ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 541 เธอไม่จำเป็นต้องทำกับตัวเองขนาด



ตอนที่ 541 เธอไม่จำเป็นต้องทำกับตัวเองขนาด

ตอนที่ 541 เธอไม่จำเป็นต้องทำกับตัวเองขนาดนี้

เรือนจำอันดับ 1 ในเมืองหลวง อย่าว่าแต่ติดคุกนี้เลย แค่ยืนมองอยู่ข้างนอก ก็ให้ความรู้สึก

หดหู่และแทบหายใจไม่ออก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศเช่นนี้ มืดมน อึมครึม ท้องฟ้ามืดครึ้มและดูเหมือนว่ามีเมฆสีดำอยู่เหนือศีรษะ ตัวเอง พยายามที่จะทำให้ตัวเองล้มลงและกดลงให้ถึงที่ สุด

เกาจิ่งอานถือร่มในมือ ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกลง มาอย่างหนัก ดวงตาทั้งสองของเขามองไปที่ประตูอย่าง เศร้า ๆ ความเย็นเยียบแสดงออกทางฝีปากบางๆของเขา และจากนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยความเสียใจและเสียดาย

โจวโร่หลินพยุงเขาด้วยมือสองข้าง เนื่องจากมีพื้นที่ จำกัดในร่ม เธอทำได้แค่ขยับเข้าหาเกาจิ่งอาน ทั้งสองอยู่ ใกล้กัน และพวกเขาสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นของกัน และกันผ่านเสื้อผ้าได้

เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของ เกาจิ่งอาน โจวโร่หลินจึงกัดริมฝีปาก และกระซิบว่า “คุณเกาคะ คุณโอเคไหมคะ?”

เกาจิ่งอาน ประธานเกา ท่านประธานเกา และ คุณเกา การเรียกของเธอมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง

” ไม่เป็นไร ผมชินแล้ว”

หลังจากพูดประโยคเยือกเย็นนี้จบ เกาจิ่งอานก็ก้าว เข้าไป รองเท้าหนังสีดำของเขาเหยียบไปที่น้ำขังบนพื้น ทําให้น้ำส่วนนิ่งกระเด็น และมีน้ำฝนบางส่วนกระเด็นไป โดนขากางเกงของเขา จนทําให้ชายกางเกงเปียกไปหมด

เกาจิ่งอานนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีหน้าต่างกระจกกั้นไว้ ส่วน โจวโร่หลินยืนอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเกาจิ้ง อานได้อย่างชัดเจน มันคือความเศร้าที่ปะปนกับอารมณ์ ที่เขาทําอะไรไม่ได้ มันซับซ้อนมาก

เกาหยิ่งจือถูกใส่กุญแจมือ และใส่เสื้อนักโทษ ถูกผู้คุม ชายคนหนึ่งนําตัวออกมา

เธอผอมลงกว่าครั้งที่แล้วเยอะมาก ใบหน้าที่สวยงาม ของเธอดูไม่มีความรู้สึกใดๆ โหนกแก้มของเธอปูดออก มาเพราะเนื้อตรงแก้มน้อยเกิน สีหน้าของเธอซีดเซียว ผิว ที่แห้งๆของเธอสามารถมองเห็นรอยสิวเล็กน้อยตรงหน้าผาก
เกาจิ่งอานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เกาหยิ่งจือที่อยู่อีกด้าน ของกระจกถูกปลดกุญแจมือออก และหยิบโทรศัพท์ขึ้น มาเช่นกัน

ตอนที่เธอยกมือ โจวโร่หลินเห็นรอยแผลเป็นบนข้อมือ ของเกาหยิ่งจื๊อ ไม่สิ มันมี 2 รอย หนึ่งเป็นรอยแผลเป็น เก่าที่ตกสะเก็ดแล้ว และอีกอันเป็นรอยใหม่ พันผ้าก๊อซไว้ และมีสีเลือดจาง ๆ ซึมออกมา

“จิ่งอาน สภาพตอนนี้ของพี่ มันน่าเกลียดใช่ไหม??” เกา หยิ่งจือเยาะเย้ยตัวเองอย่างเศร้า ๆ จากนั้นเธอก็ก้มหน้า ก้มตาลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เขาเห็นสภาพที่น่าอายของ เธอ

โจวโร่หลินกลัวว่าเกาจิ่งอานจะรู้สึกอาย เธอจึงเดินไป ข้างๆ แล้วเธอก็มองไปที่ทางอื่น และเลิกสนใจสองพี่น้อง เกาหยิ่งจือไป

ลูกกระเดือกของ เกาจิ่งอาน ขยับอย่างแรง เขาส่ายหัว “ พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับตัวเอง ผมเคยบอกพี่แล้วว่า ผมจะ หาทางเอง พี่ทำแบบนี้ มันจะทำให้ตัวเองอับอายมากขึ้น เท่านั้น”

เกาหยิ่งจือทัดผมไว้ที่หลังหูด้วยมือข้างซ้าย และยิ้ม อย่างขมขื่น” จิ่งอาน พี่คิดว่าตัวเองจะไปต่อไหว แต่ตอน นี้พี่ทนไม่ไหวแล้ว สถานที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงๆแห่งนี้ ดูเหมือนจะมองไม่เห็นปลายทางไปชั่วชีวิตเลย นายรู้ไหม? มันยากมากสำหรับพี่ที่ต้องรอคอย และ ลำบากมากที่จะต้องคอยอดทน”

จมูกของเกาหยิ่งคือรู้สึกคัดๆขึ้นมา และน้ำตาก็ไหลออก มาจากดวงตาของเธอ น้ำตาหยดลงบนโต๊ะพร้อมกับเสียง “ทิทะ”

“พี่ครับ พี่รออีกหน่อยนะ ห้าปีเดี๋ยวก็ผ่านไป ผมจะ พยายามหาวิธีลดโทษให้พี่” เกาจิ่งอานไม่สามารถพูดคำ ที่คล้ายกับว่าถ้ารู้ว่าผลจะเป็นเช่นนี้ แล้วตอนนั้นจะทำ แบบนั้นทำไมออกมาได้ พี่สาวที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นญาติ เพียงคนเดียวที่มีสายเลือดเดียวกันบนโลกใบนี้แล้ว

ไม่ว่าเธอจะผิดมากมายขนาดไหน เขาก็ไม่อยากถาม แล้ว แม้ว่าตอนแรกเขาจะเกลียดวิธีการจัดการของเธอ มากแค่ไหน เกลียดความใจด่าของเธอมากแค่ไหน แต่ ตอนนี้เธอถูกลงโทษแล้ว และในส่วนลึกของหัวใจของ เขา มันคือความสงสาร ความเป็นห่วง และไม่อยากให้เธอ เจอเรื่องแบบนี้มากกว่า

เกาหยิ่งจือเช็ดไปที่ดวงตาของเธอ ดวงตาทั้งสองถูก ปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีแดง “จิ่งอาน นายสบายดีไหม? ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
เกาจิ่งอานพยักหน้า “ผมสบายดี ไม่ต้องห่วงผมครับ”

“นายสบายดีก็ดีแล้ว…….. เกาหยิ่งจือยิ้มอย่างขมขื่น

เกาจิ่งอานเห็นรอยแผลเป็นที่แขนของเธอ และรอยแผล เป็นจาง ๆ บนไหปลาร้า เขาทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูด ว่า “พี่ครับ พี่ไม่ต้องทำกับตัวขนาดนี้ก็ได้ ทำแบบนี้เพื่อ อะไร?”

เกาหยิ่งจือบีบรอยยิ้มออกมาอย่างยากล่ามาก เธอ เปลี่ยนเรื่องคุย และหัวเราะเบา ๆพร้อมพูด “เธอเป็นแฟน ของนายใช่ไหม?”

ตอนที่เธอถาม เธอมองไปที่โจวโร่หลิน

“ไม่ใช่ครับ” เกาจิ้งอานตอบอย่างรวดเร็ว

เกาหยิ่งจือรีบพูดต่อว่า “จิ่งอาน นายควรหาผู้หญิงสักคน แล้วแต่งงานได้แล้ว นายเป็นลูกคนเดียวของตระกูลเกา และเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเกา และตอนนี้นายก็ โตแล้ว รีบแต่งงานมีลูก ฉันจะได้รู้สึกสบายใจ ผู้หญิงคน นี้ ดูเป็นผู้หญิงที่ดี ดีกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่นายเคยคบ…

“พี่ครับ เธอไม่ใช่แฟนผม เรื่องตัวเองผมจะจัดการให้ดี” เกาจิ่งอานพูดอย่างหมดความอดทน ดูเหมือนว่า เขาจะไม่เต็มใจที่จะคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องความรักกับ เกาหยิ่งจือซะเท่าไหร่

เธอเป็นคนขี้แพ้โดยสิ้นเชิง แพ้ด้านความรัก แม้จะพูด เรื่องนี้กับเธอ เกาจิ่งอานก็รู้สึกไม่สบายใจ

เกาหยิ่งจือไม่รู้ความคิดของน้องชาย แต่เธอกลับพูด อย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า “ บอกอีกว่าไม่ใช่แฟน เธอ ใส่เสื้อผ้าของฉัน นายพาเธอไปที่บ้านมาใช่ไหม? นายไม่ เคยพาผู้หญิงกลับบ้านเลย เธอน่าจะเป็นคนแรก?”

เกาจิ่งอานรู้สึกซึมเล็กน้อย ผู้หญิงนี่เป็นนักสืบจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเลือดที่จะไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ให้ เธอเข้าใจผิดก็ดี เขามีความสัมพันธ์ที่มั่นคง เธอก็จะได้ สบายใจมากขึ้น

” พี่ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง?

เกาหยิ่งจือก็วิจารณ์โจวโร่หลิน มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่า “รสนิยมใช้ได้ ชุดที่เลือกเป็นชุดนางแบบจาก Paris Fashion Week ของปีที่แล้ว ส่วนสูงก็โอเค แม้ว่าหน้าตา จะไม่ได้สวยจนน่าทึ่ง แต่ก็ดูดี สิ่งสำคัญคือ นายชอบก็ โอเค”

เกาจิ่งอานได้ยินว่าพี่สาวของเธอให้การประเมินผลที่สูงเช่นนี้แก่โจวโร่หลินและรู้ว่าเธอเห็นด้วยเพราะพี่สาว ของเธอแทบจะไม่ชมใครเลย “ดี พี่คิดว่าดี”

“เรียกเธอมาที่นี่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอสักสองสามคำ” เกาหยิ่งจือกล่าวด้วยท่าทางของพี่สาวคนโต

“อึ้งอยู่ทำไม? พ่อกับแม่ไม่อยู่ พี่สาวไม่ควรช่วยตรวจ หน่อยเหรอ?”

เกาจิ่งอานรู้สึกอึดอัดใจ “โอเคครับ พี่รอสักครู่

เกาจิ่งอานกดไมโครโฟนไว้และเรียกให้โจวโร่หลินเข้า

มา

“คุณโจวครับ ช่วยอะไรผมหน่อยนะ …” เกาจิ่งอานเล่า สถานการณ์ให้เธอฟังอย่างสั้นๆ “เข้าใจไหมครับ? ช่วย ผมหน่อย ผมจะไม่เอาเปรียบคุณแน่ๆ

โจวโร่หลินกัดฟันไว้ ไอ้เลวนี่!

“ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!”

หลังจากที่หยิบโทรศัพท์ขึ้น โจวโร่หลินก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่หยิ่งจือคะ สวัสดีค่ะ หนูคือโจวโร่ nau…….”

เกาหยิ่งจือหัวเราะออกมาอย่างน่าทึ่ง “คุณเป็นแฟนของ จึ่งอานใช่ไหม?”

“ค่ะ เราเพิ่งตกลงคบกันค่ะกัน”

เกาจิ่งอานแสยะยิ้มแห้ง ๆ

“งั้นก็ดีเลย จริงๆแล้วจึงอานดีกับผู้หญิงมากๆ คุณคบ กับเขาต้องมีความสุขแน่ๆเลย จึงอานและฉันสูญเสีย พ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ เขาดูแลตัวเองได้ และเข้มแข็งมาก บางครั้งเขานิสัยไม่ค่อยดี หวังว่าคุณจะอดทนกับเขา หน่อย……

ทั้งหมดนี้ เกาหยิ่งจือพูดไปเยอะมาก

โจวโร่หลินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“หมายเลข 47 จะหมดเวลาแล้ว

ผู้คุมเตือนอยู่ข้างๆ
โจวโร่หลินเอาโทรศัพท์ให้เกาจึ่งอาน

พี่สาวครับ อย่าทำพฤติกรรมโง่ ๆที่ทำร้ายตัวเองอีกนะ เรื่องที่ผมสัญญากับพี่ไว้ผมจะทำให้ได้ ผมจะมาเยี่ยม บ่อยๆนะ” เกาจิ่งอานกล่าวประโยคสุดท้ายจบ และไม่ได้ พูดอะไรที่ไร้สาระอีก

เกาหยิ่งจือพยักหน้าราวกับเด็กน้อยที่รอความช่วยเหลือ จากคนอื่น เธอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่น้องชายของเธอ “จิงอาน ทางหลงเซียว ฝากนายด้วยนะ”

เกาจิ่งอานหลับตาลง หมดเวลาพอดี เขาไม่พูดอะไรอีก ต่อไปแล้ววางโทรศัพท์ลงทันที

พี่สาวพยายามขนาดนี้เพื่อให้เขามา ถึงขั้นที่ทำร้ายตัว เองเพื่อให้เขาเห็นใจเธอ ท้ายที่สุดแล้วก็พยายามกดดัน เขา ให้เขารีบทำให้หลงเซียวเห็นใจโดยเร็วที่สุด หลง เซียวเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเธอ จะต้องกำมันไว้แน่นๆ

หลังจากออกมาจากคุก ฝนก็ตกลงเล็กน้อย โจวโร่หลิน พยุงเกาจิ่งอานขึ้นรถไป ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถอย่าง เงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกัน

“คุณเกาคะ เราไปกันไหม?” โจวโร่หลินรู้สึกหนาวมาก และความเยือกเย็นที่เกาจิ่งอานเผยออกมามันเย็นเกินไป

” เธอเชื่อหรือไม่ว่า คนผิดกลับตัว?” เกา งอานเงียบไป อยู่นานและจู่ๆก็พูดอะไรแบบนี้ขึ้นมา

“โอ้?” โจวโร่หลินเหลือบมองเวลา ไอบ้าเอ้ย รางวัลความ ขยันของเดือนนี้จบแล้ว เงินรางวัลความขยันห้าร้อย หยวนอดได้เลย!

“อา … มีหลายกรณีเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ คนทำผิดก ลับตัว แม้ใช้ทองคำก็แลกมาไม่ได้ที่ว่านี้ แต่ยังมีคำพูด ที่ว่า ยังไงสุนัขไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยกินอึของตัวเอง ได้ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคนและ สถานการณ์”

ในครึ่งประโยคที่เธอพูด สายตาของเกาจิ่งอานก็ฉาย แววเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ไอ้เด็กเวรนี่ กำลังพูดอะไรกัน!

สมองของโจวโร่หลิน หมุนไปมา ไอ้บ้าเอ๊ย เขาเพิ่งเดิน ออกมาจากเรือนจำ เขาต้องถามเกี่ยวพี่สาวของเขาสิ นี่ เธอกลับพูดอย่างนั้น โอ๊ะนี่หาเรื่องตายชัดๆ

“คือ … ที่จริงฉันคิดว่า คนเราต้องดีขึ้นแน่ ๆ มนุษย์ไม่ใช่ นักปราชญ์ที่จะไม่มีทางทำผิด ขอแค่พวกเขารู้ข้อผิด พลาดและแก้ไขมัน ” เห็นได้ชัดว่าผลของการพูดแก้ไขนี้มันไม่ได้ผลมากนัก

เกาจิ่งอานโบกมืออย่างหงุดหงิด “พอแล้ว เธอหุบปาก เลย อีกอย่าง ไปบ้านเธอ

“อ๊ะ? !!! ทำไมล่ะ?!” โจวโร่หลินรู้สึกสงสัย เธอปฏิเสธ เขา!

“คุณใส่เสื้อผ้าของพี่สาวผม มันไม่เหมาะสม ไปเปลี่ยน ซะ” เกาจิ่งอานลูบคิ้วของเขาด้วยมือข้างเดียว

เขาเซ็งเล็กน้อย

โจวโร่หลินตะคอกไป “ ไม่เป็นไร ฉันไปซื้อชุดที่ห้าง สรรพสินค้าแถวๆนี้ก็ได้ ชุดนี้ฉันจะซักแล้วคืนให้คุณ”

เกาจิ่งอานหงุดหงิดใจ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้ว เขาก็เปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง “ช่างมันเถอะ เสื้อที่เธอใส่แล้ว พี่ก็ไม่เอาแล้วอยู่ดี แต่ว่าเธอ ….. . ฉันให้เธอเลือกชุดใหม่ ทำไมเธอถึงใส่เสื้อเก่า? ?”

ละยังเลือกโดนชุดที่มันเป็นลิมิเต็ดซะด้วย มิฉะนั้นพี่ก็คง

ไม่รู้หรอก!

โจวโร่หลินรู้สึกอึดอัดใจมาก “เกาจิ่งอาน คุณเป็นบ้าอะไร? ฉันแค่ใส่เสื้อผ้าเอง คุณจะมาจู้จี้จุกจิกทำไม? ไม่ อยากให้ฉันใส่ ฉันจะถอดให้นาย!”

เกาจิ่งอานรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องของพี่สาว ตอนนี้เขา อารมณ์ร้อนมาก และพูดเถียงกลับไปว่า “โอเค ถอดสิ ถอดมันออกตอนนี้เลย ถอดทั้งข้างในข้างนอก ถอดแล้ว ไว้ที่ฉันให้หมด”

แม่งเอ๊ย!!

โจวโร่หลินตบไปที่พวงมาลัยอย่างแรง “ ได้! ถอดก็ ถอด!”

พูดไปเธอก็เริ่มถอดเสื้อกันหนาวออก ความดันของเธอ พุ่งไปที่หัว เธอเปิดชายกระโปรงขึ้นมา เตรียมถอดออก

เกาจิ่งอานดูท่าทางของเธอด้วยความโกรธ เขานั่งๆเงียบ

อย่างเฉยเมย ไม่พูดอะไรสักคำ

ทันใดนั้น Ferrariสีแดงก็มาจอดอยู่หน้า Benz พร้อม คลื่นน้ำขนาดใหญ่ เกาจิ่งอานหรี่ตาลง

โจวโร่หลินกัดฟันไว้ ไม่ได้ จะยอมเขาไม่ได้ “นายให้ฉัน ใส่ฉันก็ต้องใส่ นายให้ฉันถอดฉันก็ถอด นายคิดว่าฉัน เป็นตัวอะไร!”
เกาจิ่งอานไม่ได้สนใจเธอ แต่มองไปที่ Ferrari ด้วยรอย ยิ้ม ประตูหน้าของรถเปิดออก เห็นร่มสีดำยื่นออกมาตาม ด้วยรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งที่พยุงขายาวเรียวสองข้าง

คนนั้นคือโม่หรูเฟย

“ว้าวโม่หรูเฟย !! โม่หรูเฟยจริงๆด้วย ดารานะเนี่ย!!!” โจว โร่หลินผู้ไม่เคยเห็นเธอ เธอแนบใบหน้าของตัวเองไว้ตรง กระจกหน้ารถ จ้องมองร่างสีกาแฟเข้มที่สวยงามนั้น

เกาจิ่งอานดึงตัวโจวโร่หลินให้กลับมาและกดเธอลงบน เก้าอี้ “นั่งดีๆ!”

“นั่นโม่หรูเฟยนะ! ดาราหญิงคนโปรดของฉันในเมื่อก่อน แต่สุดท้ายเธอลาออกจากวงการบันเทิง ช่างน่าเสียดาย จริงๆ ฉันชอบเธอจริงๆนะ!”

เกาจิ่งอานอยากบีบคอเธอจริงๆ “ต่อไปนี้ห้ามชอบเธอ อีก! ปัญญาอ่อน!”

โจวโร่หลินกําลังควบคุมอารมณ์ของเธอ ดวงตากลมๆ ของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของเกาจิ่งอาน และพูดอย่าง เคร่งขรึมว่า “เกาจิ่งอาน คุณด่าฉันได้ แต่ห้ามด่าไอดอล ของฉัน ขอโทษเดี่ยวนี้”
“ปัญญาอ่อน!”

เกา งอาน เฝ้าดู โม่หรูเฟย ลงจากรถเพียงลำพัง และ กางร่มแล้วเดินตรงไปที่ประตูเรือนจํา

เธอมาทำอะไรที่นี่? มาเยี่ยม ซุนเจียลี่หรือมาเยี่ยมพี่สาว ของเขา?

โจวโร่หลินทนไม่ไหวแล้ว เธอก็เลยไม่ทนมันซะ เลย “เกาจิ่งอาน นายทำให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ !! นาย …นายอยากตายใช่ไหม!”

เกาจิ่งอานขมวดคิ้ว หมุนหัวของโจวโร่หลินด้วยมือ ใหญ่ๆของเขา และพูดด้วยโทนเสียงต่ำๆที่ไร้เดียงสาและ น่าสงสารว่า “ฉันหิว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ