเป้าหมายแล้ว รบกวนคุณออกไปด้วยค่ะ! ”

ไป๋เวยชี้นิ้วไปที่ประตูใหญ่แล้วส่งแขกอย่างเย็นชา

แต่กู้เยนเซินมาดึงมือของเธอไว้แน่น “ฟังนะ คุณฟังผม ให้ดี ผมอยากดูแลคุณ

มือของไป๋เวยหนักอึ้งอย่างไร้ประโยชน์ ริมฝีปากแดงสั่นเล็กน้อย เธอพูดซ้ำๆ อึ้งๆ “คุณพูดอะไรน่ะ? ”

กู้เยนเซินจับมือเธอแน่น พูดซ้ำทีละคำว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะดูแลคุณเอง ผมจะขอรับผิดชอบชีวิตของคุณ”

“ฮ่าๆๆ! กู้เยนเซิน นี่คุณล้อเล่นอะไรฉันเนี่ย! รับผิดชอบ ฉัน? ฮ่าๆ คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นผู้หญิงของเสิ่น เหลียว เข้าใจไหม? ”

ไป์เวยหัวเราะเสียงดัง น้ำตาแทบจะไหลออกมาจากตาอีก ครั้ง

“ผมไม่สนใจ! คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร ผมรู้หมด แล้ว ผมรู้เรื่องราวของตระกูลไปหมดแล้ว รู้ว่าที่คุณทำ ทั้งหมดก็เพื่อตระกูลไป๋ แต่คุณฟังนะ ไป๋เวย ผมชอบคุณ ผมอยากดูแลคุณ ผมชอบคุณมาก! รู้ไหม! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ