ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 310สาวบ้านนอก ทำงานหาเงินมาคืนสิ



ตอนที่ 310สาวบ้านนอก ทำงานหาเงินมาคืนสิ

ตอนที่ 310สาวบ้านนอก ทำงานหาเงินมาคืนสิ

หลงจื่ออธิบายคำถามสามข้อที่สงสัยมานาน จากนั้นจึงเดินกลับ ห้องคนไข้ เมื่อเห็นหลินซีเหวินตรงหัวเตียง เขาก็ยืนพิงอยู่หน้า ประตูแล้วยิ้ม “ร่างกายฟื้นตัวเร็วดีนี่ สมกับเป็นยัยบ้านนอกหนัง เหนียว นับถือ นับถือ”

หลินซีเหวินนึกถึงคำพูดของพยาบาลเมื่อครู่ เธอรู้สึกว่าความ เป็นไปได้ต่ำมาก หลงจื้อจะกลายเป็นผู้ชายอ่อนโยนแบบนั้นได้ ยังไง?

เป็นไปไม่ได้! ให้ตายก็ไม่เชื่อ!

หลินซีเหวินยิ้มแห้งให้หลงจื้อ “คุณชายรองหลง ขอบคุณค่ะ!” เธอกัดฟันพูดคำว่าขอบคุณ ถ้าทำได้เธออยากจะกัดชายหนุ่ม มากกว่า

หลงจื้อยักไหล่ แล้วพูดยิ้มๆ “ฉันว่านะหลินซีเหวิน ยังไงซะเธอ ก็เป็นผู้หญิง ทำไมไม่ดูพี่สะใภ้ฉันเป็นตัวอย่าง? พี่สะใภ้ฉันอย่าง กับนางฟ้า แล้วดูเธอ…จ๊ๆ ต่างกันราวฟ้ากับเหว!”

หลินซีเหวินทำเสียงจิ๊จ๊ะ “พูดจบยัง? ถ้าจบแล้วช่วยอะไรฉัน อย่าง ”
หลง คิ้ว เขาหาวออกมาทีนึง เพราะถ่างตามาทั้งคืนเขา ง่วงจนอยากจะล้มตัวลงนอนซะเดี๋ยวนี้ “เรื่องอะไร? รีบว่ามา

หลินซีเหวินพูด “หมอบอกว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ออกจากโรง พยาบาลได้ไปรับยาแทนฉันหน่อย กลับไปฉันคืนให้

ตอนออกมาเธอได้ว่าพกกระเป๋าตังค์มาแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ นึกขึ้นได้ว่าเผลอตกไว้บนรถ พระเจ้า ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมี แค่โทรศัพท์มือกับกุญแจในกระเป๋า

หลงจื่อได้ยินดังนั้น เพียงชั่ววินาทีความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อคน ยากจนก็พรั่งพรูขึ้น เขายิ้มอย่างภูมิใจ “ได้แน่นอน คุณชายเคย บอกแล้วว่าจะให้ทุนซัพพอร์ตเธอ…

หลินซีเหวินกัดฟัน “ไม่ต้อง กลับไปฉันจะคืนนายไม่ให้ขาด แม้แต่บาทเดียว”

ไม่ๆๆ! ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คนอย่างเธอคงไม่ยอมรับความ ช่วยเหลือจากใครง่ายๆแน่ เพราะฉะนั้นคุณชายอย่างฉันจะให้ โอกาสเธอได้ชดใช้ ใช้แรงกายของเธอมางานแลกชดใช้ค่า ยา ไหนจะค่าอาหารของเธออีก”

หลินซีเหวินกำหมัด ฟิค! คุณชายรองหลง นี่นายใช้วิธีแบบนี้มา คิดบัญชีกับฉัน!
หลงจื้อได้ใจมากขึ้น “ความหยิ่งในศักดิ์ศรีมันไม่มีขายหรอกนะ เธอไม่อยากทำ? สบายใจเถอะ ฉันพิจารณาจากไอคิวและแรง กายของเธอ ให้เธอได้ทำอะไรตามศักยภาพของตัวเอง ทำงาน ให้ฉันง่ายนิดเดียว แค่ปรากฏตัวทุกครั้งที่ฉันเรียกหา กินข้าวเป็น เพื่อนมื้อละห้าร้อย ออกงานเป็นเพื่อนครั้งละสองพันห้า ถ้างาน ใหญ่หน่อยก็ครั้งละห้าพัน อ้อ จริงสิ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ ครั้งละสองร้อยห้าสิบ ส่วนเวลากินข้าวค่าอาหารฉันออกให้ก็ได้ เป็นไง? รับใช้หนุ่มหล่ออย่างฉันไม่ขาดทุนแถมยังได้กำไรอีก”

หลินซีเหวินทำได้แค่แอบด่าอยู่ภายในใจว่า แม่เมิ้ง!

เพราะตอนนี้เหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ดึกขนาดนี้ เธอก็ไม่สะดวกจะส่งข่าวบอกที่บ้านด้วย แต่มาคิดๆดูคุณชายรอง หลงรวยแต่ซื่อบื้อ แถมไม่มีไหวพริบ งานนี้คงสนุกน่าดู

“ได้!”

หลงจื้อพยักหน้า “อยู่เป็นดีนี่ ใช้ได้ พวกเราไปกันเถอะ”

“ไป?”

“ฉันจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เธอจะอยู่ต่อทำไม? อยู่รอเค้าท์ดาวน์ งั้นสิ?”
หลินซีเหวินเงยหน้า ขบกราม “นายมันพิลึกคน!”

ทั้งคู่เดินออกจากโรงพยาบาล หลงจื้อควักแบงค์พันสองใบออก มาจากกระเป๋ากางเกง เขาหยุดคิดไปนิดนึง ก่อนจะควักธนบัตร ทั้งหมดในกระเป๋าออกมาให้หลินซีเหวิน “บ้านเธออยู่ในแหล่ง กันดารขนาดนั้น ค่ารถคงเอาเรื่องอยู่ เธอเอาเงินนี่ไปเถอะ ยังไง ซะก็ต้องคืนฉันอยู่แล้ว”

หลินซีเหวินก้มมองเงินในมือ จู่ๆก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เหอๆๆ ขอบคุณมาก! ขอบคุณจริงๆ!

หลังจากเรียกรถได้ หลงจื้อเปิดประตูให้หลินซีเหวินขึ้นไปนั่ง “ถึงเธอจะขี้เหร่แถมไม่อ่อนโยน แต่ในฐานะคนงานของฉัน ทางที่ ดีเธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทำงานให้ฉัน

“บ้านายสิ!”

เสียงด่าสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงปิดประตูรถดัง ปิ๊ง” จากนั้นรถ แท็กซี่ก็ขับออกไป

หลงจื้อโบกมือไล่ฝุ่นควัน แล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว “หลินซีเห วิน? สำหรับผู้หญิงบ้านนาตั้งชื่อนี้นับว่าไม่เลว

ตั้งแต่ที่หลินซีเหวินขึ้นรถมา เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองฝันไปเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้มากพอแล้วจริงๆ

ก้มดูนาฬิกา ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว รีบโทรหาที่บ้านหน่อย ดีกว่า “แด๊ดดี้ พอดีวันนี้หนูมีผ่าตัดด่วน ตอนนี้กำลังกลับบ้านนะ คะ”

โทรศัพท์วางสายไป หญิงสาวสูดหายใจลึก แล้วปิดเปลือกตา

พักสมอง

คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามขึ้น “คุณผู้หญิงยังไม่ได้บอกเลยครับว่า จะไปไหน? เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นบอกว่าคุณพักอยู่ไกล ที่ไหนครับ?”

หลินซีเหวินจัดแจงทรงผม แล้วยิ้มแห้งใส่ “ไปวิลล่าโรมันค่ะ”

คนขับได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อย ไม่นานก็พูดขึ้น “คุณผู้หญิงหมาย ถึง…วิลล่าโรมันใช่ไหมครับ?”

หลินซีเหวินหัวเราะแหะๆ “ใช่ค่ะ ส่งฉันที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน แล้วกันค่ะ”

คนขับห่อปากอย่างตะลึง “ครับ…ได้ครับ”
อาศัยอยู่ในวิลล่านั่นน่ะหรอ! นั่นเป็นวิลล่าชื่อดังในเมืองหลวงที่ มีแต่พวกมหาเศรษฐีอยู่เชียว ได้ลูกค้ารายใหญ่ซะแล้ว

รถเบนซ์สีขาวของเจิ้งซิ่วหยาขับด้วยความเร็วสูง เธอไม่ให้ โอกาสถังจิ้นเหยียนได้ออกคำสั่งให้หยุดเร็วแต่อย่างใด หญิงสาว ขับรถยนต์โลดแล่นมาจนถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินด้วยความเร็วสูง ไม่ชะลอแม้แต่วินาทีเดียว

ล้อรถเคลื่อนมาถึงชั้นใต้ดิน ถังจิ้นเหยียนกวาดสายตาอ่านชื่อ ย่านซึ่งเป็นแหล่งพักอาศัยของกลุ่มคนไฮโซ คิ้วหนาขมวดเข้าหา กันแน่น สีหน้านิ่งขรึมบ่งบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นในระดับนึง “คุณ เจิ้ง นี่มันหมายความว่าไง?”

เจิ้งซิ่วหยาสะบัดผม เธอรวบผมยาวไปไว้ในฝั่งเดียวกันอย่าง คล่องแคล่ว ผมดัดลอนเป็นวอลลุ่มพาดรวมอยู่บนไหล่ข้างนึง เปิดใบหน้าสวยและเซ็กซี่

หญิงสาวปลดเข็มขัดออก “ชัดอยู่แล้ว ฉันพานายมาบ้านฉัน

ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วแน่นขึ้น “คุณเจิ้ง ความสัมพันธ์ของเรา สองคนยังไม่ได้พัฒนามาจนถึงขั้นนี้มั้ง? ขอบคุณมากที่ไปส่งผม ที่โรงพยาบาล แต่ถ้าจะให้ผมมาบ้านคุณเห็นทีจะไม่เหมาะ ผมจะเรียกรถกลับ

เจิ้งซิ่วหยาเปิดประตูลงจากรถ เธอเดินข้ามมาฝั่งข้างคนขับแล้ว เปิดประตูออก เลิกทําตัวห่างเหินสักทีดังจิ้นเหยียน การที่ฉันพา นายมาที่บ้านไม่ได้มีความอื่นแอบแฝง แล้วฉันก็ไม่มีปรารถนา อะไรกับหมอที่โศกเศร้าจะเป็นจะตายเป็นร่างไร้วิญญาณอย่าง นายด้วย อย่ามาสงสัยรสนิยมของฉัน ไม่ว่าจะLong Term RelationshipหรือOne Night Stand นายก็ไม่ใช่สเป็คฉันทั้ง สองอย่าง OK?”

ถังจิ้นเหยียนฟังเธอพล่ามจนจบโดยไม่พูดอะไร หลังฟังจบสิ่ง แรกที่เขาคิดคือ ตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นตำรวจหรือเป็นนักพูดกัน ทําไมเธอถึงสามารถพูดร่ายออกมาเป็นพรวนได้ขนาดนั้นโดยไม่ พักหายใจนะ

แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังดึงสีหน้าไม่เปลี่ยน “ต่อให้คุณจะพูดยัง ไง แต่ระหว่างชายหญิงก็ควรรักษาระยะห่าง ผมรู้ว่าคุณเพิ่งกลับ มาจากอเมริกาคงไม่ซีเรียสกับเรื่องแบบนี้ แต่ผมถือ”

เจิ้งซิ่วหยานแขนข้างนึงไปพิงกับประตูรถ แล้วโค้งตัวยื่นหน้า เข้าไปด้านใน “ฉันว่านะถังจิ้นเหยียน คุณคิดอะไรอยู่กันแน่? พูดจาไร้สาระชะมัด! ชายหญิงบ้าบอคอแตกอะไร ระหว่างคุณกับ ฉันมันไม่มีทางเป็นอะไรกันได้หรอก คุณวางใจสบายใจไปเถอะ แล้วก็โปรดดูสภาพตัวเองตอนนี้ซะก่อน ชุดกาวน์ดำไปหมด ไหนจะดวงตาหมองคล้าเสียใจเหมือนเมียตายนั่นอีก ต่อให้โลกนี้ไม่เหลือผู้ชายอยู่อีกเลยฉันก็ ไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นกับคุณแน่ เร็ว รีบขึ้นไปอาบน้ำซะ”

สกิลกันการแร็พของเธอไร้เทียมทาน ถังจิ้นเหยียนลงจากรถ ทั้งคู่เดินตามกันขึ้นลิฟต์ไป ไม่นานก็มาถึงที่หมาย

หลังออกมาจากลิฟต์ ก็เป็นเพ้นเฮ้าส์หรูหราขนาดใหญ่ซึ่งกิน พื้นที่ทั้งชั้น เจิ้งซิ่วหยากดรหัสผ่าน ไม่นานประตูก็ปลดล็อก อัตโนมัติ

แสงจันทร์แยงเข้ามาในม่านตา ด้านนอกหน้าต่างสูงจากพื้นจรด เพดานเป็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองที่คึกคักในขณะที่ครึ่งล่าง เป็นวิวมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่ทอด้วยแสงไฟและดวงดาวที แข่งกันส่องแสงยามค่ำคืน

วิวของที่นี่กับที่เพ้นเฮ้าส์ของถังจิ้นเหยียนเป็นทิศตรงข้ามกัน หากนําหน้าต่างของทั้งสองแห่งมารวมกันจะมองเห็นทั้งหมด ของเมืองหลวงพอดี

เจิ้งซิ่วหยาเตะรองเท้าส้นสูงออก ไม่เข้าใจทำไมพวกผู้หญิงถึง ชอบใส่รองเท้าส้นสูงนักนะ เหนื่อยชะมัด”

จากนั้นก็โยนมันเข้าชั้นวางอย่างไม่ใส่ใจ
นี่คือรองเท้าส้นสูงคู่เดียวในชั้นวางรองเท้าซึ่งมีขนาดสูงห้าชั้น นอกนั้นทั้งหมดถ้าไม่ใช่เป็นรองเท้าเตะก็เป็นรองเท้าผ้าใบ

ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้ว เขาพอจะรู้แล้วว่าเจิ้งซิ่วหยาเป็นผู้หญิง แบบไหน

“พี่บ!”

เจิ้งซิ่วหยาล้วงเอารองเท้าสลิปเปอร์ของผู้ชายที่ใช้ในโรงแรม ออกมา “โทษทีนะถังจิ้นเหยียน ปกติแขกที่มาบ้านฉันมีแต่ผู้หญิง คุณสวมๆไปแล้วกัน

“ขอบคุณ”

“ที่นี่มีฉันอยู่แค่คนเดียว เพราะงั้นเมื่อกี้คุณไม่ต้องกังวลมาก ขนาดนั้น เปลี่ยนรองเท้าก่อน แล้วรีบถอดกาวน์ตัวนั้นออกซะ ถ้า หิวน้ำก็หยิบเอาในตู้เย็นตามสบาย แต่ถ้าหิวข้าว…โทษที ฉันทำ อาหารไม่เป็น แต่ในตู้เย็นน่าจะยังเหลือไข่ไก่ ส่วนที่เหลือถ้ายัง ไม่หมดอายุก็กินได้แหละ…”

พูดๆอยู่ ทันใดนั้นเธอก็มีสีหน้าตกใจเหมือนเพิ่งนึกได้ “ถังจิ้นเห ยียน รอยฝ่ามือบนหน้าคุณเริ่มแดงแล้ว รีบนั่งลงก่อนเร็ว
เจิ้งซิ่วหยาพูดเหมือนแร็พตลอดเวลา จนแม้แต่ชายหนุ่มก็ยัง ขัดขืนไม่ทัน

เขาถอดเสื้อกาวน์ออก ถังจิ้นเหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดไว้ ด้านใน เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์จากเสื้อกาวน์หายไป กลิ่นน้ำหอมโค โลญจน์ก็ออกมาจากกลิ่นกายทันที

“นั่งลงนั่งลง เดี๋ยวฉันประคบให้

เธอไม่ใช่แค่พูดจาเร็ว แต่การขยับตัวไปมาก็ว่องไวไม่แพ้กัน ไม่ทันพูดจบเธอก็ดึงถังจิ้นเหยียนลงนั่ง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่จมูกเขา เป็นการออกคำสั่ง “ห้ามขยับ นั่งนิ่งๆ ฉันจะไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำ อุ่น!”

ถังจิ้นเหยียนไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอีกต่อไป เขาส่ายหน้าด้วย ความเหนื่อยหน่าย แล้วทิ้งตัวลงพิงกับโซฟา ก่อนจะหันไปเห็น กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนตู้กระจก ในรูปถ่ายเป็นเจิ้งซิ่วหยาสวมชุด ตำรวจใส่หมวกยิ้มกว้างให้กล้อง เธอยิ้มอย่างคนที่มีความสุขสุด ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงสวยไปทั่วทั้งปาก

ดูก็รู้ว่าเธอรักในอาชีพนี้มากจริงๆ ถึงได้ยิ้มออกมาจากใจซะ ขนาดนั้น

“มาแล้วมาแล้ว!”
ถังจิ้นเหยียนรีบวางกรอบรูปลง เห็นเจิ้งซิ่วหยาถือผ้าขนหนูชุบ น้ำร้อนเดินออกมา เขาก็รีบยื่นมาไปรับ “ผมทำเอง

แต่หญิงสาวว่องไวกว่า เธอเอาผ้าประคบผ้าลงบนใบหน้าเขา “เลิกอวดเก่งสักที คุณหมอถังจิ้นเหยียนคนเก่งโดนญาติคนไข้ตบ หน้า รู้สึกยังไงบ้างคะ?

เธอค่อยๆประคบเบามือ สัมผัสอุ่นๆจากผ้าขนหนูแนบอยู่บนผิว หน้า ไอร้อนซึมซับเข้าตามรูขุมขน ช่วยบรรเทาความเจ็บแสบลง ได้ไม่น้อย

“ผมเข้าใจความรู้สึกของญาติคนไข้ พวกเขาเพิ่งจะเสียญาติไป”

“พอเถอะถังจิ้นเหยียน ที่คุณพูดว่าเข้าใจเป็นความรู้สึกเสียใจ ของญาติคนไข้ หรือเป็นเรื่องที่คุณต้องรับผิดชอบต่อจากนี้กัน แน่? ถ้าฉันเดาไม่ผิด หมอฉู่ที่พวกบรรดาหมอเอ่ยถึง คุณคงอยาก ปกป้องเธอมากสินะ? ยังไง แอบชอบเขาล่ะ ?”

แววตาของชายหนุ่มนิ่งไปในทันใด “ไม่ใช่ เราเป็นแค่เพื่อนสนิท

กัน”

เจิ้งซิ่วหยาค่อยๆประคบหน้าเขาช้าๆ แล้วถามต่อ “ถังจิ้นเหยียน เคยมีคนประคบแผลให้แบบนี้ไหม? ฝีมือฉันเป็นไง?”
ถังจิ้นเหยียนใช้ความคิด เขาเพิ่งนึกได้ว่าเจิ้งซิ่วหยาเป็นผู้หญิง คนแรกที่ช่วยทำให้เขาด้วยความชิดใกล้ขนาดนี้ “เธอเป็นคนแรก ส่วนเรื่องน้ำหนักมือนับว่าใช้ได้ทีเดียว”

เจิ้งซิ่วหยาก้าวเข้าไปนั่งลงบนโซฟา แล้วถามต่อ “งั้นถังจิ้นเห ยียน นายเคยทำแบบนี้ให้คนอื่นหรือเปล่า?”

ถังจิ้นเหยียนเข้าสู่ห้วงความคิด เขาเหม่อลอยเล็กน้อย คนอื่น หรอ…เคย แน่นอนว่าเคย

ผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาเอาแต่คิดถึงมาตลอดหลายปี

“พอแล้ว เดี๋ยวผมทำเอง คุณเจิ้งไม่จำเป็นต้องทำให้ผมด้วยตัว เอง”

“จะรีบทำไม ให้ฉันเดา คนที่สามารถทำให้ศัลยแพทย์ผู้ไร้หัวใจ อย่างนายถึงขั้นลงทุนดูแลด้วยตัวเอง ต้องเป็นผู้หญิงใช่ไหม? คงไม่ใช่หมอฉู่คนนั้นหรอกนะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ