ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 415 ผู้ชายของฉันกำลังป่วยอยู่นะ



ตอนที่ 415 ผู้ชายของฉันกำลังป่วยอยู่นะ

ตอนที่ 415 ผู้ชายของฉันกำลังป่วยอยู่นะ

เมื่อฟังจากเสียงที่ร้อนรนของเจิ้งซิ่วหยาแล้วลั่วหานก็พอจะ เดาออกได้แล้วว่าที่บ้านของเธอตอนนี้มีสภาพเป็นยังไงบ้าง

ว่าแล้วเธอก็หยิบกล่องเครื่องมือแพทย์มาเหยียบคันเร่งแล้ว มุ่งตรงไปที่คอนโดของเจิ้งซิ่วหยาในทันทีพอมาถึงใต้คอนโดลั่ วหานมองดูคอนโดที่เจิ้งซิ่วหยาอาศัยอยู่ แล้วก็ต้องรู้สึกแปลก ใจ เจิ้งซิ่วหยาเป็นเพียงแค่ตำรวจชั้นผู้น้อยเท่านั้น แถมยัง เป็นแค่ตำรวจฝึกหัดอีกด้วย ด้วยรายได้ของตำรวจชั้นผู้น้อย ในเมืองหลวงนี้ เจิ้งซิ่วหยาไม่มีทางที่จะซื้อคอนโดแบบนี้ไหว แน่นอน ต่อให้เช่าก็คงหนักเอาเรื่องเหมือนกัน

งั้นก็แสดงว่าฐานะของครอบครัวเจิ้งซิ่วหยาต้องไม่ธรรมดา แน่ๆ

พอเจิ้งซิ่วหยาเห็นลั่วหานมาถึงก็เท่ากับทางรอดได้มาถึงแล้ว เธอรีบเข้ามาจับมือของลั่วหานเอาไว้ เธอดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอ หน้าพ่อแม่เสียอีก “คุณหมอฉู่คะ ในที่สุดคุณก็มาถึงจนได้! คุณรีบเข้าไปดูเขาหน่อยเถอะค่ะ สภาพของเขาตอนนี้ดูน่า กลัวมากเลยค่ะ!”

ลั่วหานเปิดกล่องเครื่องมือแพทย์ออกมาอย่างมืออาชีพ แล้ว เอ่ยถามขึ้นมาในเวลาเดียวกัน “คุณใจเย็นลงก่อนนะคะการมี ไข้ไม่จำเป็นต้องถึงแก่ชีวิต ที่สำคัญจิ้นเหยียนเองก็เป็นชาย หนุ่มที่โตแล้ว ภูมิต้านทานต้องดีกว่าเด็กๆ อยู่แล้วค่ะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ”

เจิ้งซิ่วหยากังวลจนเหงื่อไหลเต็มหน้า ด้านหลังของชุดนอนก็ เปียกไปเป็นผืนใหญ่ “เป็นความผิดฉันเอง ฉันไม่น่าให้เขาออก ไปทำงานพร้อมกับฉันเลย เขาเอาเสื้อมาให้ฉันใส่ เขาเลยต้อง มาเป็นแบบนี้ ฉันนี่มันโง่จริงๆ เลย!”

ถังจิ้นเหยียนลืมตาขึ้นมาด้วยความอ่อนแรง พอเห็นว่าคน ที่มาเยือนคือลั่วหาน ริมฝีปากที่แห้งกรังก็เปิดออก “ผมบอก เธอไปแล้วว่าไม่เป็นอะไร แต่เธอก็เรียกคุณมาจนได้ ดึกขนาด นี้แล้ว มันช่าง..…………..

“พอเลยค่ะ ระหว่างเราสองคนไม่จําเป็นต้องเกรงใจหรอก ค่ะ คุณพักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันช่วยลดไข้ให้คุณเองคุณแพ้ ยาKefzolไหมคะ? แล้วแพ้เพนิซิลลินหรือเปล่า?”

ถังจิ้นเหยียนสายหน้า “ไม่ครับ”

“โอเคค่ะ ตอนนี้ไข้ของคุณค่อนข้างสูง เดี๋ยวฉันจะฉีดยาลด ไข้ให้คุณก่อนนะคะ”

ลัวหานหยิบเข็มฉีดยาออกมา เตรียมที่จะฉีดยาให้เขา แต่ ว่าการที่จะฉีดยาเข้าเส้นแบบ นี้…ที่จะฉีดนั้นมันค่อนข้าง น่าอายนะ ถึงจะบอกว่าคนเป็นหมอนั้นไม่จำกัดเพศ แต่จะให้ ถอดกางเกงออกนั้น…….

ว่ากันตามตรง ลั่วหานรู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
พอเจิ้งซิ่วหยาเห็นว่าลัวหานสูบยาออกมาแล้วแต่ยังไม่ยอม ฉีดให้เขาสักที เธอจึงทำตาโตแล้วรีบถามไปว่า “คุณหมอฉู่ คะ…..คุณกำลังเหม่ออะไรอยู่คะ? ฉีดยาสิ

ลั่วหานชี้ไปที่ท่อนล่างของถังจิ้นเหยียน “ฉีดยาเข้าเส้น………. คุณน่าจะเข้าใจดีนะคะ”

ใบหน้าของถังจิ้นเหยียนไม่รู้ว่าเป็นเพราะไข้ขึ้นสูงหรืออาย

มาก็ไม่รู้เพราะตอนนี้มันแดงมาก

เพราะก่อนหน้านี้เจิ้งซิ่วหยาตกใจจนแทบเสียสติแล้ว ไม่มี เวลามาสนใจหรอกว่าจะฉีดยาเข้าเส้นยังไง แล้วในที่สุดตอนนี้ เธอก็เพิ่งได้สติกลับมา เธอจึงรวบแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขน ที่ขาวนวลทั้งสองข้างของเธอ

“ให้ฉันจัดการเองค่ะ!”

“ได้”

ลั่วหานนึกว่าจัดการที่เธอว่านั้นคือการช่วยพลิกตัวถังจิ้นเหยี ยนไป จากนั้นก็ช่วยเปิดกางเกงของเขาออกนิดหนึ่งเท่านั้น แต่ ใครจะไปคิด

ไม่รู้ว่าเจิ้งซิ่วหยาไปเอาแรงมาจากไหนนักหนา แขนที่ดูผอม แห้งทั้งสองข้างของเธอกลับสามารถส่งแรงออกมาได้อย่าง มากมายมหาศาล เห็นเพียงแค่เธอกระโดดขึ้นไปอยู่บนเตียง ย่อตัวลงไปจับแขนสองข้างของถังจิ้นเหยียนแล้วผละ! เธอยกตัวถังจีนเหยียนขึ้นมาแล้วเปลี่ยนให้เขานอนควา หน้าฟุบลงไปที่หมอน…….

“อีก!”

ถังจิ้นเหยียนถูกเธอทำจนต้องส่งเสียงร้องออกมา แต่ก็ไม่ได้ มีคำกล่าวโทษตามมาแต่อย่างใด

ก็ยังดี อย่างน้อยเอาหน้าฟุบหมอนแล้วจะทำหน้ายังไงก็คง ไม่มีใครเห็นแล้ว

ลั่วหานตากระตุก แล้วยิ้มแห้งๆ อย่างนับถือ “คุณตำรวจเจิ้ง คะ สงสัยฉันต้องมองคุณใหม่แล้วหล่ะค่ะ”

เจิ้งซิ่วหยาตบๆ มือ “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ ตอนฉันอยู่ ในโรงเรียนตำรวจ กระสอบทรายที่แบกยังหนักกว่าเขาเสียอีก ค่ะ!”

ถังจิ้นเหยียนที่กำลังนอนป่วยอยู่

ลั่วหานทนไม่ไหวจนต้องแอบขำ “ฮึๆ สุดยอดหญิงแกร่ง มา ค่ะ……..กางเกง”

เจิ้งซิ่วหยาเข้าสู่โหมดออกกำลัง จึงได้ตอบกลับมาอย่าง คล้อยตามว่า “รับทราบค่ะ!”
พอสิ้นเสียง มือน้อยๆ ของเธอก็ยืนไปจับขากางเกงชุด นอนของถังจิ้นเหยียนแล้ว ผละ! กางเกงถูกถอดออกอย่าง ง่ายดาย!

ในตอนนี้ ท่อนล่างของถังจิ้นเหยียนเหลือแค่…..ลิงๆตัวน้อย เท่านั้น กางเกงในผ้าโมดัล มันช่างเข้ากับเรือนร่างที่ดูแข็งแรง ของชายหนุ่มจริงๆ หุ่นของถังจิ้นเหยียนถือว่าไม่เลว มีกล้าม ทั้งตัว ทุกส่วนของร่างกายถูกฝึกฝนจนเห็นกล้ามเนื้อได้อย่าง ชัดเจน ปกติจะมีกางเกงปกปิดเอาไว้ทำให้มองไม่เห็นมัน แต่ ตอนนี้มันได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว มันช่าง…..

ถังจิ้นเหยียน “.. .. โอเค เขาตัดสินใจแกล้งสลบไปเพราะไข้

ที่ขึ้นสูงแล้ว ลั่วหานรู้สึกนับถือเจิ้งซิ่วหยามากตอนนี้ ช่างทำดีกับแฟนตัว

เองอะไรขนาดนั้น!

เธอดึงผ้าห่มมาห่มขาให้ถังจิ้นเหยียน จากนั้นก็เปิดขอบ กางเกงออกครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยๆ ฉีดยาเข้าไป

หลังฉีดเสร็จ ลั่วหานก็ช่วยเขาห้ามเลือด “คุณเจิ้งคุณช่วยมา กดไว้หน่อยค่ะ ถ้าเลือดหยุดไหลก็ปล่อยได้เลยค่ะ”

เจิ้งซิ่วหยาเป็นสาวห้าวที่ผ่านการฝึกมากมายจากโรงเรียน เตรียมตำรวจ และหลังจากที่เข้ามาเป็นตำรวจแล้วรอบตัวส่วน มากยังมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น มักจะถูกเนื้อต้องตัวกันตลอด เธอจึง ไม่ค่อยเข้าใจความละเอียดอ่อนระหว่างชายหญิงสักเท่าไหร่ “คุณกไว้เถอะค่ะ คุณเป็นหมอ คุณรู้เยอะกว่าฉัน

หัวใจของล้วหานถูกเธอกระตุ้นจนเต้นหุ้มๆ ต่อมๆ ถึงเธอจะ เป็นหมอ แต่ว่าหมอก็ไม่ควร… โอเค เมื่อต้องเผชิญหน้ากับว่า ไร้เดียงสาของเง็งซิ่วหยาแบบนี้ ล้วทานเองก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว

“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้คุณนะคะ เมื่อกี้ก็ลืมให้คุณดื่มน้ำ ก่อน เชิญคุณมาบ้านฉันครั้งแรกก็ต้องให้คุณมาช่วยรักษาคน แล้ว ฉันรู้สึกเกรงใจจริงๆ เลยค่ะ!”

เจิ้งซิ่วหยาพูดจบก็เดินไปเทน้ำเลย

คำว่า “ไม่เป็นไร” ของลั่วหานยังไม่ทันได้พูดออกมาเลยด้วย

น้ำยังไม่ทันได้เทเลย โทรศัพท์ของเจิ้งซิ่วหยาก็ได้ดังขึ้น เป็น เสียงเรียกเข้าที่เร่งรีบแต่โดดเด่น เป็นเสียงที่เธอตั้งใจเลือกให้ ผู้บังคับบัญชาเฉินเจาโดยเฉพาะ

“นายคะ ดึกดื่นป่านนี้คุณคงไม่สั่งให้ฉันออกไปทำงานใช่ไหม คะ! ผู้ชายของฉันกำลังป่วยอยู่นะ!”

“รีบมาที่โรงพักเดี๋ยวนี้ เราเพิ่งได้รับพัสดุด่วนจากทางอเมริกา มา เธอทายดูสิว่าข้างในคืออะไร? แม่งเอ๊ย ถ้าเธอเห็นมันเข้า เธอต้องดีใจจนไม่กินไม่ดื่มไม่คิดถึงผู้ชายไปครึ่งปีเลยหล่ะ!”
เจิ้งซิ่วหยาย่นจมูกเป็นการใหญ่ เทนำได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุด

ลง

“แม่งเอ๊ย! มันคืออะไรคะ?”

“หลักฐาน! และเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปี ก่อนด้วย! ผมละอยากจะไอให้กับคนที่ส่งหลักฐานนี้มาจริงๆ เลย!”

“ได้ค่ะ! เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”

พอวางสาย เจิ้งซิ่วหยาก็รีบวิ่งมาที่ห้องนอน เธอซอยขายิกๆ มาหยุดอยู่ที่หน้าประตู “คุณหมอฉู่คะ ฉันต้องรีบไปที่โรงพัก ก่อน คือว่า…ผู้ชายของฉันฝากให้คุณช่วยดูแลก่อนได้ไหม คะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดค่ะ”

ดูท่าทางที่ร้อนรนของเธอ ลั่วหานจึงได้ลุกขึ้นมาดึงแขนของ เธอเอาไว้ “คุณตำรวจเจิ้งคะ คุณช่วยใจเย็นลงก่อนได้ไหม คะ? เดี๋ยวต้องขับรถอีก คุณต้องตั้งสติก่อนนะคะ Ok?”

“ฉันรู้ตัวเองดีค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง!”

เจิ้งซิ่วหยาสวมเสื้อผ้าอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นก็เดินมาตบๆ แขนของถังจิ้นเหยียน “คุณต้องเชื่อฟังในสิ่งที่คุณหมอฉี่พูดนะ คะ เธอรู้มากกว่าฉัน คุณจะดีขึ้นในไม่ช้า”
ถังจิ้นเหยียนพึมพำออกมา “ขับรถดีๆ นะครับ ออกเวรกลาง ดึกก็อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะครับ”

“ค่ะๆค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ”

เจิ้งซิ่วหยาที่เคลื่อนไหวเหมือนกับพายุก็ได้จากไป ทิ้งคนไข้ กับหมอคู่หนึ่งไว้ในห้อง

ในระหว่างที่ลั่วหานกำลังเก็บกวาดกล่องพยาบาลของตัวเอง เธอก็ทนไม่ไหวจนต้องขำออกมา “จิ้นเหยียน นิสัยของคุณ กับคุณเจิ้ง เข้ากันได้ดีจริงๆ เลยนะคะ คนเป็นคนค่อนข้างนิ่ง ส่วนเธอก็เป็นคนโผงผาง”

พอวันนี้ได้มาเห็นว่าทั้งคู่คบกันยังไง ก็ทำให้รู้สึกร้องไม่ออก ยิ้มไม่ได้เลย

ถังจิ้นเหยียนพยายามจนพลิกตัวกลับมาได้ ดึงผ้าห่มขึ้นมา ปิดแล้วสวมกางเกงให้ตัวเองให้เรียบร้อย ความเขินอายบน ใบหน้ายังหายไปไม่หมด คงเป็นเพราะไข้ขึ้นสูงจนเกินไป ตา ทั้งสองข้างจึงแดงเป็นพิเศษ

“เธอเป็นคนดี แค่ไปคนใจร้อนไปหน่อย ตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อ ก่อนเยอะแล้ว ผมค่อนข้างเป็นห่วงงานที่เธอทํา ผมอันตราย เกินไป คงเป็นเพราะหน้าที่การงานด้วยแหละ เลยใช้งานผู้ หญิงไม่ต่างจากผู้ชายเลย”

ลั่วหานดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขาดีๆ “เธอเองก็โชคดีมากจริงๆ ที่มีคุณคอยเป็นห่วงอย่างนี้ โชคดีจริงๆ

มุมปากของถังจิ้นเหยียนแย้มขึ้นมา เขาไม่ได้ตอบมาตาม ตรง แต่ก็พูดขึ้นว่า “คุณกลับไปก่อนเลยครับ นี่มันก็ดึกมาก แล้ว”

ลั่วหานยืดตัวขึ้นมาอย่างผ่อนคลาย มองดูรอบๆ ห้อง โทน หลักคือสีขาว แกะสลักด้วยลายลูกไม้ เฟอร์นิเจอร์ในห้องทำ จากไม้ Zhennanทั้งสิ้น ถ้าไม่สังเกตก็จะมองไม่ออก แต่ถ้า สังเกตดูดีๆ ก็จะรู้ว่าการออกแบบในทุกส่วนนั้นมันไม่ใช่ราคา ถูกๆ เลย

“ฉันถูกคนอื่นขอร้องแล้ว ฉันก็ต้องดูแลให้ถึงที่สุด คุณนอน ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้”

ถังจิ้นเหยียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ขอบคุณครับ”

ลั่วหานพยุงถังจิ้นเหยียนให้ลุกขึ้นนั่ง เอาเสื้อคลุมใส่ให้เขา น้ำไม่ได้ร้อนมากแล้ว รีบดื่มตอนที่มันยังอุ่นอยู่ เดี๋ยวพอนอน ในผ้าห่มเหงื่อก็จะออก พรุ่งนี้ไข้ก็น่าจะลดแล้วค่ะ”

ถังจิ้นเหยียนอังน้ำที่ยังมีไออุ่นจากเธอเอาไว้ พยักหน้าอย่าง ว่าง่าย “ครับ”

มันเหมือนเวลาย้อนกลับไปในอดีตเลย มองดูวันนี้ที่เธอกำลัง นั่งอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยของเขา มันทำให้เขาหวนนึกถึงสมัยที่ เขาช่วยลดไข้ให้เธอผ่านบานหน้าต่างเลย
จากนั้นรอยยิ้มก็ได้หายได้ “ลัวหาน ดูแล้วการทาดมากๆ มัน ก็ดีเหมือนกันนะครับ”

“หือ? คุณว่าไงนะคะ?”

ถังจิ้นเหยียนดื่มน้ำไปหลายคำ เป็นเพราะไข้ขึ้นสูงมากจึง ทำให้เขาปากขม เขาค่อยๆ ดื่มน้ำเข้าไปทีละคำ ความหวาน ค่อยๆ ไหลเข้าไปในใจของเขา “ความดีที่ทำ สุดท้ายมันก็จะ กลับมาหาเรา ดีจริงๆ”

ไม่รู้ว่าเขากำลังบ่นอะไรอยู่ ลั่วหานรับแก้วเปล่ามา แล้วใช้ หลังมือวัดอุณหภูมิของเขาดู จากนั้นก็หันมาจับของตัวเองบ้าง

เมื่อถูกมือของเธอสัมผัสเข้า ลำคอของถังจิ้นเหยียนก็แห้ง เหือดลงอีกครั้ง

และแล้วหัวใจของเขาก็ตัดสินใจปล่อยวางได้สักที การเข้า ใกล้ของเธอยังคงทำให้เขาใจสั่นอยู่

ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนมีแต่ก็หาไม่เจอ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันมี

ตัวตนอยู่จริงๆ

“ยังร้อนอยู่ นอนลงเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันเฝ้าคุณเอง”

“อืม ครับ”
เขานอนลง หลับตาลงอย่างสบายใจ

หลักฐานพวกนี้ใครเป็นคนส่งมาเหรอคะ? มันตรวจสอบไม่ได้ เลยเหรอคะ?”

“ตรวจไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าจะไม่อยากให้ตรวจได้ด้วย ผู้ส่ง ใช้ที่อยู่ที่พิมพ์ออกมา รอยนิ้วมือมากเกินไป ระหว่างการขนส่ง ก็ผ่านคนมามากมายเกินไป แล้วของที่อยู่ภายในก็ได้รับการ กำจัดรอยนิ้วมือไปแล้ว ไม่หลงเหลือเบาะแสอะไรเลย”

“น่าแปลกจริง! นี่เราเจอกับเหลยเฟิงตัวจริงใช่ไหมเนี่ย!”

เจิ้งซิ่วหยาค่อยๆ เปิดดูของที่อยู่ในกระเป๋าหนังวัวใบนั้น จาก นั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “นายคะ คดีที่อยู่ในนี้มัน ผ่านไปเกือบจะสามสิบปีแล้วนะคะ มันเป็นคดีที่ไม่สามารถปิด ได้ในตอนนั้น แล้วตอนนี้จะให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่มันจะไม่ยาก ไปหน่อยเหรอคะ”

เฉินเจาพยักหน้า พิจารณารูปใบหนึ่งที่อยู่ในมือ “ถึงแม้ว่า มันจะไม่ง่าย แต่……มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว คนในรูปนี้ ผมมั่นใจเลยว่าเขาคือคนที่ถูกทำร้ายจนตายที่ฝน ตกหนักในครั้งก่อน เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของตระกูลมู่เมื่อ สามสิบปีก่อน”
เจิ้งซิ่วหยาเปิดกระดาษแผ่นหนึ่งออก ดวงตาเคลื่อนตาม ตัวอักษรที่ถูกบันทึกไว้ภายใน หรี่ตา “มู่เส้าเอินพ่ายแพ้ใน สงครามทางการค้า แฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีก็ได้จาก เขาไป….อืมๆ โชคชะตาช่างโหดร้าย แต่ว่า แฟนสาวที่ไม่ได้ ปรากฏชื่อคนนี้ยังจะสามารถหาเจอได้ไหมนะ?”

“ถ้าดูตามที่อยู่ที่บันทึกเอาไว้ ผู้ให้การต้องการสื่อว่าใครที่ รู้จักกับมู่เส้าเอินในตอนนั้น จะต้องได้เบาะแสแน่ๆ เธอคนนั้น อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในคดีนี้ก็ได้”

โจวจั่นพึมพำ คิ้วขมวดชนกัน “นายครับ เทพธิดาเจิ้งครับ นี่ มันผ่านมาตั้งสามสิบปีแล้วนะครับ ส่วนผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอ ยู่รึเปล่าก็รับประกันไม่ได้เลยนะครับ”

เจิ้งซิ่วหยา “ปัง” ตบเอกเอกสารลงบนโต๊ะ “ต้องยังมีชีวิตอยู่ แน่ๆ ค่ะ อีกอย่างคนที่ให้ข้อมูลนี้มายังรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่ยังไม่อยากแฉเธอคนนั้นออกมา ถ้าฉัน ทายไม่ผิดนะคะ ผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ฐานะของเธอจะต้องขยับ ไม่ได้ง่ายๆ แน่ค่ะ”

“แฟนสาวของมู่เส้าเอินเมื่อสามสิบปีก่อน จะต้องเป็นผู้หญิงที่ สวยเหมือนดอกไม้แน่เลย ผู้หญิงอย่างนี้ จะต้องเข้าหาผู้ชาย ที่มีอำนาจและมีเงินแน่ๆ วันนี้จะต้องเป็นคุณนายของตระกูล ไหนสักตระกูลแน่เลยจริงไหม?”

โจวจั่นยืนฟังพวกเขาวิเคราะห์กัน ก็ทำได้แค่ยืนเกาหัวแก รกๆ “ผมว่านะ อย่ามัวแต่มายืนเดาอยู่เลยครับ เราควรเริ่มสืบ จากตรงไหนดีครับ?”
เจิ้งซิ่วหยานั่งลงบนเก้าอี้ ใช้นิวเคาะโต๊ะรัวๆ “ดูท่าฉันควรต้อง กลับไปที่อเมริกา กรอบแล้วค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ