ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 402 ในนิทานของฉัน เธอคือเจ้าหญิง



ตอนที่ 402 ในนิทานของฉัน เธอคือเจ้าหญิง

ตอนที่ 402 ในนิทานของฉัน เธอคือเจ้าหญิง

ลั่วหานหันไปเห็นรูปถ่าย จากนั้นน้ำเสียงก็อ่อนลง “ที่รัก รูป ล้างเรียบร้อยแล้ว สวยมากเลยล่ะ ฉันว่าจะอัดใส่กรอบแล้ว แขวนไว้ในห้องนอน

มุมปากของหลงเซียวค่อยๆยกยิ้ม “อืม ตามใจที่รัก”

ล้วหานเบ้ปาก ใบหน้าที่ประดับด้วยเหงื่อค่อยๆเบิกบาน “อะไรๆก็ตามใจฉันหมด คุณหลงช่างใจกว้างซะจริง”

หลงเซียวรู้สึกมีความสุขเวลาที่ได้โทรคุยกับเธอ น้ำเสียง วางมาดดังมาจากปลายจากสาย “ถ้าเรื่องเล็กๆฉันตามใจเธอ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ต้องฟังความเห็นจากฉัน”

ความเจ็บเหมือนถูกหนามคมแทงผุดขึ้นตรงฝ่าเท้า เธอเผลอ ร้องเสียง “อ้ก” ออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

หลงเซียวรีบแนบโทรศัพท์กับหูน้ำเสียงดุดันขึ้นทันที

ลั่วหานจับเท้ามาวางบนโซฟา “เปล่าเป็นอะไรนี่ แค่ทำให้คุณ ตื่นตัวสักหน่อย แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบไปนอนเถอะ”
“ไม่เป็นไรแน่นะ?”

“อยู่ในบ้านตัวเองจะเป็นอะไรได้ล่ะ? รีบไปนอนเลย ฝันดีค่ะ”

ทันทีที่วางสาย ในที่สุดลั่วหานก็อดกลั้นกับความเจ็บไม่ไหว อีก เธอร้องโอดโอยขึ้นมาใหม่ โชคดีที่ก้อนหินไม่ได้บาดเท้า เธอลืกเกินไป ทายาไปแล้วสักสองสามวันก็น่าจะดีขึ้น

เท้าทั้งสองข้างถูกพันแผลจนเสร็จ ลั่วหานจับโซฟาเพื่อพยุง ตัวลุกขึ้น แล้วเดินจับกำแพงเข้าห้องน้ำ ท่าทางคืนนี้เธอคง ทรมานเองเรื่อง

โทรศัพท์ของหลงเซียวมีสายโทรเข้าตามมาติดๆ

เกาจิ่งอานเงียบไปหลายวันในที่สุดก็โทรหาเขาสักที

หลงเซียวเดินกลับห้อง ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาจากนั้น ปลายนิ้วก็สไลด์ลงบนหน้าจอ “ไปถึงไหนแล้ว?”

เกาจิ่งอานในเวลานี้อยู่บนเรือยอร์ชส่วนตัว เขาส่งเสียงจุ๊ๆ “พี่ เซียว ผู้หญิงของเหลียงหยู้คุนไม่ธรรมดาจริงๆด้วย พูดจามาที บาดหูทุกคํา”

เมื่อเรือแล่นเข้าใกล้ฝั่งทะเลแถบอเมริกา เสียงหัวเราะอันไร้ ซึ่งจริตก็ดังขึ้นเป็นระยะ เสียงดังลั่นที่แม้จะใส่หูฟังอยู่ก็ยัง ได้ยินชัดเจน
หลงเซียวขมวดคิ้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกห่างจากหู ก่อนจะ พูดต่อ “แล้ว? ไม่มีความคืบหน้า?”

เกาจึงอานร้องเหอๆๆ ชายหนุ่มพิงตัวกับราวจับ มือข้างนึงถือ แก้ววิสกี้ แสงอาทิตย์กระทบกับผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับ ราวกับเศษทองคำ

“ทำไมจะไม่คืบหน้า พี่เซียวดูถูกผมเกินไปแล้ว แต่ผู้หญิงที่ ผมเข้าไปทําความสนิทด้วยไม่ใช่คนที่เหลียงหยู้คนหลงที่สุด สิ่งที่เราจะได้จากผู้หญิงคนนี้เห็นทีคงมีไม่มาก เธอบอกแค่ว่า ปกติแล้วเหลียงหยู้คุนคลุกคลีอยู่กับใครบ้าง ส่วนเรื่องในอดีต ดูท่าทางเธอจะไม่รู้อะไรเลย ผมจะทำความรู้จักให้ได้ลึกซึ้ง กว่า ”

หลงเซียวส่งเสียงหึ “ทําความรู้จัก…ให้ลึกซึ้งกว่านี้?”

เกาจิ่งอานทำความเข้าใจความหมายของหลงเซียวอยู่ไม่ นาน จากนั้นจึงหัวเราะเสียงดัง “พี่ชาย คิดอะไรน่าเกลียด ผม หมายถึงเข้าไปทำความเข้าใจเรื่องราวให้มากขึ้นต่างหาก ไม่ ได้มีความนัยอื่นเลย เหอๆๆ!”

หลงเชียวพยักหน้าเบาๆ “ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่?”

เกาจิ่งอานพูดไม่ออก จึงทำเสียงฮึดฮัดตรงจมูกแล้วหัวเราะ โง่ๆแก้เขินอยู่พักนึง “ลืมไปว่าพี่เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ดีงาม ผมคงคิดมากไปหน่อย ช่วงนี้เหลียงหยู้คุนมีความเคลื่อนไหว อะไรหรอ? ไอหมอนี่มีพลังใหญ่คอยหนุนหลังอยู่คิดว่าน่าจะสู้รบตบมือด้วยไม่ง่าย พี่อยู่ปูนต้องระวังตัวให้มาก นะ

“อืม”

เกาจิ่งอานมองซ้ายแลขวา แล้วพูดขึ้นเบาๆอย่างระมัดระวัง “พี่ ในบรรดาคนที่เหลียงหญ้คุนไปมาหาสู่ด้วยบ่อยๆ มีหลาย คนที่พี่น่าจะคุ้นชื่อทั้งเสิ่นเหลียว เสิ่นคั่วและตู้หลิงเซวียน”

หืม?

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อพวกนี้ ตรงกันข้าม หลงเซียวคุ้นชื่อเหล่านี้มากทีเดียว

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงว่าตู้หลิงเซวียนจะมีความ เกี่ยวข้องกับเหลียงหญ้คุนด้วย พอลองโยงข้อมูลต่างๆเข้าด้วย กัน หลงเซียวก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันที

“ดูท่าทางครั้งก่อนที่เหลียงหยู้คุนมันกล้าลงมือกับฉันคงเป็น เพราะได้ตระกูลเสิ่นกับตระกูลตู้มาเข้าพวก” นิ้วเรียวของหลง เซียวจิกลงบนโซฟาหนังแท้ แล้วลากยาวไปตามรอยเย็บ

เกาจิ่งอานพยักหน้า “ผมก็คิดว่าเป็นแบบนั้นเหลียงหยู้คุน ไม่ใช่คนโง่ เขาคงไม่ซี้ซัวตัดหนทางหาเงินของตัวเองแน่”

“หมายความว่า เหลียงหยู้คุนอาจจะมีสิ่งมีชีวิตเป็นโขยงที่ต้องผ่านท่าเรือของเสิ่นเหลียว ก่อนจะส่งต่อไปยังเขตรับ สินค้าที่อเมริกาซึ่งตู้หลิงเซวียนเป็นคนดูแล ฉันจะส่งคนไป จับตาดูจุดเชื่อมต่อท่าเรือทั้งสองแห่งนี้”

“อืม ผมก็คิดว่างั้นครับ แต่ถ้าเกิดเหลียงหยู้คุนโดนจับ เขา คงสืบสาวมาถึงพี่แน่ ผมขอคิดวิธีปิดปากเขาก่อน ดูสิว่าเขา กำความลับอะไรไว้ ขืนปล่อยให้ไปถึงตำรวจ ตอนนั้นเราคง จัดการอะไรลําบาก”

“งั้นผมขอสืบดูสถานการณ์ต่อก่อน ตอนนี้ที่จีนเป็นเวลากลาง คืน พี่พักผ่อนเถอะ”

“อืม นายก็ระวังตัวด้วย”

“พี่ไม่ต้องห่วง ก็แค่สู้กับผู้หญิง ผมรู้จักระยะห่างดี อีกอย่าง ผมเองก็มีประสบการณ์อยู่แล้ว”

เวลาแบบนี้ยังจะมาขี้โม้อีก?

นับวันเรื่องนี้ก็ยิ่งไม่ธรรมดาขึ้นทุกที ดูท่าทางครั้งนี้จะเป็นศึก

ใหญ่

ในช่วงเวลากลางดึกไม่รู้ว่าฝนตกลงมาหนักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อ ไหร่ เม็ดฝนพัดเข้ามาตีกับหน้าต่างจนเกิดเสียงเปาะแปะ หลง เซียวเปิดคอมพิวเตอร์ส่งอีเมล เมื่อจดหมายถูกส่งออกไปเรียบร้อยเขาจึงปิดหน้าจอแล้วเดินไปอาบน้ำ

กู้เยนเซินเปิดประตูในห้องพัก ไป่เวยยืนกอดอกหนูด้านนอก หญิงสาวมองชายหนุ่มสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มไม่ยอมเข้า ห้อง

กู้เยนเซินยื่นแขนออกไปโอบเอวเล็ก “ที่รัก ผมรอคุณตั้งนาน แหนะ”

จะไม่นานได้ไง? พูดกันซะดิบดีว่าตระกูลโม่ซื้อขายเสร็จสิ้น จะมานอนค้างที่บ้านเขา ใครจะคิดว่าเสร็จงานนั้นปุ๊บไป์เวยก็ กลายเป็นคนบ้างานไปซะงั้น ทุกวันทำงานไม่ถึงตีสามไม่ยอม หลับไม่ยอมนอน ไหนจะตื่นแต่เช้าไปตรวจบัญชีที่ตระกูลโม่ อีก ทำอย่างกับร่างกายทำจากเหล็กงั้นแหละ

จากที่กู้เยนเซินตั้งใจจะพูดเรื่องเงื่อนไข แต่พอเห็นเธอแล้ว เขาก็เลวไปมากกว่านี้ลง

เพราะแบบนั้น สุดท้ายเขาจึงทำได้แค่ทำงานเป็นเพื่อนเธอ เหนื่อยก็ไม่กล้าบ่น

ในแขนของไป๋เวยถือกระเป๋าใบเล็กๆมา กำไลสีทองเส้นเล็กๆ พาดอยู่บนแขน แขนขาวๆดั่งหิมะยื่นไปคล้องแขนชายหนุ่ม ริมฝีปากสีชมพูระเรือลอยมาพร้อมกับลมหายใจหอมๆ “รีบ อะไรขนาดนั้น ฉันก็มาแล้วนี่ไง ฉันมาบ้านคุนครั้งแรกคุณก็ต้อนรับฉันแบบนี้หรอ?”

กู้เยนเซินยักคิ้วขึ้น แขนใหญ่ออกแรงดึงร่างบางเข้ามาไว้ใน อ้อมกอด ชายหนุ่มใช้ขาเตะประตูปิดเสียงดัง “ปิ้ง”

ไป์เวยไม่ทันได้มองภาพที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นแผ่นหลังของตัว เองก็เย็นวูบ ร่างเธอถูกกู้เยนเซินคร่อมทับกับบานประตู ตาม มาด้วยจูบอันแสนดูดดื่ม

นิ้วเรียวของเขาประทับลงบนริมฝีปากหญิงสาว เป็นการไม่ ให้เธอพูดอะไร สายตาพิศวาสแกมยิ้มๆจ้องไปที่เธอ “มากับ

ไป์เวยถูกอีกฝ่ายยั่วจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอปล่อย ให้อีกฝ่ายจูงมือเธอเดิน บ้านของกู้เยนเซ็นใหญ่มาก ทั้งหลัง ตกแต่งโดยเน้นใช้สีขาวดำเป็นหลักตามสไตล์ผู้ชายโสด เพ้น เฮ้าส์ที่มีขนาดสองชั้นมีบันไดวนยื่นออกมาตรงกลาง

ดูไม่ออกเลยว่าที่พักอาศัยของเขาจะมีรสนิยมอยู่ไม่น้อย

กู้เยนเซินพาไป์เวยขึ้นบันไดไม้สัก ด้านบนเป็นห้องนอน ขนาดใหญ่ เป็นห้องนอนแบบโอเพ่น เชื่อมกับระเบียงกว้าง ขวาง รูปแบบโดยภาพรวมมีความไฮโซหรูหรา

ในห้องนอนชั้นสอง นอกจากจะมีเตียงนอนสองคนขนาดคิงไซส์ ยังมีตู้เสื้อผ้าระบบกลไกขนาดใหญ่ โดยฝั่งตรงข้ามเป็น ห้องอาบน้ำพอดี บริเวณตรงกลางสว่าง และปลอดโปร่ง

“เพิยะ!”

ไปเวยยังไม่ทันชมจนครบ จู่ๆกู้เยนเซินก็ปิดไฟบนเพดาน ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสลัวทันใด

“ประธานกู้รีบอะไรขนาดนั้นคะ? ปิดไฟแล้วหรอคะ นี่มันเพิ่ง จะกี่โมง”

คําพูดของไปเวยจบลง สองแขนของกู้เยนเซินก็รัดเข้ากับเอว บาง ชายหนุ่มสูดกลิ่นหอมๆจากเส้นผมของเธออย่างโหยหา “รออีกหนึ่งนาที

ไป๋เวยถูกเขาสวมกอดแน่น ร่างของทั้งสองมีเพียงเสื้อผ้า คั่นกลางจนต่างฝ่ายต่างก็สัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้าน ความ ปรารถนาของอีกคน โดยเฉพาะกู้เยนเซิน ไปเวยรู้ดีว่าไอ้คน หิ่นอย่างหมอ คงรอไม่ไหวแล้ว

ไม่ถึงหนึ่งนาที ภายในห้องก็ค่อยๆสว่างขึ้นอีกครั้ง โคมไฟ กลางคืนรูปเห็ดส่องสว่างไปทั่วทุกมุมห้อง ตั้งแต่บนพื้นไป จนถึงตู้เสื้อผ้า ตั้งแต่หน้าต่างไปจนถึงเพดาน แสงของโคมไฟ กลางคืนส่องระยิบระยับเหมือนหิ่งห้อยตัวน้อยๆ ที่ส่องแสง กระพริบและขยับไปมา

ไป์เวยอ้าปากค้างพูดไม่ออก แสงเล็กๆพวกนี้รวมกันจนเกิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษว่า I LOVE U ทั้งสีชมพู สีเหลือง สี ฟ้า และสีอื่นๆรวมกันเข้ามาแทนที่แสงสว่าง ห้องนอนหรูหรา เมื่อสักครู่ถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกในชั่ว นาที

กู้เยนเชินจับคางของไปเวยไว้มั่น เขาโน้มตัวลงมากระซิบ ข้างใบหู “ชอบไหม?”

ดวงตาของหญิงสาวเริ่มมีสีแดงจางๆ เธอไม่เคยคิดฝันมา ก่อนว่าตัวเองจะได้เจอผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายที่ดึงเธอขึ้นมาจาก โคลนตม และให้ความรักที่แสนโรแมนติกแบบที่ผู้หญิงทุกคน ใฝ่ฝัน กับเธอ

เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด เธอเข้าใจว่าระหว่างตัวเธอกับกู้เยน เซินมันเป็นแค่ละครหนึ่งฉาก เรากอดกันเมื่อรู้สึกหลงใหล และ บอกลากันเมื่อต่างฝ่ายต่างหมดใจ มันก็แค่นี้

แต่ว่า…

“กู้เยนเซิน ทําบ้าอะไรของนาย? ทำห้องจนเป็นแบบนี้คิดว่า ตัวเองกำลังอยู่ในหนังสือนิทานหรือไง?”

คําพูดคําจายังคงจัดจ้าน แต่ดวงใจเหลวเป่วไม่ต่างอะไรกับ น้ำ ถ้าตอนนี้เขาพูดว่าให้เธอไปกับเขา หญิงสาวตรงหน้าต้อง พยักหน้าสมยอมแน่

แต่กู้เยนเซินกลับไม่ทำอย่างนั้น เขาลูกผมของไป๋เวยอย่างอ่อนโยน แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากมน “เวยเวย อะไรที่ผู้หญิง คนอื่นมี ฉันจะหามาให้เธอทั้งหมด เธอเป็นผู้หญิงของกู้เยน เซิน ก็เหมือนกับเป็นเจ้าหญิงในนิทานของฉัน ฉันจะรัก และ ดูแลเธออย่างดีที่สุด

น้ำตาของไปเวยหยุดไม่อยู่อีกต่อไป มันไหล “ติ่งติ่ง” ลงบน หน้าอกของกู้เยนเซิน ร่างบางอ่อนยวบสวมกอดลงบนอ้อม กอดของเขา “กู้เยนเซินนายรู้หรือเปล่า ฉันไม่ได้อยากร้องไห้ เลยสักนิด! ฉันไม่ชอบร้องไห้เอาซะเลย!”

กู้เยนเซินดึงไป์เวยเข้ามากอดด้วยใจอ่อนยวบ สองแขนแข็ง แรงโอบเธอแน่นจนแทบไม่มีอากาศเล็ดลอดเข้ามาได้ ต่อ จากนี้ไป เธอจะร้องไห้ก็ได้ แต่ต้องร้องไห้ในอ้อมกอดของฉัน เท่านั้น”

ไป์เวยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เธอร้องไห้ฮือในอ้อมกอดของ เขา “คนบ้า! กู้เยนเซิน นายมันไอคนบ้า!

“โอเคๆๆ ฉันมันคนบ้า แต่คนบ้าคนนี้ตกหลุมรักเธอแล้ว รัก เธอมากด้วย เธอล่ะ? รู้ว่าเขาบ้า เธอยังจะรักเขาอยู่ไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ