ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 431 ทําให้เจิ้งชินกลัวจนขาอ่อน



ตอนที่ 431 ทําให้เจิ้งชินกลัวจนขาอ่อน

ตอนที่ 431 ทำให้เจิ้งซินกลัวจนขาอ่อน

ความตาย? !

คำสองคำนี้ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเจิ้งเฉิงหลิน ราวกับ เข็มนับพันเล่ม ใบหน้าที่แดงก่ำของเขาตอนนี้กลายเป็นเย็นชา

ดวงตาที่ขุ่นลึกจับจ้องไปที่ลั่วหาน ริมฝีปากหนาก็ขยับ ” คุณ คุณกำลังพูดว่าอะไรนะ?”

เมื่อหัวหน้าเฟ่ยฟังจบก็ตกตะลึง ทีมแพทย์ได้ตรวจสอบ แล้ว แม้ว่าลั่วหานจะพูดความจริง แต่มันจะร้ายแรงขนาดนี้ได้ อย่างไร และอีกอย่างเวลาอธิบายอาการให้ผู้ป่วยฟัง ก็มักจะ พูดด้วยวิธีที่น่าพอใจ ไม่มีใครบอกผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดได้ตรงๆ แบบนี้

“ผู้อำนวยการเจิ้งคุณไม่ต้องกลัวไป คุณหมอฉู่พูดเมื่อสักครู่ เป็นเพียงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเท่านั้น คุณสบายใจได้ คุณหมอ ฉู่แค่ล้อเราเล่นน่ะ” หัวหน้าเฟียเอามือปาดเหงื่อ พระเจ้า นี่มัน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่มันคือมัจจุราชชัดๆ

ลั่วหานยังคงยิ้มด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เธอก้มลงแล้วกดลงบริ เวณหัวใจของเจิ้งเฉิงหลิน เธอออกแรงนิดหน่อยแล้วถามว่า “เจ็บไหม? “
เจิ้งเฉิงหลินตอบว่า “อืม…….

“แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ผู้อำนวยการเจิ้งจะเป็นลม รู้สึกเจ็บตรงหัวใจไหม รู้สึกว่าหายใจลําบาก และร่างกายไม่ ค่อยมีแรง แล้วก็เหงื่อออกมาก?

เจิ้งเฉิงหลินพยักหน้า “ใช่ๆ เป็นแบบนี้เลย”

ลั่วหานนํามือจับลงไปอีกครั้ง “คุณมีอาการหัวใจเต้นผิด จังหวะเล็กน้อย ซึ่งโรคนี้อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นลมและเสียชีวิต อย่างกะทันหัน …..

“ฉ่ลั่วหาน! แกอย่ามาพูดจาส่งเดชนะ!

เจิ้งซินเปิดประตูห้องผู้ป่วยเดินเข้ามาและใช้แรงดึงแขนของ ลั่วหาน ทําให้เธอถอยห่างออกไปสองก้าว และยืนบังเตียงผู้ ป่วยไว้

ลั่วหานขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า “คุณหนูเจิ้ง พบกันอีกแล้วนะ

เมื่อเจิ้งซินได้ยินก็กัดฟันกรอด “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ที่นี่ไม่ ต้อนรับคุณ บอกให้ไสหัวไปไง! ”

ลั่วหานพยักหน้าอย่างไม่ลังเลใจและพูดว่า “ดีมากค่ะ พอดี กับที่ความรุนแรงของโรคคุณพ่อค่อนข้างสูง ฉันเองก็ไม่อยาก จะปวดหัวไปด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ขออวยพรให้ผู้อำนวยการเจิ้งหายไวๆนะคะ”

เจิ้งเฉิงหลินรีบพูดออกมาด้วยความรีบร้อนว่า “เดี๋ยว!

ลั่วหานเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ “มีอะไรคะ? ท่านมีอะไร จะพูดอย่างนั้นเหรอ? ”

“พ่อคะ! พ่ออย่าฟังที่มันขู่สิคะ ทีมแพทย์ก็ทำการตรวจ ร่างกายแล้วว่าพ่อไม่เป็นไร พ่อจะไปฟังมันพูดไร้สาระ ทำไม! ” เจิ้งซินรีบพูดเตือนเจิ้งเฉิงหลิน

แต่ความหวังที่ผู้ป่วยมี และความหวาดกลัวต่อโรคร้าย สามารถเอาชนะทุกสิ่งอย่างได้ในตอนนี้

“ซินซิน อย่าเพิ่งพูดอะไรได้ไหม ให้เธอพูดก่อน” เจิ้งเฉิงหลิน ปัดมือลูกสาวออก “คุณหมอฉู่ครับ เชิญพูดต่อได้”

ลั่วหานขมวดคิ้วด้วยท่าทีลำบากใจ “ในเมื่อคุณหนูเจิ้งไม่ ต้องการฟัง ฉันว่าช่างมันเถอะค่ะ”

“คุณพูดมาได้เลย ไม่ต้องไปสนใจเธอ คุณหมอฉู่พูดต่อจาก เมื่อสักครู่ได้เลยครับ”

หัวหน้าเฟ่ยรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงได้พูดแทรกขึ้นว่า “ผู้ อำนวยการเจิ้ง คุณหมอฉี่มีเรื่องต้องจัดการอีกมาก เดี๋ยวอีก สักครู่จะเชิญผู้อำนวยการฝ่ายอายุรศาสตร์มาตรวจให้อีก”
“ไม่ต้อง ให้เธอพูด”

ล้วหานไม่เข้าใจจริงๆ มีคนอยากฟังเรื่องแบบนี้ของตัวเอง ด้วยเหรอเนี่ย

“ค่ะ ในเมื่อผู้อำนวยการเจิ้งอยากฟัง ดิฉันก็จะพูดทุกราย ละเอียด”

ลั่วหานหันหลังไปและพูดว่า “หัวหน้าเฟ่ยคะ ภาพคลื่นหัวใจ และหลอดเลือดแดงของผู้อำนวยการละคะ? ขอฉันหน่อย”

“เอ่อ นี่คือผลของอัตราการเต้นของหัวใจนับตั้งแต่ผู้อำนวย การเจิ้งนอนโรงพยาบาลมา” หัวหน้าเฟ่ยประหม่ามากในตอนนี้ ในใจก็ภาวนาว่าขออย่าพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจออก มาเลย

เมื่อรูปนั้นถูกเปิดออก ลั่วหานก็อธิบายตามที่เห็น

“อ้อ…..ค่าSTช่วงนี้เห็นชัดว่าค่อนข้างสูงนะคะ อัตราการขึ้น ของคลื่นรตาถึง 0.3วินาที อีกทั้งยังมีการคงตัวที่แตกต่างกัน ในช่วงเวลาเดียว ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นโรคกล้าม เนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ส่วนค่า …….

เจิ้งเฉิงหลินหน้าดำคร่ำเครียด “คุณหมอฉู่ครับ คุณพูดอะไร ที่ลึกซึ้งขนาดนี้ผมฟังไม่ออกหรอกครับ รบกวนช่วยพูดตรงๆ ได้ไหม”
นิสัยใจร้อนแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะหัวใจถึงอ่อนแอนัก

“คุณมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด สาเหตุนี้เกิดจากการ อุดตันของเส้นโลหิตตีบ ซึ่งจะทำให้เกิดการตายของกล้ามเนื้อ หัวใจเฉียบพลัน แสดงว่าอาการของคุณร้ายแรงมาก เมื่อเป็น อาจทําให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้ คุณคิดว่าถ้า หัวใจไม่เต้นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น? ”

ลั่วหานพูดประโยคสุดท้ายอย่างช้าๆ ทำให้เจิ้งเฉิงหลินหน้า เขียวหน้าเหลือง เจิ้งซินที่ยืนฟังอยู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน ลั่วหานพู ดอย่างผู้ชำนาญการและน่าเชื่อถือ เธออยากจะคัดค้านก็ทํา ไม่ได้

คุณนายเจิ้งพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า “แล้ว…….แล้วพวกเราจะ ทำยังไงดีคะ? คุณหมอฉู่ ตอนนี้เราควรจะทำยังไงดี? ”

ลั่วหานพูดว่า “หัวหน้าเฟ่ย ตอนนี้ผู้อำนวยการเจิ้งกินยาอะไร อยู่คะ ขอฉันดูหน่อยได้ไหม”

หน้าผากของหัวหน้าเฟ่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ “คุณหมอฉู่ อันนี้ไม่ จําเป็นต้องดูก็ได้? ”

“ค่ะ ไม่ดูก็ได้”

“เดี๋ยวก่อนครับหัวหน้าเฟ่ย ให้เธอดู”

“.….…….เอ่อ ก็ได้..….….….…..
ลั่วหานหยิบรายชื่อยามาดูและพูดว่า “ไนโตรกลีเซอรีน แอสไพริน เมโทโพรรอล…….อืม ยาพวกนี้ช่วยบรรเทาความ เจ็บปวดได้ แต่ต้องใช้ยาอีกชนิดหนึ่งร่วมด้วยหัวหน้าเฟ่ยคะ ผู้อำนวยการเจิ้งจำเป็นต้องลดปริมาณคอเลสเตอรอลทั้งหมด และยังต้องการยาอะทอร์วาสแตตินด้วย”

ล้วหานเงยหน้าถามขึ้นว่า “เคยลองใช้ACEIไหม? ”

หัวหน้าเฟ่ยส่ายหัว “ไม่เคย แต่หัวหน้าเจิ้งมีอาการไอหนัก มาก เมื่อคืนลองมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เราก็ถอดใจ”

เจิ้งเฉิงหลินฟังแพทย์ทั้งสองคุยกันด้วยความงุนงง

ลั่วหาน1พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นลองARBดูนะคะ หลังจาก เตรียมยาเหล่านี้เรียบร้อยแล้วให้ ผู้อำนวยการเจิ้งรับยาสัก หนึ่งสัปดาห์ก่อน หากอาการกำเริบหรือเกิดอาการแน่นหน้าอก รุนแรง ควรพิจารณาการรักษาแบบผสมผสาน ”

เจิ้งซินกัดฟันพูดว่า “อะไรคือการรักษาแบบผสมผสาน?

ลั่วหานหัวเราะและพูดว่า “คุณหนูเจิ้งคะ พ่อของคุณป่วย เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ในฐานะลูกสาวคุณไม่เคยศึกษา หาความรู้เบื้องต้นในเรื่องนี้บ้างเลยหรือไง? เหอะๆ การรักษา แบบผสมผสานคือการใส่ขดลวดเข้าไป หากโชคไม่ดี คุณพ่อ ของคุณมีแนวโน้มที่จะถูกย้ายไปผ่าตัดเสริมสร้างทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ”

ผ่าตัดหัวใจ ใครได้ยินก็ตกใจทั้งนั้น

เจิ้งซินไม่อดทนอีกต่อไป เธอโมโหมากและตะคอกออกมาว่า “ฉู่ลั่วหาน อย่ามาล้อเล่นกับชีวิตของพ่อฉันนะ”

ล้วหานยื่นภาพเอกซเรย์ไปให้ “ฉันไม่ได้ล้อเล่น คุณมอง ดูก็น่าจะรู้นี่? ถ้าดูไม่เป็นจะให้หัวหน้าเฟ่ยช่วยอธิบายให้ ไหม? ”

“ฉัน…….เจิ้งซินเหลือบมองไปที่ภาพฉายรังสีนั่น แน่นอนว่า เธอไม่เข้าใจ แต่หัวหน้าเฟ่ยพยักหน้าอย่างช้าๆ น่าจะเป็น อย่างที่ลั่วหานพูดออกมา

เมื่อลั่วหานพูดจบ ก็แทรกเข้ามาอีกหนึ่งประโยคว่า “คุณหนู เจิ้งคะ ฉันขอเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า ทายาทของผู้ป่วยโรค หลอดเลือดหัวใจมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่า คนปกติ 5-7เท่า ตอนนี้คุณยังอายุน้อยและอาจมองข้ามไป หรือยังไม่แสดงอาการ แต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ขอแนะนำให้ตรวจ สุขภาพเป็นประจําเพื่อรักษาและป้องกันโรค ”

เจิ้งซินสีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นสะท้าน “คุณ…….อย่ามาขู่ฉันนะ”

ลั่วหานยิ้มด้วยสายตาเป็นมิตรและพูดว่า “คุณหนูเจิ้งคะ พูด อะไรแบบนั้น ฉันเป็นหมอนะคะไม่ใช่นักฆ่า ฉันจะขู่คุณ
ไปเพื่ออะไร? อีกอย่าง ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”

เจิ้งซินได้ยินดังนั้นก็ขาอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงไป “พอจะ……มีวิธีป้องกันไหม? ”

ไม่ว่าจะมีความอาฆาตแค้นเพียงใด แต่ชีวิตก็สำคัญที่สุด เธอ ไม่ต้องการเอาสุขภาพของตัวเองมาล้อเล่นเป็นเดิมพัน ถ้ายังมี ชีวิตอยู่ เธอจะแก้แค้นเมื่อไหร่ก็ได้

ล้วหานยิ้มออกมาด้วยแววตาใส อ มือข้างหนึ่งล้วงไปที่ กระเป๋าเสื้อและจับดูหูฟังหัวใจ “อยากรู้เหรอคะ? ”

เจิ้งซินกัดฟัน และถอนหายใจออกมายาวๆ เธอยิ้มตอบกลับ ไปว่า “เชิญพูดได้”

ล้วหานมองเธอด้วยสายตาจริงจัง เธอพูดอย่างช้าๆว่า “ที่จริง ก็ไม่ยาก ห้ามรีบร้อน ห้ามกระวนกระวายใจและห้ามโลก คิด ก่อนพูด อะไรไม่ควรคิดอย่าไปคิด อะไรที่ไม่ใช่ของตนอย่า ไปอยากได้ เพราะถ้าคาดหวังแล้วผิดหวัง จะทําให้คลื่นหัวใจ ผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจได้”

เข้าใจหรือยัง? สามีของฉันน่ะ หลีกไปไกลๆเขาซะ!

เจิ้งซินได้ยินดังนั้นก็หน้าซีด เธอกัดปากตัวเองจนเป็นเลือด และพูดว่า “ฉู่ลั่วหาน อย่าให้มากนัก!

“วิธีป้องกันฉันบอกไปแล้ว จะฟังหรือไม่ฟัง อันนี้ก็แล้วแต่คุณ”

ลั่วหานไม่ได้เสียเวลาต่อแม้แต่วินาทีเดียว เธอไม่อยากเสีย เวลากับคนอย่างนี้ จึงก้าวขาออกจากห้องผู้ป่วยทันที

หัวหน้าเฟียพยายามพูดปลอบประโลมพวกเขาไม่หยุด และ ให้ผู้ป่วยพยายามคิดแต่เรื่องดีๆ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากเจิ้ง เฉิงหลินได้คิดไปถึงผลที่ร้ายที่สุดแล้วในตอนนี้

เมื่อเดินออกมา ลั่วหานก็หยิบมือถือออกมาส่งข้อความให้ หลงเซียวด้วยอารมณ์ดี

“คุณหลงคะ ฉันเสียเซลล์สมองไปเยอะเลย เหนื่อยจัง ต้องการพักผ่อน

หลงเซียวกำลังลงพื้นที่อยู่ จึงไม่ได้รับข้อความเธอในทันที เพราะสัญญาณไม่ดี ผ่านมาครู่หนึ่งจึงได้รับข้อความจากเธอ

เธอไม่ค่อยอ้อนแบบนี้เท่าไหร่ ดังนั้นทุกครั้งที่เธอออดอ้อน หลงเซียวก็แทบอยากจะยกโลกทั้งใบนี้ให้เธอ

ฝ่ายลั่วหาน เมื่อทีมแพทย์ออกตรวจผู้ป่วยผ่าตัด ลั่วหานถือ ประวัติผู้ป่วยไว้ในมือและพิจารณาด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“หัวหน้าเฟ่ยคะ ผู้ป่วยคนนี้ ทางที่ดีควรจะดำเนินการให้เร็ว ที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“โอเค จะพยายาม

มือถือของลั่วหานสั่นขึ้น เมื่อเธอหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็น หลงเซียวตอบกลับมา “คุณอยากได้อะไรครับ? ผมจะให้คุณ ทุกอย่าง คุณนายหลงวันนี้เหนื่อยแย่เลย คืนนี้ผมจะกลับไป ชดเชยให้นะครับ”

ลั่วหานยิ้มออกมาอย่างสดชื่นแจ่มใส เธอยิ้มหน้าบานจนเห็น ฟันขาวสะอาดนั้น ผู้ป่วยข้างๆเธอก็มองอย่างงุนงง

หัวหน้าเฟ่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เมื่ออ่านข้อความจบ ลั่วหานก็เก็บมือถือลงไปและพูดว่า “อ้อ คนไข้ที่ส่งตัวมาเมื่อวาน ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ผู้ป่วยหญิงที่ เป็นโรคไซนัสอิศวร”

หัวหน้าเฟ่ยตบหน้าผากตัวเอง “อ้าว! ลืมไปเสียสนิท

เลย ! ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง”

“โอเค ฝากด้วยนะ

ลั่วหานเดินเข้าลิฟต์ไปและกดชั้น10 เมื่อลิฟต์กำลังขึ้น มือถือ ของเธอก็ดังขึ้น
เป็นสายของเจิ้งซิ่วหยา แปลกจริง เธอโทรมาทำไมนะ?

ลั่วหานรับสายและพูดว่า “คุณตำรวจเจิ้ง มีธุระอะไรหรือ เปล่าคะ? ”

เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะหึๆและพูดว่า “คุณหมอฉี่นี่ตารางแน่จริงๆ นะคะ ฉันอยากจะเจอคุณสักหน่อยอุตส่าห์มาถึงโรงพยาบาล หวาเซี่ย แต่ได้รับแจ้งว่าคุณไปตรวจนอกพื้นที่”

ลั่วหานยืนพิงลิฟต์ พื้นที่ภายในค่อนข้างใหญ่ และมีจอขนาด เล็กเปิดรายการขบขันให้ผู้ป่วยดูคลายเครียด แต่ตอนนี้……

ลั่วหานมองเห็นตัวเองในจอนั้น และรู้สึกแปลกๆ บทสัมภาษณ์ ของเธอใกล้จะออกอากาศแล้ว ล่าสุดมีการออกอากาศ โฆษณาเพื่อสร้างแรงผลักดันมัน เห้อ…….พูดไม่ออกจริงๆ

“คุณตำรวจเจิ้งมาหาฉันถึงที่ หรือว่าคดีมีความคืบหน้าคะ?

“ใช่ค่ะ ช่างของเราซ่อมกล้องวงจรปิดที่เสียหาย และเห็นด้าน ข้างของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาจะพบความจริงในไม่ช้า แต่ที่ฉัน โทรมาหาคุณก็เพื่อสอบถามเรื่องศาสตราจารย์สังชิงเซวี่ยน ทางเรากำลังตรวจสอบคดีอยู่สองคดี และทั้งสองคดีเกี่ยวข้อง กับศาสตราจารย์ส่งชิงเซวียน”ลั่วหานขมวดคิ้ว “ว่ายังไงคะ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ